เอสเอพี เอเชีย-แปซิฟิก เผยรายได้ซอฟต์แวร์เพิ่มขึ้น 23% ในปี 2551 พร้อมขยายฐานลูกค้ารายสำคัญในช่วงไตรมาส 4 ปี 2551
นายภัทร ยงวณิชย์ กรรมการผู้จัดการ เอสเอพี ประเทศไทย กล่าวว่า ตลอดปี 2551 เอสเอพี เอเชีย-แปซิฟิกและญี่ปุ่น เป็นภูมิภาคที่มีอัตราการเจริญเติบโตเร็วที่สุดของเอสเอพี เอจี ด้วยยอดรายได้จากซอฟต์แวร์ 594 ล้านยูโร เพิ่มขึ้น 23 % ส่วนรายได้จากซอฟต์แวร์และบริการที่เกี่ยวกับซอฟต์แวร์อยู่ที่ 1,192 ล้านยูโร เพิ่มขึ้น 24 % ทั้งนี้ ตัวเลขรายได้ทั้งหมดใช้เงื่อนไขสกุลเงินแบบคงที่ตามหลักการ Non-GAAP และการเติบโตทั้งหมดเป็นการเปรียบเทียบกับรอบระยะเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
แม้เอสเอพี เอเชีย-แปซิฟิกและญี่ปุ่น ต้องเผชิญกับความท้าทายกับสภาวะตลาดที่ยากลำบากในช่วงไตรมาส 4 โดยรายได้จากซอฟต์แวร์และบริการที่เกี่ยวกับซอฟต์แวร์เพิ่มขึ้น 5 % แต่รายได้รวมตลอดทั้งปีเพิ่มขึ้น 20 % โดยอยู่ที่ระดับ 1,532 ล้านยูโร รายได้จากซอฟต์แวร์ของเอสเอพีเพิ่มขึ้น 20 % ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สำหรับตลอดปี 2551 ส่วนรายได้จากซอฟต์แวร์และบริการที่เกี่ยวกับซอฟต์แวร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่มขึ้น 19 %
ผู้บริหารเอสเอพีกล่าวว่า ในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2551 ได้ทำสัญญากับลูกค้ารายสำคัญๆ เช่น บริษัท ที.ซี. ฟาร์มาซูทิคอล บริษัท บุญถาวร เซรามิค และบริษัท ค้าเหล็กไทย พิสูจน์ให้เห็นว่าคุณประโยชน์ทางธุรกิจที่เป็นรูปธรรมคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ลูกค้าในภูมิภาคนี้ยังคงให้ความสนใจในผลิตภัณฑ์ของเอสเอพี แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจจะอยู่ในช่วงชะลอตัวก็ตาม
พร้อมกันนี้ เอสเอพีได้ออกแพกเกจ Best Run Now ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อรับมือกับโอกาสใหม่ๆ เพราะในสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจและธุรกิจในปัจจุบันถือเป็นความท้าทายอย่างมากสำหรับทุกๆ องค์กร ไม่ใช่เพียงแค่เอสเอพีเท่านั้น แต่ยังคงมีโอกาสใหม่ๆ เนื่องจากลูกค้าเชื่อว่าโซลูชันของเอสเอพีจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการกลั่นกรองข้อมูลเชิงลึกทางด้านธุรกิจ ปรับปรุงประสิทธิภาพ และเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินงาน จะช่วยให้ลูกค้าสามารถผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้
สำหรับในปี 2552 เอสเอพียังคงมุ่งเน้นการนำเสนอคุณประโยชน์ทางด้านธุรกิจที่เป็นรูปธรรมให้แก่ลูกค้า และเชื่อว่าการลงทุนในการพัฒนากลุ่มผลิตภัณฑ์ของเอสเอพี และการเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ๆ จะช่วยให้สามารถขยายความเป็นผู้นำทางด้านอุตสาหกรรมและโซลูชันได้อย่างแข็งแกร่ง
แพกเกจ Best-Run Now จะทำให้ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง (SME) ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ของเอสเอพีในราคาที่เหมาะสม และสำหรับลูกค้าใหม่ที่ต้องการซื้อซอฟต์แวร์ของเอสเอพีตั้งแต่ 15 ไลเซนส์ขึ้นไป สามารถซื้อซอฟต์แวร์ของบิสซิเนส ออบเจกต์ในราคาพิเศษลด 50% นอกจากนี้ SAP Business All-in-One Framework ยังสามารถตอบโจทก์ที่ลูกค้าต้องการ โดยที่ช่วยลดต้นทุนค่าติดตั้งและช่วยในการปรับปรุงประสิทธิภาพองค์กรได้ถึง 60-70% ถ้าเทียบกับระบบที่ไม่มี Framework อีกทั้งเป็นที่ยอมรับกันว่า Framework ของ SAP เหมาะสมอย่างยิ่งกับธุรกิจ SME ในไทย
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์