“ดีเจเจ๊แหม่ม” ตบหน้า ““เจ๊ฉอด” ออกจากเอไทม์หันซบคู่แข่งอาร์เอส บอกมาอยู่แบบนี้ชัดเจนดีการแข่งขันเป็นเรื่องของธุรกิจ เมินคนมองเนรคุณ เผย “เฮียฮ้อ” ชอบตนจัดรายการแซบก็เลยชวน ลั่นทำที่ไหนแล้วมีความสุขก็จะทำ แต่ที่เอไทม์ทำแล้วไม่มีความสุข ตั้งแต่ดีเจฝีปากกล้า “ดีเจเจ๊แหม่ม” วินัย สุขแสวง ตัดสินใจลาออกจากการเป็นดีเจคลื่นกรีนเวฟของค่ายเอไทม์ ทั้งที่ทำงานกับที่นี่มา 20 ปี พร้อมกับทิ้งระเบิดตู้มใหม่ว่าเป็นเพราะทนความเส็งเคร็งของคนในองค์กรไม่ไหว แม้จะมีการเข้าไปพูดคุยกับ “เจ๊ฉอด สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา” บอสใหญ่เอไทม์ถึงปัญหาดังกล่าวแล้วแต่ก็ไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาให้ซักที ก่อนบอกขอไปทำงานกับคนที่เห็นคุณค่าดีกว่า หลังจากนั้นก็มีข่าวว่าเจ้าตัวจะไปซบค่ายโน้นค่ายนี้ออกมาเรื่อยๆ แต่สุดท้ายหวยก็มาออกที่อาร์เอสคู่แข่ง งานนี้ดีเจคนดังก็เลยถูกมองเนรคุณค่ายเดิม
“ก็จริงๆ จะบอกว่าก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้คิดว่าจะไปอยู่ที่อาร์เอสเลย คือออกมาก็ยังคิดว่าเป็นช่วงที่ยังพักงานอยู่ แต่ในจังหวะเดียวกันที่ไปออกรายการของช่องสตาร์แมกซ์ เป็นรายการของอาร์เอส อาจารย์ยิ่งศักดิ์เป็นพิธีกร ก็ไปเจอทีมงานเขา ตอนที่ไปก็ไปเป็นแขกรับเชิญ เสร็จปุ๊บเฮียฮ้อ (สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์) ก็ทวีตหาบอกว่า พอเจ๊แหม่มไปออกรายการกับอาจารย์ยิ่งศักดิ์ พูดแซบจังเลย”
“ตอนเราเห็นทวิตเตอร์เราก็งงว่าใครน่ะ นามสกุลคุ้นๆ (ยิ้ม) ก็เลยรีทวีตข้อความของเฮียไป เพราะว่าเฮียนั่งดูรายการอยู่ พอจากนั้นก็ไม่มีอะไรครับ จนในที่สุดมีคนมาชวนและบอกว่า อยากได้มาทำงานด้วย อยากได้มาเป็นพิธีกรด้วย เฮียเขาแฮปปี้เขาถามว่าเจ๊แหม่มโอเคไหม แต่ตัวเขาไม่ได้ติดอะไร เจ๊แหม่มเลยบอกว่าโอเค ในเมื่อเราไม่ได้มีสังกัดอะไร เราก็ถือว่าอยากทำงานดีๆ ที่เราชอบด้วยเหมือนกัน”
“เราก็เลยตอบตกลงทีมงานไปและฝากบอกทางเฮีย จังหวะเดียวกัน คือ ไปงานปีใหม่ของอาร์เอส น้องๆ เพื่อนชวนไปสวัสดีปีใหม่เฮียหน่อย เราก็ไม่เคยรู้จักว่าลาดพร้าว15 เข้าไปยังไง ไม่เคยเข้าไปเลยแถวนั้น เลยไปกับเขา พอไปถึงก็เดินเข้าไปสวัสดีปีใหม่เฮีย เฮียก็เข้ามากอดบอกว่า มาทำงานด้วยกันสิ จากนั้นก็ไปทำงานกับที่นั่น เริ่มจากทำทีวีก่อน”
“ด้วยจังหวะเดียวกันเราเดาว่ามันน่าจะเป็นข่าวบริษัทเก่าเขาไม่เอาคลื่นนี้ และเขาก็ปล่อยไป ทำให้ทางอาร์เอสได้คลื่นนี้ไป ก็เลยจับพลัดจับผลูว่าเราออกจากที่นี่แล้วมันเป็นคลื่นเก่าของเอไทม์ แล้วเราเข้าไปทำงานที่อาร์เอสพอดี ก็เลยเข้าใจว่า เราไปจัดรายการคลื่นวิทยุที่คลื่นใหม่หรือเปล่า จริงๆ แล้วงานวิทยุยังไม่ได้คุยกันเป็นรายละเอียดครับ แต่คุยกันเรื่องงานทีวีมากกว่า ซึ่งก็แฮปปี้ในทางของเรา ถ้าวันหนึ่งเฮียจะมาชวนทำวิทยุและมันเข้ากับเจ๊แหม่มก็ยินดีครับ”
เมินคนมองหันหักหลังเอไทม์มาซบคู่แข่งอย่างอาร์เอส
“เป็นคู่แข่งกัน เจ๊แหม่มว่าก็ดีนะ (ยิ้ม) ชัดเจน คือหมายความว่าชัดเจนในแง่ของการเป็นคู่แข่ง มันก็สนุกดี เรามีหน้าที่ในการทำให้งานของเราดีที่สุด ต่อให้เราไม่อยู่ที่เอไทม์ หรือเราไปอยู่ที่อาร์เอส ณ วันหนึ่งที่เราออกจากเอไทม์มันจบแล้ว เขาก็หาคนใหม่มาแทนเรา แต่ ณ วันนี้เรามาอยู่ที่อาร์เอสก็แปลว่าถ้าคนมองว่าเป็นคู่แข่ง เราก็พร้อมเพราะเนื่องจากว่าเราได้พัฒนาตัวเอง และเป็นโจทย์ยากที่ทำให้คลื่นของเขามันโตขึ้น แข็งแรงขึ้น ต่อให้มันจะไปตีกับคลื่นเก่าก็ตาม มันเป็นเรื่องของธุรกิจ เป็นเรื่องของการแข่งขันมันเป็นเรื่องปกติมากๆ”
“และถ้าคนจะมองว่าเป็นการตบหน้าเอไทม์ (หัวเราะ) เพื่อนก็บอกแรงนะกับข่าวที่ออกไป เพราะว่าไปอยู่บริษัทคู่แข่ง เราก็บอกไปว่าผู้ใหญ่เขาเห็นว่าเราทำงานให้กับเขาได้ เพราะฉะนั้นที่เฮียพูดเราก็โอเคนะ เราฟังและรู้สึกดีอยากทำงานกับเขาด้วย ถ้าเขาเห็นว่าเรามีศักยภาพต่อการทำงานในองค์กรของเรา เราก็ทุ่มสุดตัวเหมือนกัน แล้วแฟนคลับที่คุยกันอยู่เขาบอกว่าแฮปปี้มาก อย่างน้อยจะได้ยินเสียงพี่เจ๊แหม่ม ถ้าเป็นตัวเองก็เหมือนเดิมครับ ทำงานที่ไหนขอให้ที่นั่นมันมีความสุข เราออกจากเอไทม์โอเคล่ะ มันไม่สุข แต่เราเชื่อว่าความสุขมันจะเปลี่ยนที่ ความสุขของเรามันมีทุกที่ ยกเว้นการทำงานที่เก่า อันนั้นคือเหตุผลที่ตัดสินใจลาออก”
ทำที่คู่แข่งบริษัทเก่าก็ไม่ได้รู้สึกตะขิดตะขวงใจอะไร แต่ยังไม่ได้เซ็นสัญญา
“ตอนนี้ไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจนะครับ แต่วันที่ไปนั่งพูดอยู่หน้าไมค์ก็ไม่รู้เหมือนกัน (หัวเราะ) แต่ก็ยังไม่ได้สรุปกันว่าทำวิทยุ เราไปอยู่ที่ไหนเราทำงานได้หมดเลย อย่างที่เคยบอกว่า ที่ไหนก็ตามพูดจาดี เขาให้เกียรติเรา เขาเห็นคุณค่างานของเราไปเหมาะกับองค์กรของเขา เราไปหมดเลย เพราะทุกวันนี้ก็ยังคุยกับน้องๆ ในเอไทม์บางคนอยู่ ถามว่ามองหน้าติดไหม เรายังไม่ได้เซ็นสัญญาใดๆ เลยครับ ยังอิสระอยู่ ก็ยังรับงานได้ปกติ ที่ไหนที่ให้เราไปทำก็จะไปทำ เราก็ยังมีละครเรื่องใหม่กับเอ็กแซ็กท์เหมือนกัน”
“ส่วนเรื่องเซ็นสัญญา ณ วันหนึ่งเขาคงเข้าใจแล้วว่าเราโตและทำงานมาจนขนาดนี้คงไม่ต้องใช้สัญญาแล้ว สัญญามันทำให้เราทำงานอย่างมีวินัยขึ้น แต่เชื่อว่าทุกวันนี้เรามีความรับผิดชอบในการทำงานมากขึ้น เพราะฉะนั้นตรงนี้อาจไม่มีการเซ็นสัญญามั้งครับ (เขาบอกว่าที่มาทำกับอาร์เอส เพราะว่าเฮียทุ่มเงินไม่อั้นเลย?) ยังไม่มีการทุ่ม”
“กับกระแสที่คนว่าเราว่าเนรคุณ ก็ไม่รู้สึกอะไรครับ เพราะอยู่มานานจนเกินกว่าคำว่าเนรคุณแล้ว คือทำงานให้เขาเต็มที่ เราว่าถ้าเราทำงานไม่ดี เขาคงเอาเราออกไปนานแล้ว เพราฉะนั้นเราทำงานมาตลอด 20 ปี ไม่ได้แปลว่าเราทำงานดีที่สุด แต่เราทำงานอยู่ภายใต้มาตรฐานที่เขากำหนดเอาไว้เหมือนกัน เราก็ทำงานให้เขาเต็มที่เพื่อแลกกับค่าจ้างแต่ละเดือน ตอนนี้เรามีปัญหาก็ต้องเข้าใจว่ามันเป็นปัญหาจริงๆ เพราะฉะนั้นเราเป็นคนตัดสินใจเดินออกมาเอง แต่ถ้าเขาไล่ออกอันนี้เราจะนอยด์ เพราะรู้สึกว่าทำมา 20 ปีแล้วทำไมเพิ่งมาไล่เราออก แต่อันนี้ตัดสินใจออกเอง”
ปัดแฉเอไทม์
“(หัวเราะดัง) ไปแฉอะไรเราก็พูดตรง เราพูดในปัญหาของเราไง ไม่ได้ไปด่าผู้บริหาร คือเราดึงเอาปัญหาที่มันเกี่ยวข้องกับเรามาพูด เพราฉะนั้นถ้าทุกคนอยากรู้ว่าปัญหามันคืออะไร เราก็เล่าในส่วนที่เกิดขึ้นจริงๆ พอเวลาเล่าเราก็พูดหมด ทำให้บางคนมองว่าเราแฉก็เป็นได้ และเราก็ไม่ซีเรียสครับ ถ้ามาสัมภาษณ์เขาก็ให้ความสนใจในตัวเรา เราต้องรักคนที่เห็นคุณค่าของเรา เพราะเขาอยากจะรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่เราอยากจะพูด ไม่เคยซีเรียสเลย”
บอกโอกาสกลับไปเอไทม์คงยาก
“ก็คงไม่น่ะครับ มันออกมาแล้ว โอกาสจะกลับไปมันยาก ถ้าไปในส่วนอื่นขององค์กรอย่างแกรมมี่เรามีความสุข แต่แค่วิทยุเราไม่มีความสุขเท่านั้นเอง คือเอไทม์จะชัดเจนในเรื่องของวิทยุมากกว่า เพราะฉะนั้นวิทยุเนี่ยเราจะเห็นหมดแล้วว่าเขาทำงานกันอย่างไร อะไรคือปัญหาเรา ณ วันที่เราเดินออกมาเราก็คิดนานพอสมควรว่า ทำไมปัญหาตรงนี้มันเป็นปัญหาหลักสำหรับเรา แก้ไขไม่ได้สักที เพราะฉะนั้นถ้ากลับไปแล้วปัญหาเหล่านี้ก็คงไม่ได้รับการแก้ไขอยู่ดี ง่ายสุดทำที่อื่นดีกว่า สบายใจกว่า”
“แต่ในงานของแกรมมี่ก็มีนะครับ มีมาเรื่อยๆ ครับ อย่างละครของเอ็กแซ็กท์ รายการของแกรมมี่ก็ไปทำได้ อย่างมาทำให้อาร์เอสเราะก็สามารถกลับไปทำให้แกรมมี่ได้ เพราะทางอาร์เอสเขาให้อิสระกับเรา ให้เราทำงานของเราได้เต็มที่”
ที่มา: manager.co.th