<![CDATA[<a href="https://www.youtube.com/watch?v=SwZMS-ISbH4" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=SwZMS-ISbH4</a>]]>
เพลงของศิลปินชาวมาเลเซีย ที่ถ่ายทำมิวสิกวิดีโอในกรุงเทพฯ มีเนื้อร้องบางส่วนเป็นภาษาไทย และกล่าวถึงการจีบหญิงสาวชาวไทย กลายเป็นที่พูดถึงกับอย่างกว้างขวางในหมู่ชาวไทย ด้วยเนื้อหาที่สะท้อนถึงมุมมองของชาวต่างชาติต่อหญิงสาวชาวสยาม โดยศิลปินที่เรียกได้ว่าอื้อฉาวที่สุดในมาเลเซีย ด้วยฉายา “ราชาแห่งความอื้อฉาว” ศิลปินหนุ่มวัย 29 ปี ชาวยะโฮร์ เชื้อสายจีนจากไหหลำ ถือเป็นศิลปินหนุ่มคนดังแห่งมาเลเซีย เขามีผลงานทั้งเพลงแนวฮิปฮอป รวมถึงการกำกับภาพยนตร์ ที่แต่ละครั้งมักจะสร้างหัวข้อถกเถียง ท้าทายกฎหมาย และแบบแผนของสังคมอันเคร่งครัด แม้จะมีคนชาติเดียวกันกล่าวโจมตีสาดเสียเทเสีย แต่จำนวนไม่น้อยก็ชื่นชมในผลงานของเขาไม่น้อย
ดูเหมือนว่าตอนนี้ “เนมวี” หรือ “Namewee” คนนี้จะกลายเป็นที่รู้จักในเมืองไทยไปด้วย กับผลงานเพลงบอกรักหญิงสาวชาวไทย เพลงป๊อปทำนองน่ารัก, เนื้อเพลงภาษาไทยสำเนียงมาเลย์ กับเนื้อหาแนวจิกกัดแต่พองาม และมิวสิกวิดีโอฮาๆ ผลงานของ ชยนพ บุญประกอบ แห่งหนังฮิต ซักซี้ด ห่วยขั้นเทพ ที่สะท้อนมุมมองของชาวต่างชาติต่อเมืองไทยได้อย่างน่าสนใจ
เนมวี ที่มีชื่อจริงว่า “หวงหมิงซื่อ” เริ่มต้นอาชีพสายศิลปินด้วยการเขียนเพลงเองตั้งแต่สมัยมัธยม จนมีโอกาสรวมกลุ่มกันกับเพื่อนๆ ตั้งวงดนตรีขึ้นมา และชนะในการประกวดเวทีท้องถิ่นหลายครั้ง ต่อมาเมื่อเดินทางไปศึกษาต่อที่ประเทศไต้หวัน ก็ยังทำเพลงต่อเนื่อง เป็นผลงานที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตจริงๆ ของประเทศบ้านเกิดอย่างมาเลเซีย ด้วยเพลงที่ใช้ภาษาอันหลากหลายไม่ว่าจะเป็น มลายู, จีนกลาง หรือกระทั่งฮกเกี้ยน เพื่อสะท้อนและเข้าถึงสังคมที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลายเชื้อชาติและภาษาในมาเลเซีย
<![CDATA[<a href="https://www.youtube.com/watch?v=gyiBvJtJ5Z4" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=gyiBvJtJ5Z4</a>]]>
ชื่อเสียงของ “เนมวี” มาโด่งดังเป็นพลุแตกเอาเมื่อออกผลงานอัลบั้มแรกเมื่อปี 2007 หลังเพลง “Love My Country Negarakuku (Visit Malaysia 2007 Theme Song)” หรือ “เพลงชาติมาเลเซีย” ในแบบของเขาเอง กลายเป็นที่วิจารณ์กันในวงกว้าง และสร้างความไม่พอใจในหมู่ชาวมาเลย์บางส่วนขึ้นมา
ในบทเพลงสุดอื้อฉาวดังกล่าว เนมวี เริ่มต้นด้วยการอุทิศผลงานชิ้นนี้ให้กับ “คนมาเลเซียทุกคนโดยเฉพาะรัฐบาล” โดยเนื้อหาในเพลงมีการพูดถึงวิถีชีวิตของชาวมาเลย์ เป็นวิถีที่สุดที่แท้จริง ไม่ใช่ในสื่อโฆษณาของรัฐ เพื่อการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว แน่นอนว่า รวมไปถึงด้านลบอย่างการทุจริตของเจ้าหน้าที่ตำรวจ, สาธารณูปโภคอันย่ำแย่ และนโยบายที่เห็นได้ชัดว่าให้ประโยชน์คนเพียงบางกลุ่ม
แต่ส่วนที่สร้างปัญหาที่สุด ก็คือ เนื้อเพลงที่กล่าวถึงกลุ่มผู้นับถือศาสนาอิสลาม โดยเฉพาะตรงที่พูดถึงการละหมาด หรือ “การประกอบกิจบูชาสักการะอัลลอหฺ” ที่มุสลิมต้องกระทำวันละ 5 เวลา ซึ่ว เนมวี เรียกว่า เป็นเหมือน “นาฬิกาปลุก” ที่ทำให้เขาต้องสะดุ้งตื่นทุกๆ เวลาตีห้าของทุกวัน
ผลงานของ เนมวี สร้างข้อถกเถียงเป็นอย่างมาก ทั้งเห็นด้วย, สนับสนุน และโจมตีอย่างรุนแรง โดยเฉพาะเรื่องข้อกล่าวหาที่ว่าเพลงของเขามีเนื้อหา “เหยียดเชื้อชาติ” ไม่ว่าจะต่อมุสลิม, ชาวจีน และคนมาเลเซียทั้งหมด ส่วน เนมวี ก็ตอบโต้ว่าเขาเชื่อในเจตนาของตัวเอง และกล่าวโทษกลับไปยังสื่อแนวแท็บลอยด์ Harian Metro ที่นำเสนอเนื้อเพลงในงานของเขาแบบด้วยการไม่ยอมแปลเนื้อเพลงทั้งหมด โดยเฉพาะในส่วนภาษาจีนกลาง และจีนฮกเกี้ยน จนผู้อ่านหนังสือพิมพ์ที่ส่วนใหญ่เป็นชาวมาเลย์ และก็แทบไม่เคยฟังเพลงของเขามาก่อนเข้าใจความหมายคลาดเคลื่อนไป
<![CDATA[<a href="https://www.youtube.com/watch?v=Ekc1Ctdg_nQ" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=Ekc1Ctdg_nQ</a>]]>
นอกจากงานเพลงแล้ว ศิลปินหนุ่มคนนี้ยังมีผลงานการกำกับภาพยนตร์ด้วย หนังเรื่องแรกของเขา Nasi Lemak 2.0 ออกเข้าฉายเมื่อปี 2011 ด้วยเงินสนับสนุนของรัฐบาล มีเนื้อหาเกี่ยวกับพ่อครัวหนึ่งที่พยายามดิ้นรนให้ธุรกิจร้านอาหารของครอบครัวประสบความสำเร็จ เป็นหนังที่กล่าวถึงความสัมพันธ์ของประชากร 3 เชื้อสายในประเทศ อันได้แก่ ชาวจีน, มลายู และคนเชื้อสายอินเดีย ซึ่งถือว่าเป็นหนังมาเลเซียเรื่องแรกที่ไม่ได้มุ่งเจาะตลาดผู้ชมเชื้อสายใดเชื้อสายหนึ่งโดยเฉพาะ แต่หวังสร้างความบันเทิงเข้าถึงชาวมาเลเซียทั้งประเทศ ซึ่งแม้จะโดนวิจารณ์ไปไม่น้อย แต่ก็ยังทำเงินไปถึง 7 ล้านริงกิตเลยทีเดียว
เช่นเดียวกับหนังเรื่องที่สอง Hantu Gangster ที่คราวนี้ เนมวี ขอเล่าเรื่องของกลุ่มองค์กรอิทธิพลนอกกฎหมายของคนเชื้อชาติต่างๆ ในประเทศบ้าง
ถึงตอนนี้ เนมวี ยังคงออกผลงานอย่างต่อเนื่อง ทั้งเพลงฮิปฮอป, มิวสิกวิดีโอ และภาพยนตร์ รวมไปถึงคลิปวิดีโอ และล่าสุด รายการออนไลน์ที่ใช้ชื่อว่า Namewee Tokok เป็นผลงานที่เจ้าตัวบอกว่าอยากจะนำเสนอมุมมองต่อความเป็นไปของมาเลเซีย และประเด็นทางสังคมต่างๆ ที่แตกต่างจากสื่อกระแสหลัก ซึ่งโดนควบคุมโดยรัฐบาล
ที่มา: manager.co.th
