“บ๊วย-ตุ๊ก” อดีตสามีภรรยาควงคู่กันรับงานคู่ ด้านฝ่ายชายบอกยังรักตุ๊กเสมอไม่เปลี่ยนแปลง ตุ๊กคือผู้หญิงที่ดีเข้มแข็งให้กำลังใจตนกลับมายืนได้ แม้ว่าจริงๆ แล้วตุ๊กต่างหากที่เป็นฝ่ายต้องการกำลังใจ บอกการคืนดีเป็นเรื่องของอนาคต แต่ด้านตุ๊กกลับบอกเรื่องทุกอย่างจบไปแล้ว ตอนนี้เป็นเพื่อนกันและเป็นผู้ร่วมงาน อดีตคู่สามีภรรยากันรักอย่าง “บ๊วย เชษฐวุฒิ วัชระคุณ” กับ “ตุ๊ก ชนกวนันท์ รักชีพ” ที่ร้างลากันไปได้พักใหญ่ ล่าสุดโดดมารีบงานคู่กันในงานเปิดตัวหนังสือ “ตุ๊บปองร้อยเรียงเรื่องแม่ของลูก” ที่ศูนย์หนังสือจุฬาฯ อาคารจามจุรีสแควร์ ได้นำลูกทั้งสองมาร่วมงานด้วย หรือว่างานนี้จะมีลมพัดหวนซะแล้ว
ตุ๊ก: “ก็พี่เจ้าของหนังสือพี่ตุ๊บปอง จริงๆ แล้วเป็นพี่ชายของเราแล้วก็เป็นลุงของลูกๆ จริงๆ ตั้งแต่นิทานเรื่องแรกจนถึงนิทานทุกเรื่องที่ลูกอ่าน แล้วก็รวมถึงการดูแลครอบครัวของเรา ก็เหมือนญาติสนิทจริงๆ ถ้าพี่ตุ๊บปองเพียงร้องขอเราก็ทำได้ทุกอย่างค่ะ พี่เขาก็อยากให้เรามีส่วนรวมค่ะ เราก็เลยโอเค ถือว่าเป็นเกียรติกับเราด้วยค่ะ”
บ๊วย: “เรื่องราวที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปครับอดีตก็คืออดีต นี่คือ ปัจจุบัน ปัจจุบันเราทำงานด้วยกันได้ แล้วเราก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันครับ แล้วต่อไปเราก็จะมีงานรายการทีวีด้วยกันด้วย ก็ต้องติดตามครับว่าเป็นรายการอะไร เป็นรายการทีวีเป็นพิธีกรคู่กันครับ”
ตุ๊ก: “ก็จริงๆ แล้วก็เป็นเหมือนเพื่อนร่วมงานเหมือนท่านอื่นๆ รายการก็เป็นรายการเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพค่ะ โปรดิวเซอร์เห็นว่าพิธีกรท่านใดที่น่าจะพอนำเสนอเรื่องราวได้”
บอกไม่มีใครเป็นคนตัดสินใจกับการรับงานคู่กัน เพราะเป็นเพื่อนกันอยู่แล้วทำงานด้วยกันได้
บ๊วย: “เอางี้สภาพเป็นแบบนี้ก็คือเป็นแบบนี้ครับ มันไม่มีคำจำกัดความว่าเป็นแบบนี้นะครับ คือถ้าเกิดว่าเห็นว่าดีก็ดี เห็นว่าเป็นยังไงก็เป็นแบบนั้นแหละครับ เพราะฉะนั้นถ้าอธิบายมาก็จะเข้าไปในมุมมองของแต่ละคนว่าเป็นแบบนี้เป็นแบบนั้น เพราะว่าเราเป็นแบบนี้แหละครับ เป็นแบบนี้เป็นอย่างที่เห็นชัดเจนครับ ทำงานด้วยกันได้ครับ เลี้ยงลูกด้วยกันได้ ทำไมจะทำงานด้วยกันไม่ได้ครับ”
เป็นแบบนี้แบบไหนไม่รู้ แต่ผู้สื่อข่าวก็ถามตรงประเด็นว่า เป็นสัญญาณว่าจะกลับมาคืนดีกันหรือไม่ ?
บ๊วย: “ตอบยากมากเลยปัจจุบันเป็นแบบนี้แล้วกันเนอะ เคลียร์เลยว่าปัจจุบันเป็นแบบนี้ครับ (ตุ๊กขยับไปไกลบ๊วย) ไม่ต้องรังเกลียดขนาดนั้นครับ(หัวเราะ) ผมไม่อยากจะบอกว่าอะไรเกิดขึ้น แต่ปัจจุบันเราเป็นพ่อและแม่ของลูกดีที่สุดครับ”
ตุ๊ก: “ก็เรื่องทุกอย่างมันจบลงไปแล้วนะคะ ตอนนี้เราก็อยู่กันในฐานะของถ้าเกิดเป็นเรื่องของงานก็คือเพื่อนร่วมงาน แต่ถ้าเป็นในฐานะของครอบครัวก็คือเป็นพ่อและแม่ (บ๊วยแทรก: “โหดูห่างเหินอ่ะ เพื่อนร่วมงาน”) ประเด็นเรื่องของลูกน่าจะเป็นเรื่องที่สำคัญและใหญ่ที่สุด อะไรที่เป็นเรื่องของลูกก็จะเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดมากกว่าเรื่องของความสัมพันธ์และเรื่องของการที่เราจะมาห่วงตัวเอง เพราะฉะนั้นเรื่องของลูกจะเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด”
บ๊วย: “ถ้าบอกว่าเป็นภาพครอบครัวที่น่ารักก็ครับ ถ้าใครเห็นว่าดีก็ดีครับ ก็เป็นแบบนี้แหละครับ ถ้าเห็นว่ายอดเยี่ยมมันก็ยอดเยี่ยมครับ ถ้าเห็นเราออกงานคู่กันอีกก็เป็นเรื่องปกติเลยครับ”
ตุ๊ก: “คือถ้าถามว่านอกจากเรื่องลูกมีคุยเรื่องส่วนตัวหรือเปล่า ก็เหมือนเพื่อนทุกคนเลยค่ะ ถ้าเรามีเรื่องไหนที่คิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัวและเพื่อนคนนี้สามารถซัปพอร์ตเราได้เราก็สามารถคุยกันได้ แต่ถ้าเรื่องไหนที่เราคิดว่าเขาไม่ค่อยถนัดเราก็จะไม่ได้คุยกัน”
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า ต่างคนต่างมีแฟนใหม่กันแล้ว ได้ปรึกษากันหรือไม่ เล่นเอาทั้งคู่รีบโยนให้อีกฝ่ายตอบ
ตุ๊ก: “พี่บ๊วยไม่เห็นมาปรึกษาเลย (หัวเราะ)”
บ๊วย: “โห....โยนๆ โยนอ่ะ ไม่รู้เรื่องเลย มีคนบอกว่าตุ๊กมีคนอื่นจริงไหมครับ ไม่เห็นรู้เรื่องเลยอ่ะ พอถามบอกไม่รู้เรื่องงงๆ เอาจริงๆ คืออย่างนี้นะ อะไรที่ตุ๊กมีความสุขทำไปเลยผมซัพพอร์ท คือถ้าไม่นับความเป็นพ่อเป็นแม่ ตุ๊กเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับผม”
“ผมบอกแล้วว่าผมจะร้องเพลงรักเมียที่สุดในโลกไม่ได้ ไม่กล้าพูดเลย ตุ๊กเป็นแบบนั้นจริงๆ เป็นคนที่ผมให้ความรักเสมอเพราะว่าเขาเป็นคนที่ให้ของมีค่าสำหรับผมมากๆ คือ ลูกสองคน ความรักของผมที่มีต่อตุ๊กมันก็จะเป็นแบบนั้นครับ ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง แล้วสถานะจะเป็นยังไงก็เป็นแบบนี้ครับ อย่าไปจำกัดความว่าเป็นแบบนั้นแบบนี้เลย คือ ตอนนี้เราทำแล้วเรามีพลังเลี้ยงลูกกันก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับครอบครัวเราครับ ถ้าเกิดจะมีถามโน่นนี่เอาเป็นว่าปัจจุบันแป็นแบบนี้ก่อน”
“ส่วนอนาคตจะเป็นยังไงก็เป็นเรื่องของอนาคต แล้วถ้าเกิดจะมีอะไรยังไงผมซัพพอร์ทเสมอ ไม่ว่าข่าวจะเป็นยังไง ตุ๊กจะมีผู้ชายหรือไม่มี แต่คงไม่น่ามีเพราะถ้ามีก็คงปรึกษาผมแล้ว (ตุ๊กแทรก: ทำไมตุ๊กไม่น่ามีเลยเหรอ) ไม่ใช่คือหมายถึงว่าผมซัพพอร์ทแหละ เพราะว่าเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน อะไรก็ได้ครับในโลกนี้อะไรก็ได้เลย เพราะว่าเรามีเรื่องที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นคือการเลี้ยงลูกให้ได้ดี ให้ความรักกับลูกอันนี้มันสำคัญมากกว่าชีวิตเราสองคนอีก อยากให้มองตรงนั้นมากกว่าครับ”
ตุ๊ก: “สำหรับตุ๊กชอบใช้ชีวิตตามความรู้สึก คือถ้าเกิดตุ๊กคิดว่าเขาน่าจะให้คำปรึกษาได้ดีก็อาจจะแชร์ แต่ว่าที่ผ่านมามันยังไม่มีความรู้สึกเรื่องนั้นมันก็เลยคุยกันเรื่องลูกก็หมดเวลาแล้ว แล้วเราเจอกันน้อยด้วย เพราะว่าเหมือนเพื่อนคนหนึ่งจริงๆ เราก็จะปรึกษาเวียนเพื่อนไปเรื่อยๆ แล้วคิดว่าเรื่องนี้เรานึกถึงใคร (บ๊วยแทรก สายตาอ่ะ สายตา) เราก็จะปรึกษาคนนั้นคะ ก็ปล่อยไปตามความรู้สึก”
บ๊วย: “ผมบอกเลยครับยืนยันว่าผมมีความรู้สึกให้ตุ๊กแบบนั้น ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงด้วยพูดตรงนี้ แล้วผมก็ชื่นชมตุ๊กว่ายอดเยี่ยมที่ผมเคยให้สัมภาษณ์กับสื่อตุ๊กเป็นแม่ที่ยอดเยี่ยม เป็นผู้หญิงที่แข็งแรงมาก เป็นคนหนึ่งที่ซัปพอร์ตผม เป็นคนที่ให้กำลังใจผมด้วยซ้ำในขณะที่ตุ๊กต้องเป็นคนที่ถูกให้กำลังใจมากกว่า กลับให้กำลังใจผม และทำให้ผมสามารถผ่านเรื่องราวในอดีตไปได้ จนผมกลับมายืนได้ในปัจจุบัน แล้วก็ลืมอดีต”
“อดีตก็คืออดีตครับ ปัจจุบันสองเราเป็นแบบนี้มันก็น่าจะเป็นภาพชัดเจนที่สุด และถ้าอะไรที่ตุ๊กมีความสุขพี่ก็จะคอยซัพพอร์ท แล้วอะไรที่ทำให้เราสองคนมีความสุขทำเลยครับ เพราะความสุขของเราสองคนจะเป็นความสุขที่นำไปหยอดกระปุกออมสินให้กับลูกเราทั้งสองคน คนแค่นั้นเองครับ แล้วลูกเราทั้งสองก็จะเป็นเด็กที่เต็มไปด้วยความสุขครับ”
ที่มา: manager.co.th