เอชพี (HP) เปิดโชว์ 7 โซลูชันในฐานะตัวช่วยบริษัทค้าปลีกให้สามารถปรับตัวเพื่อรับกระแสโลกดิจิตอลที่เปลี่ยนไป ระบุวันนี้ร้านค้าปลีกต้องปรับตัวเพราะกระแสความนิยมสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต มั่นใจทั้ง 7 ไพ่เด็ดสามารถเจาะตลาดร้านน้อยและใหญ่ได้ทั่วถึงเพราะกลยุทธ์ “เน้นพันธมิตร” ของบริษัท ขณะเดียวกันก็จะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทั้งรูปลักษณ์และรายได้ให้ร้านค้าที่ผันตัวเข้าสู่ยุคดิจิตอลได้ครบสูตร เรย์ คาร์ลิน (Ray Carlin) รองประธานและผู้จัดการทั่วไป หน่วยธุรกิจรีเทลโซลูชัน บริษัท ฮิวเลตต์-แพคการ์ด กล่าวว่า เทรนด์ความนิยมสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตที่เกิดขึ้นทั่วโลกนั้นกำลังผลักดันร้านค้าปลีกทุกประเภทบนโลกให้เปลี่ยนแปลงตัวเอง จากการซื้อสินค้าและจ่ายเงินธรรมดา วันนี้ร้านค้าต้องพยายามทำให้ตัวเองมีความอินเตอร์แอ็กทีฟ รวมถึงจุดเล่นเกมหรือลูกเล่นให้ลูกค้าได้สัมผัสหน้าจอเพื่อโต้ตอบกับแบรนด์ และการสร้างระบบชำระเงินนอกเคาน์เตอร์ที่สามารถพกพาไปรับเงินและออกบิลจากที่ใดก็ได้ในร้าน
“ผู้บริโภคมีสมาร์ทโฟนในกระเป๋า ร้านรีเทลก็จำเป็นต้องให้ประสบการณ์ใช้งานที่สอดรับกัน เทรนด์โลกจึงกำลังผลักดันธุรกิจค้าปลีก เพราะสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตทำให้ลูกค้าต้องการทางเลือกที่มากกว่า”
เหตุผลนี้ทำให้ร้านค้าปลีกควรสร้างประสบการณ์ใหม่ในร้านที่เปลี่ยนแปลงไป ระบบโซลูชันค้าปลีกทั้งหมดของเอชพีในวันนี้จึงถึงเวลาต้องปรับปรุงใหม่ให้สอดคล้องกัน
เอชพีจึงนำ 7 โซลูชันเด็ดสำหรับธุรกิจค้าปลีกมาโชว์ในงานประชุมอุตสาหกรรมค้าปลีกแห่งชาติสหรัฐฯ (National Retail Federation - NRF) ที่เมืองนิวยอร์กซิตี้ สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 14 มกราคมที่ผ่านมา โดยสาธิตกองทัพสินค้ามากมายตั้งแต่ระบบ POS (ระบบจัดการค้าปลีก ณ จุดขาย - Point-of-sales) แบบพกพาหรือโมบายล์ และแบบติดตั้งจุดเดียวหรือ Fixed, ระบบตรวจสอบสินค้าหรือบริการก่อนออกจากร้านด้วยตัวเอง (self-service checkout), จอแสดงผลแบบอินเตอร์แอ็กทีฟ, เครื่องพิมพ์, ระบบงานวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ และระบบงานสำหรับงานพื้นฐานในระบบค้าปลีกรุ่นจิ๋ว
ดาวเด่นของเอชพีคือระบบ HP RP7 เป็นโซลูชัน POS สำหรับธุรกิจค้าปลีก ณ จุดขายแบบออลอินวันที่เอชพีการันตีว่าจะเป็นต้นแบบระบบยุคหน้า หน้าจอเป็นระบบทัชสกรีนซึ่งพัฒนาให้บางลงและใช้ชิปอินเทล งานนี้เอชพีนำมาโชว์ 2 รุ่น คือ 7100 สำหรับธุรกิจที่ต้องการภาพลักษณ์ดูดี เช่น โรงพยาบาล ผู้ค้าปลีกอาหาร เครื่องดื่ม หรือบาร์ ขณะที่รุ่น 7800 พัฒนาให้มีความบางติดผนังได้และรองรับธุรกิจที่มีขนาดเล็กกว่า จุดนี้เอชพีเปิดเผยว่าจะนำเข้ามาจำหน่ายในเอเชียแปซิฟิก และญี่ปุ่นตั้งแต่ต้นปี 2013
ยังมีระบบ RP3 โซลูชัน POS กะทัดรัดที่ออกแบบให้สามารถประหยัดพื้นที่แต่มีการเชื่อมต่อครบเครื่อง ทั้งบาร์โค้ด สแกนเนอร์ เครื่องพิมพ์ใบเสร็จ และเครื่องอ่านแถบแม่เหล็ก จุดนี้เอชพีมั่นใจว่า RP3 จะโดนใจทุกธุรกิจเพราะเป็นโซลูชันครบเครื่องที่สามารถประมวลข้อมูลจำนวนมากหรือจัดการข้อมูลน้อยได้ตามต้องการ
ที่น่าสนใจคือ งานนี้เอชพีนำแท็บเล็ตใหม่เพื่อลูกค้าองค์กรนาม ElitePad มาโชว์ด้วย แท็บเล็ตนี้จะทำให้พนักงานสามารถรับชำระเงิน รวมถึงจัดการสต๊อกสินค้าได้จากอุปกรณ์นี้โดยตรง โดยหากติดตั้งอุปกรณ์เสริมครบสูตร ElitePad จะสามารถทำงานต่อเนื่องได้เพิ่มขึ้นจาก 6 ชั่วโมงเป็น 8 ชั่วโมง
ElitePad นี้มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 8 ติดตั้งชิปประมวลผล Intel Clove Trail มาเข้าคู่กับหน่วยความจำ RAM 2GB บนตัวเครื่องอะลูมิเนียมน้ำหนัก 1.5 ปอนด์ หรือประมาณ 0.6 กิโลกรัม หากติดตั้งอุปกรณ์เสริม เครื่องจะมีคุณสมบัติกันน้ำ-กันฝุ่น-กันกระแทกตามมาตรฐาน MIL-Spec 810G คาดว่ามาพร้อมปากกาสไตลัสซึ่งเป็นอุปกรณ์ป้อนข้อมูลแสนสะดวกบนหน้าจอ Gorilla Glass กันรอยขีดข่วนขนาด 10.1 นิ้ว
นอกจาก 3 โซลูชันนี้ เอชพียังโชว์ระบบจอแสดงผลแบบอินเตอร์แอ็กทีฟสำหรับร้านค้าในชื่อ HP Interactive Signage ซึ่งทำให้ร้านค้าไม่ต้องวางหน้าจอเป็นรูปสี่เหลี่ยมอีกต่อไป แต่สามารถจัดเรียงหน้าจอในรูปร่างต่างๆ เพื่อผนึกจอทั้งหมดเป็นหน้าจอเดียว จุดนี้เชื่อว่าร้านค้ากลุ่มแฟชั่นหรูจะได้ประโยชน์จากการสร้างคุณค่าให้ร้านด้วยการฉายวิดีโอบนกำแพง หรือ Video Wall
ยังมีระบบหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ 15 และ 17 นิ้วที่จะทำให้ลูกค้าสามารถสื่อสารกับแบรนด์ได้มากขึ้น ณ จุดขาย ระบบนี้เอชพีให้ชื่อว่า Retail Touch Monitor, ระบบบริการตัวเองก่อนออกจากร้าน หรือ self-service checkout ที่ร้านค้าสามารถนำไปใช้กับการแลกโมเดลคูปองส่วนลดโดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องรอนานได้ รวมถึงโซลูชันวิเคราะห์ข้อมูลความคุ้มค่าหรือ Autonomy Analytic Sulotion ซึ่งเอชพียืนยันว่ามีการพัฒนาระบบออนไลน์เพื่อให้พนักงานสามารถจัดการยอดขายผ่านเว็บไซต์ได้จากทุกที่ทั่วโลก
ทั้งหมดนี้ ผู้บริหารเอชพียืนยันว่าเอชพีจะเน้นทำตลาดทั้ง 7 โซลูชันบนกลยุทธ์ให้ความสำคัญต่อพาร์ตเนอร์ โดยจะมีตัวแทนขายเอชพีในแต่ละประเทศเพื่อทำตลาดเฉพาะทาง เป็นช่องทางจำหน่ายที่เข้าถึงกลุ่มธุรกิจที่ต่างกันทั้งโรงพยาบาลใหญ่ หรือร้านค้าเล็กได้อย่างครอบคลุม
“เราวางเป้าหมายที่กลุ่มรีเทลทุกขนาด ที่ผ่านมาเราดำเนินงานกับพันธมิตรแบบทั่วไป ตอนนี้เราประสานจนทำให้มีการร่วมมือทางเทคนิคมากขึ้น สิ่งที่เอชพีพัฒนาในขณะนี้จึงเปลี่ยนแปลงได้ตามความต้องการของท้องถิ่น ซึ่งแม้ 2 ปีที่ผ่านมาร้านค้าเล็กอาจยังไม่รู้จักเอชพี แต่เชื่อว่าพันธมิตรที่เอชพีมีในแต่ละประเทศจะทำให้บริษัทเข้าถึงตลาดมากขึ้น จนอาจทำให้ร้านขายยาขนาดเล็กในท้องถิ่นหันมาเห็นความสำคัญของระบบจัดการการขาย”
ผู้บริหารเอชพีย้ำว่า อีก 5 ปีนับจากนี้บริษัทจะร่วมมือกับพันธมิตรจนทำให้ร้านค้าปลีกเห็นความสำคัญและลุกขึ้นมาสร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้า ทั้งการเพิ่มความบันเทิงในเว็บไซต์ให้สนุกและบันเทิงมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้ามีอารมณ์ร่วมกับแบรนด์มากขึ้น และส่งให้ยอดขายเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
“ในอนาคตเอชพีจะพัฒนาโซลูชันรีเทลออนไลน์ออกมาอีก เพื่อตอบกระแสสมาร์ทโฟน คลาวด์ และโซเชียลมีเดียให้มากขึ้น”
สำหรับความท้าทาย ผู้บริหารเอชพีมองว่าเรื่องที่ท้าทายในธุรกิจโซลูชันสำหรับร้านค้าปลีกมากที่สุดคือการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ให้เหมาะกับทุกขนาดธุรกิจ โดยไม่ใช่การปรับขยายให้ใหญ่เท่านั้น แต่ต้องปรับให้เล็กลงและมีความคล่องตัวด้วย
“วันนี้โลตัสและวอลมาร์ทปรับร้านให้เล็กลง เราก็ต้องปรับระบบให้รองรับขนาดร้านที่เล็กลงได้”
จากการสำรวจของไอดีซี เอชพีถือเป็นผู้ค้าระบบไอทีในร้านค้าปลีกหรือ IT Vender Retail อันดับ 1 โดยในกลุ่มบริษัทผู้ให้บริการระบบค้าปลีกรายใหญ่ของโลก 100 อันดับแรกนั้น มากกว่า 90 บริษัทเป็นพันธมิตรกับเอชพี ถือเป็นตัวเลขที่สะท้อนการขยายตัวของตลาดระบบไอทีในร้านค้าปลีกได้อย่างชัดเจน
Company Relate Link :
HP
ที่มา: manager.co.th