Author Topic: กทค. สุ่มตรวจพรีเพด ครั้งที่ 2 ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ  (Read 737 times)

0 Members and 2 Guests are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


     กทค.สุ่มตรวจพรีเพดครั้งที่ 2 ผลยังไม่น่าพอใจ 'สุทธิพล' เผยพบเอกชนยังไม่ปฏิบัติตามประกาศฯโดยเฉพาะ เรื่องวันหมดอายุ แต่ใช้วิธีเพิ่มวันให้อัตโนมัติก่อนครบกำหนด ด้านเอไอเอส ระบุขอความชัดเจนอัตราค่าเฉลี่ย ส่วน ดีแทคบ่น ไม่กำหนดวันหมดอายุจะเกิดปัญหาเลขหมายไม่ใช้ในระบบจำนวนมากและเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเรื่องค่าธรรมเนียมเลขหมาย ส่วน 'เศรษฐพงค์' ย้ำเอกชนไม่ทำตามประกาศ เจอค่าปรับทุกวัน
       
       พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)ในฐานะประธานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) กล่าวภายหลังการลงพื้นที่สุ่มตรวจผู้ให้บริการการโทรศัพท์มือถือเมื่อวันที่ 22 ม.ค.ว่าปฏิบัติตามประกาศ กทช.เรื่องมาตรฐานของสัญญาให้บริการโทรคมนาคม พ.ศ. 2549 ที่ห้ามกำหนดวันหมดอายุของบริการโทรศัพท์มือถือแบบเติมเงิน รวมถึงการกำหนดอัตราค่าบริการขั้นสูงไม่เกินนาทีละ 99 สตางค์ และการลงทะเบียนผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือแบบเติมเงินเป็นครั้งที่ 2 ที่ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน บริเวณศูนย์บริการเอไอเอส ดีแทค และทรูมูฟ รวมไปถึงร้านค้าปลีกอย่างเจมาร์ทด้วย โดยพบว่าผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือเอกชนทั้ง3รายยังมีบางเรื่องที่ไม่ดำเนินการตามประกาศฯดังกล่าวที่มีการบังคับใช้ไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 ม.ค.ที่ผ่านมา
       
       ทั้งนี้แม้เอกชนจะอ้างว่าการปรับเปลี่ยนให้ตรงตามประกาศฯดังกล่าวต้องใช้เวลานาน ก็ตามแต่กทค.ยังคงเดินหน้าปรับตามกระบวนการเดิม แต่หากเอกชนรายใดยื่นเงื่อนไขข้อเสนอมาเข้ามาให้พิจารณาก่อน แล้วถ้าผ่านความเห็นชอบกทค.ก็จะยุติกระบวนการปรับในแต่ละวันทันที
       
       ด้านนายสุทธิพล ทวีชัยการ กสทช.กล่าวว่า การลงพื้นที่สุ่มตรวจครั้งที่ 2 นี้ยังคงไม่เป็นที่น่าพอใจเท่าไรหนัก แต่ก็ดีกว่าครั้งแรก เนื่องจากยังคงพบปัญหาเดิมๆ โดยเฉพาะเรื่องการห้ามกำหนดวันหมดอายุ เนื่องจากเอกชนยังคงมีการกำหนดวันหมดอายุของบัตรเติมเงินอยู่เช่นเดิม ซึ่งจะใช้เทคนิคกำหนดขั้นต่ำ 30 วันในการเติมเงินแต่ละครั้ง และจะต่ออายุให้กับลูกค้าเมื่อใกล้หมดในครั้งแรกอีกครั้งละ 30 วันไปเรื่อยๆ
       
       'เบื้องต้นทราบว่าเอกชนทั้ง 3 รายจะส่งข้อเสนอทั้ง 3 ประเด็นภายในสัปดาห์นี้เพื่อให้บอร์ดกทค.พิจารณา ซึ่งหากข้อเสนอของเอกชนดังกล่าวในเรื่องการกำหนดวันหมดอายุ และการลงทะเบียนซิมอยู่ในเกณฑ์ตามประกาศฯเราก็จะยุติการปรับในแต่ละวันทันที'
       
       ขณะที่นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. กล่าวว่า ในวันที่ 25 ม.ค.นี้ สำนักงานกสทช.จะเซ็นคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานติดตามการปฎิบัติตามเงื่อนไขในใบ อนุญาต 3G คลื่นความถี่ 2.1 GHz ที่กำหนดเป็นเงื่อนไขแนบท้ายการให้ใบอนุญาตแก่ผู้ที่ชนะการประมูลทั้ง 3 ราย โดยเบื้องต้น ผู้ประกอบการต้องปฎิบัติตามแนวทางที่กำหนดไว้ อาทิ การลดราคาค่าบริการ 3Gให้ต่ำกว่าปัจจุบันอย่างน้อย 15% อัตราค่าบริการประเภทเสียง (วอยซ์) และต้องไม่เกินนาทีละ 99 สตางค์ ต้องยกเลิกการกำหนดวันหมดอายุบัตรเติมเงิน และ ต้องมีการลงทะเบียนในซิมการ์ดใหม่
       
       ในส่วนของการลดราคาโปรโมชั่น หรือค่าบริการในระบบ 3Gลง 15% นั้น ในเดือนก.พ.นี้ คาดว่ากสทช.จะประกาศอัตราค่าบริการกลางให้แก่ผู้ประกอบการได้ เพื่อเป็นเกณฑ์นำไปเปรียบเทียบในการปรับลดราคาลง และภายในเดือนมี.ค.นี้ จะมีการประกาศอัตราขั้นสูงของบริการประเภทข้อมูล (ดาต้า) แบบชั่วคราวให้แก่เอกชน เพื่อนำไปเป็นเกณฑ์ในการคิดค่าบริการแก่ผู้บริโภคก่อนที่จะเปิดให้บริการ อย่างเป็นทางการในเดือนเม.ย.เป็นต้นไป ส่วนอัตราขั้นสูงดาต้าแบบถาวร น่าจะประกาศใช้ได้ในปลายปีนี้ เพราะต้องมีขั้นตอนการรับฟังความเห็นสาธารณะ (ประชาพิจารณ์) และประกาศในราชกิจจานุเบกษา สำหรับเงื่อนไขอีก 3 ข้อที่เหลือนั้นจะเป็นข้อกำหนดที่บังคับแล้วในระบบ 2G ปัจจุบัน แต่จะนำมาปรับปรุงและใช้ในระบบ 3Gด้วย
       
       นอกจากนี้เมื่อวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา ผู้บริหารของ เอไอเอส, ดีแทค และ ทรูมูฟได้เข้าพบ และหารือเรื่องคำสั่งทางปกครองที่กสทช.สั่งการไป ซึ่งนายวิเชียร เมฆตระการ ประธานเจ้าหน้าที่ผู้บริหาร เอไอเอส ได้ชี้แจงว่า กรณีที่โปรโมชั่นของเอไอเอสยังมีการคิดค่าบริการเกินนาทีละ 99 สตางค์จำนวน 66 โปรโมชันนั้น เป็นแพกเกจเก่าซึ่งบริษัทได้ปรับลดราคาแล้ว ขณะนี้คงเหลืออยู่ 10 โปรโมชันอยู่ระหว่างดำเนินการปรับลดราคาลง
       
       ส่วนผู้บริหารของดีแทค ได้ชี้แจงว่า การให้บริการตามโปรโมชั่นมีการรวมอัตราค่าบริการด้านเสียง และข้อมูลไปด้วย แต่อย่างไรก็ตาม จะพยายามปรับลดลงให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ของกสทช. ส่วนเรื่องการไม่กำหนดวันหมดอายุของบัตรเติมเงิน ได้ดำเนินแล้ว แต่เบื้องต้นระบบหลังบ้านได้กำหนดเพดานขั้นสูงไว้ที่ 30วันดังนั้น ดีแทคจะดำเนินการให้แก่ลูกค้าโดยอัตโนมัติ คือ เมื่อเติมเงินไปเท่าไรระบบก็จะอยู่ได้ 30 วัน แต่พอถึงวันที่ 28 ระบบก็จะต่อไปอีก 30 วันเป็นอย่างนี้ไปก่อน จนกว่าจะจัดการระบบหลังบ้านเสร็จ
       
       ขณะเดียวกันผู้บริหารของทรูมูฟได้ทำหนังสือมาอย่างเป็นทางการแล้วว่าได้ดำเนินการทุกอย่างตามคำสั่งแล้ว ส่วนเอไอเอสจากที่มีการพูดคุยกับผู้บริหารก็มีความเข้าใจกันมากขึ้น ซึ่งเอไอเอสได้เสนอมาเบื้องต้นว่าจะกำหนดวันหมดอายุบัตรเติมเงินขั้นต่ำที่ 20 วัน คือไม่ว่าจะเติม 5 บาท หรือ 10 บาทก็จะอยู่ได้ 20 วัน ส่วนขั้นสูงจะอยู่ที่ 1 ปี ดังนั้นการประชุมบอร์ดกทค.นัดต่อไป จะมีการนำวาระที่เอกชนเสนอวันหมดอายุที่เหมาะสมมาเข้าไปพิจารณา หลังจากนั้น กสทช.จะกำหนดอัตราขั้นต่ำของวันหมดอายุให้เป็นอัตราเดียวกันทั้ง 3 ราย
       
       ***เอไอเอสขอความชัดเจน
       
       นายวิเชียร เมฆตระการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอส กล่าวว่า ได้เข้าพบ กสทช. เมื่อวันที่ 21 ม.ค. เพื่อขอให้ทบทวนการดำเนินการตามประกาศ กสทช. เรื่องอัตราขั้นสูงของค่าบริการโทรคมนาคมสำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ประเภทเสียงในประเทศ พ.ศ.2555 ในอัตราค่าบริการไม่เกินนาทีละ 99 สตางค์โดยเอไอเอสเห็นด้วยกับประกาศดังกล่าว แต่ขอความชัดเจนถึงวิธีปฏิบัติในการกำหนดอัตราค่าเฉลี่ยสำหรับการให้บริการทั้งเสียง (วอยซ์) และข้อมูล(ดาต้า) ซึ่งควรจะต้องกำหนดค่าเฉลี่ยเพื่อให้เกิดการแข่งขันในตลาดได้ และเพื่อให้สามารถปฏิบัติตามประกาศได้ต่อไป
       
       ปัจจุบันบริการเหมาจ่ายตามแพกเกจที่เอไอเอสมีอยู่ เช่น นาทีแรก 3 บาท นาทีถัดไป 25 สตางค์ โดยรวมแล้วค่าเฉลี่ยก็ไม่เกิน 99 สตางค์ อยู่แล้ว ค่าเฉลี่ยของค่าบริการจะไม่เท่ากันเมื่อเฉลี่ยออกมา ซึ่งลูกค้าก็จะต้องเลือกค่าเฉลี่ยการโทร.ที่ไม่เกินในการใช้งานของลูกค้า ซึ่งกสทช.ควรจะกำหนดอัตราค่าเฉลี่ยที่สามารถให้ผู้ประกอบการทำการตลาดและเพื่อให้เกิดการแข่งขันในตลาดได้
       
       ส่วนเรื่องการยกเลิกวันหมดอายุบริการระบบบัตรเติมเงิน (พรีเพด)นั้น เอไอเอสได้ปฏิบัติตามตั้งแต่วันที่ 18 ม.ค.2556 ที่ผ่านมาแล้ว โดยไม่กำหนดวันหมดอายุ ซึ่งตามระบบนั้นบริษัทไม่สามารถทำได้ภายในวันเดียวจะต้องทำการติดตั้งระบบใหม่เพื่อรองรับ
       
       ***ดีแทคบ่นต้องเสียค่ารักษาเลขหมายเพิ่ม
       
       นายดามพ์ สุคนธทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดีแทค กล่าวว่า ภายในสัปดาห์นี้ ดีแทคจะส่งข้อเสนอใน3ประเด็นที่กสทช.ออกประกาศฯ และเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่ต้นปีนี้ โดยเรื่องที่หนักใจที่สุดคือการยกเลิกวันหมดอายุบริการระบบบัตรเติมเงิน (พรีเพด) เนื่องจากทุกวันนี้ดีแทคต้องเสียค่ารักษาเลขหมายเป็นจำนวนมาก ซึ่งหากไม่มีการกำหนดวันหมดอายุขึ้นมาจะทำให้จำนวนเลขหมายที่ไม่ได้ใช้งานใน ระบบเพิ่มจำนวนสูงขึ้นแน่นอน ดังนั้นจึงจะหารือกันภายในอีกครั้งในเรื่องดังกล่าว รวมถึงเรื่องการกำหนดอัตราขั้นสูง99สตางค์ด้วยเช่นเดียวกันก่อนจะส่งเงื่อนไขข้อเสนอไปให้กสทช.พิจารณาต่อไป
       
       ขณะที่นายธิติฏฐ์ นันทพัฒน์สิริ ผู้อำนวยการบริหารด้านรัฐกิจสัมพันธ์ ทรู กล่าวว่าตอนนี้บริษัทได้ดำเนินการตามประกาศฯทุกข้อตั้งแต่วันที่ 18 ม.ค.แล้ว ซึ่งทุกเรื่องถือว่าเป็นเรื่องที่หนักใจแต่ต้องปฏิบัติตาม
       
       Company Relate Link :
       กสทช.

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)