บัตรเชิญร่วมงานแถลงข่าวใหญ่ของ Facebook 15 ม.ค. 56หนุ่ม Mark Zuckerberg ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Facebook ฮือฮาเหลือเกินเมื่อ Facebook ลงมือร่อนจดหมายเชิญสื่อมวลผลในสหรัฐฯ ให้ร่วมงานที่สำนักงานใหญ่ใน Menlo Park รัฐแคลิฟอร์เนีย งานนี้ Facebook เก็บเงียบและแจ้งในบัตรเชิญเพียงว่าขอให้มาร่วมชมสิ่งที่ทีมงาน Facebook กำลังร่วมกันสร้าง ซึ่งทำให้สื่อมวลชนหลายสำนักวิเคราะห์และคาดเดาไปก่อนว่าการเปิดตัวนี้จะเกี่ยวข้องกับอะไร นักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่านี่อาจเป็นการเปิดตัว"สมาร์ทโฟน"เครื่องแรกของ Facebook ขณะที่หลายคนมองว่า อาจเป็นการเปิดตัวคุณสมบัติใหม่ที่จะเพิ่มลงในบริการของ Facebook เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีอีก 3 แนวทางที่มีผู้ตั้งข้อสังเกตจากข่าวลือและความเป็นไปได้ของสิ่งที่ Facebook กำลังจะเปิดตัวนี้ ทั้งหมดสามารถสรุปออกมาได้ 5 ข้อดังนี้
1. การผนึก Facebook ในอุปกรณ์ใหม่ แนวทางนี้น่าจะมีความเป็นไปได้มากกว่าการเปิดตัวสมาร์ทโฟนของ Facebook เอง เพราะก่อนหน้านี้ หนุ่ม Mark Zuckerberg ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Facebook เคยพูดชัดเจนว่าการพัฒนาฮาร์ดแวร์ที่ติดชื่อแบรนด์ Facebook นั้นเป็นไอเดียที่ไม่เข้าท่า อย่างไรก็ตาม จากข่าวลือหนาหูที่ระบุว่า Facebook กำลังทำงานร่วมกับผู้ผลิตฮาร์ดแวร์อย่างจริงจัง ทำให้นักวิเคราะห์ปักใจเชื่อว่า Facebook ต้องซุ่มพัฒนาอุปกรณ์สักอย่างที่ผนึกความสามารถของ Facebook ลงในอุปกรณ์อย่างเป็นเนื้อเดียวไม่วิธีใดก็วิธีหนึ่ง
ในเมื่อไม่ลงมือสร้างเอง คำตอบที่ดีที่สุดคือการหาพันธมิตรที่เป็นผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ แล้วประสานงานจนทำให้อุปกรณ์นั้นสามารถใช้งาน Facebook ได้แบบไร้ที่ติเหนือกว่าฮาร์ดแวร์ทั่วไป
อย่างไรก็ตาม Facebook เคยมีบาดแผลจากการร่วมมือลักษณะนี้มาแล้วกับ HTC เมื่อ 18 เดือนที่แล้ว (1 ปีครึ่ง) โดยร่วมมือกับ HTC เพื่อเพิ่ม"ปุ่ม Facebook"ลงในสมาร์ทโฟนที่วางเป้าหมายบุกตลาดวัยรุ่น แม้จะปูทางให้วัยรุ่นสามารถกดปุ่มนี้เพื่อใช้งาน Facebook ได้ทันทีและง่ายกว่าสมาร์ทโฟนรุ่นอื่น แต่ยอดขายของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้กลับหงอยเหงาจน HTC และ Facebook ตัดสินใจยกเลิกการผลิตในปี 2012
ทั้งหมดนี้ยิ่งทำให้ไม่มีความแน่นอนว่า Facebook จะดำเนินการในรูปแบบใด
2. ของเล่นใหม่นอกจาก “Like” วันนี้การกด Like กลายเป็นกิจวัตรประจำวันที่ชาว Facebook ทำเป็นประจำวันละหลายครั้ง แต่ความนิยมเหล่านี้ไม่สามารถสร้างรายได้ให้ Facebook ได้ตรงๆ ซึ่งหาก Facebook ต้องการจะเป็นบริษัทที่ทำเงินมากกว่านี้ ก็จะต้องหาวิธีการใหม่ในการทำประโยชน์จากฐานผู้ใช้ที่มีมากกว่า 1 พันล้านคนทั่วโลกในขณะนี้
หนทางหนึ่งที่นักวิเคราะห์เชื่อมั่นคือรูปแบบบริการรับส่งข้อความที่เพื่อนจะสามารถเห็นในทันที จุดนี้อาจมีการคิดค่าบริการ หรือการพัฒนาเป็นรูปแบบธุรกิจใหม่ที่อาจทำให้เกิดเป็นกระแสใหม่บนโลก Facebook
3. เสริมแกร่งด้วยเกม เพราะเกมเป็นแหล่งรายได้หลักอย่างหนึ่งที่ทำให้ Facebook สามารถทำเงินบนตลาดนักเล่นเกมที่มีอยู่ทั่วโลก การต่อยอดโมเดลธุรกิจจากตลาดเกมย่อมเป็นทางเลือกที่มีโอกาสประสบความสำเร็จสูง
สถิติผู้เล่นเกมบน Facebook ในขณะนี้มีจำนวนหลายร้อยล้านคน เฉพาะเกมของ Zynga พันธมิตรหลักของ Facebook นั้นมีผู้เล่นมากกว่า 265.3 ล้านคนต่อเดือน (monthly active user)
4. ต่อยอดความร่วมมือกับ Instagram Facebook ไม่ยอมจ่ายเงิน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐในการซื้อ Instagram บริการแชร์และตกแต่งภาพถ่ายสุดฮิตในนาทีนี้โดยไม่มีเหตุผลแน่นอน นักวิเคราะห์เชื่อว่า Facebook มีแผนรองรับการซื้อกิจการครั้งนี้แบบชัดเจน และอาจมีมีกกว่า 1 แผนด้วยซ้ำ
นี่คืออีก 1 ความเป็นไปได้ที่ Facebook อาจต้องการโชว์นักลงทุนและผู้บริโภคทั่วโลก ถึงแผนบริการที่วางไว้สำหรับ Instagram ซึ่งเชื่อว่าจะเปิดประสบการณ์ใหม่ให้กับชาวเครือข่ายสังคมทั่วโลก
5. ปูทางใช้ Facebook บนรถยนต์ ข้อนี้ถูกโยงไปกับงานแสดงรถยนต์ครั้งใหญ่นามว่า North American International Auto Show โดยบางสำนักเชื่อว่า Facebook จะเปิดตัวนวัตกรรมบนรถยนต์เพื่อนำมาแสดงในงานนี้
ที่ผ่านมา บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ทั้ง Apple หรือบริการเพลงออนไลน์ Rhapsody ล้วนจับมือและรุกเข้าสู่ตลาดรถยนต์เพื่อขยายแหล่งรายได้ ซึ่งไม่แน่ Facebook ก็อาจเดินตามเส้นทางเดียวกัน จุดนี้มีการคาดการณ์ว่า รถยนต์ที่ฝังความสามารถด้าน Facebook ไว้จะทำให้ผู้ขับสามารถ “check in” ทุกสถานที่โดยไม่ต้องใช้แอปพลิเคชันอื่นอย่าง Foursquare ขณะที่บางสำนักวาดฝันจินตนาการล้ำเลิศว่า Facebook อาจจะติดกล้องดิจิตอลไว้ที่รถเพื่อให้ผู้ขับสามารถแชร์ประสบการณ์ระหว่างขับรถได้ทันที
***
แม้จะมีแนวโน้มที่เป็นไปได้มากมาย แต่นักวิเคราะห์บางรายกลับย้อนไปที่ความเป็นไปได้เรื่อง Facebook อาจสร้างสมาร์ทโฟนของตัวเอง โดยยก iPad Mini ที่ Apple เพิ่งผลิตออกมาเป็นตัวอย่างสำคัญ เนื่องจากก่อนหน้านี้ Steve Jobs ผู้ก่อตั้ง Apple ก็เป็นผู้เอ่ยปากชัดเจนว่า แท็บเล็ตหน้าจอ 7 นิ้วเป็นแนวคิดที่ไม่เข้าท่า แต่ในที่สุด Apple ก็ผลิตออกมาจำหน่ายแล้วหลายล้านเครื่องทั่วโลก
ซึ่งไม่แน่ Facebook อาจจะเดินตามรอยการกลืนน้ำลายตัวเองสไตล์เดียวกันก็ได้.
ที่มา: manager.co.th