ผ่านพ้นไปแล้ว สำหรับมหกรรมแสดงโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ใหญ่ที่สุด “โมบาย เวิลด์ คองเกรส 2009” ณ เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน ที่บรรดาบริษัทในวงการโทรคมนาคมต่างพากันขนนวัตกรรมใหม่ในโลก 3จี เข้าร่วมงานกันอย่างเต็มที่ แต่ก็เป็นที่น่าผิดหวังเล็กน้อยสำหรับงานในปีนี้ที่ยังไม่ค่อยเห็นอุปกรณ์ในกลุ่มคอมพิวเตอร์ที่พ่วงเทคโนโลยี “เอชเอสพีดีเอ” หรือเทคโนโลยีใหม่เอี่ยมถอดด้ามอย่างเทคโนโลยี 4จี มาให้ดูกันมากนัก ทั้งนี้น่าจะเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ซบเซา ทำให้บริษัทที่เข้าร่วมงานรู้ดีว่า ปีนี้กำลังซื้อในตลาดลดลงอย่างแน่นอน
ทางผู้จัดงาน “จีเอสเอ็ม แอสโซซิเอชั่น” รายงานว่า ผู้เข้าร่วมงานในปีนี้มากกว่า 47,000 คนจาก 189 ประเทศ ในจำนวนดังกล่าวรวมถึงผู้บริหารระดับบน จนถึงซีอีโอของบริษัทต่างๆ เข้าร่วมงานถึง 2,8000 คน น้อยกว่าที่ทีมงานคาดการณ์เอาไว้ที่ราวๆ 60,000 คน
เสห่น์ของงานโมบาย เวิลด์ คองเกรส 2009 ยังอยู่ที่การเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ๆ โทรศัพท์เคลื่อนที่ของบรรดาผู้ผลิตเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่ๆ ของโลก โดยเฉพาะการแข่งขันจากค่ายมือถือสัญชาติเอเชียที่ยังคงแข่งขันพัฒนาเรื่องกล้องถ่ายภาพ ทัชสกรีนและความบางของตัวเครื่อง
เริ่มต้นที่โซนี่ อีริคสัน ที่เผยโฉมโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีโค้ดเนมว่า “idou” ที่มีความสามารถในการถ่ายภาพที่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ที่มาพร้อมกับแฟลชซีนอน ชนิดที่ทำให้กล้องถ่ายภาพดิจิตอลแท้ๆ ยังคงต้องยอมหลีกทางให้ แถมยังมีหน้าจอทัชสกรีนขนาด 3.5 นิ้ว หรือประมาณ 640x360 พิกเซล โดยแสดงภาพในสัดส่วน 16:9 ใช้ระบบปฏิบัติการซิมเบียน นอกจากตัว “Idou” แล้ว ทางโซนี่ อีริคสันยังได้โชว์วอล์กแมนโฟนรุ่นใหม่ “W995” ที่ใส่กล้องความละเอียด 8.1 ล้านพิกเซลมาให้ ทำให้วอล์กแมนโฟนรุ่นนี้สมบูรณ์ทั้งภาพและเสียง
ทางด้าน “ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์” ที่ขึ้นชื่อนวัตกรรมแรงๆ มาครั้งนี้ได้เปิดตัวมือถือรุ่นใหม่ที่เรียกว่า “Samsung Memoir” โดยติดกล้องดิจิตอลที่ใช้หน่วยบันทึกภาพที่เป็น “ซีมอส” ความละเอียด 8 ล้านพิกเซลพร้อมแฟลชซีนอน แบบออโต้โฟกัส ที่สามารถซูมดิจิตอลได้ 16 เท่า สามารถปรับความสว่างของกล้องและแฟลชได้ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์อย่างจับภาพใบหน้าอัตโนมัติ ระบบกันสั่น และลูกเล่นของโปรแกรมอย่าง geo-tagging ที่ทำการบันทึกพิกัดสถานที่ถ่ายแนบพร้อมรูปภาพ หน้าจอแน่นอนว่าจะต้องเป็นแบบทัชสกรีน มาพร้อมกับอินเตอร์เฟซการใช้งานเฉพาะตัวของซัมซุง ที่เรียกว่า "TouchWiz" ระบบนำทาง AGPS ที่สำคัญได้ติดตั้งซอฟต์แวร์สำหรับเข้าเว็บ Social Network เพื่ออัปโหลดรูปภาพขึ้นเว็บ Facebook หรือ Flickr มาให้ด้วย
หากมีรุ่นเดียวคงจะไม่ใช่ “ซัมซุง” จึงได้เปิดตัวโทรศัพท์มือถือที่เรียกว่า “บลูเอิร์ธ” ซึ่งเป็นโทรศัพท์มือถือที่ออกแบบมาเพื่อให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยบลูเอิร์ธเป็นโทรศัพท์จอทัชสกรีนเต็มรูปแบบ ใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ มีแผงรับพลังงานแสงอาทิตย์หรือโซลาร์เซลล์ติดอยู่บริเวณฝาหลัง สามารถชาร์จไฟได้ตลอดเวลา และชิ้นส่วนที่เป็นพลาสติกที่ทำมาจากวัสดุรีไซเคิล “พีซีเอ็ม” โดยมีโหมดประหยัดพลังงานผ่านฟังก์ชั่นที่เรียกว่า อีโค-โหมด และยังมี อีโค-วอล์ก ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นนับจำนวนก้าวที่เดินของเจ้าของเครื่อง แล้วคำนวณออกมาเป็นจำนวนต้นไม้ที่จะช่วยอนุรักษ์ไว้หากลดการใช้พลังงานจากรถยนต์
“เอชทีซี” ก็เปิดตัวโทรศัพท์มือถือที่เป็นพีดีเอโฟนในตระกูล Touch ที่เน้นเรื่องดีไซน์สวย ตัวเครื่องบางเฉียบ”Touch Diamond2” กับ “Touch Pro2” ทั้ง 2 รุ่นใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ โมบายของไมโครซอฟท์เช่นเดิม ด้าน “แอลจี” ก็เปิดตัวสมาร์ทโฟนจอสัมผัส “แอลจี-จีเอ็ม730” ใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ โมบายเช่นกัน
ส่วนบริษัทหน้าใหม่ที่ประกาศเข้าร่วมทำธุรกิจในโลกโทรคมนาคมในปีนี้ ก็คือ “เอเซอร์” ผู้ผลิตสินค้าไอทีจากไต้หวัน ได้เปิดตัวโทรศัพท์เคลื่อนที่อย่างเป็นทางการในงานนี้ด้วย
ส่วนค่ายมือถือจากยุโรปและอเมริกาแม้จะไม่ได้ต่อกรในเรื่องนวัตกรรมกล้องถ่ายรูป ระบบทัชสกรีนตรงๆ แต่ก็มาในแนวรักษาสิ่งแวดล้อมแทน อย่างกรณีของโมโตโรล่า ได้ส่งมือถือรุ่น โมโต ดับเบิลยู233 รีนิว โดดเด่นตรงที่ใช้ตัวเครื่องทำมาจากพลาสติกรีไซเคิลที่มาจากขวดน้ำดื่ม เมื่อใดที่มือถือรุ่นดังกล่าวเก่าจนหมดสภาพการใช้งานแล้ว ก็สามารถส่งคืนให้โรงงานนำกลับไปรีไซเคิลได้อีก โดยทางโมโตโรล่ารอบคอบมากๆ เวลาซื้อมือถือรุ่นนี้ทางโมโตโรล่าจะให้ซองที่ชำระค่าไปรษณียากรและค่าจัดส่งเรียบร้อยสำหรับใช้ใส่มือถือส่งกลับโรงงาน ซึ่งเป็นแคมเปญที่โมโตโรล่าทำแล้วในอเมริกา แต่ไม่รู้ว่า จะนำมาเปิดตัวในประเทศอื่นหรือเปล่าเท่านั้น
ประเด็นการสนับสนุนให้ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือทุกค่ายใช้อุปกรณ์ชาร์จไฟเหมือนกัน เป็นอีกไฮไลต์ของงานในปีนี้ที่ทางสมาคมการค้าอุตสาหกรรมโทรศัพท์เคลื่อนที่โลกผลักดันให้ผู้ผลิตโทรศัพท์ไร้สายและผู้ให้บริการชั้นนำ 17 บริษัท อาทิ เอทีแอนด์ที แอลจี โมโตโรล่า โนเกีย ซัมซุง โซนี่ ออเร้นจ์ เคทีเอฟ ควอลคอมม์ เทเลคอมอิตาเลีย และโวดาโฟน ทำข้อตกลงสนับสนุนการใช้มาตรฐานอุปกรณ์ชาร์จโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่รูปแบบเดียวกันทั้งหมด หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างพัฒนาอุปกรณ์ชาร์จในแบบของตนเอง ทำให้เวลาผู้ใช้เปลี่ยนโทรศัพท์มือถือไปใช้อีกยี่ห้อหนึ่ง อุปกรณ์ชาร์จไฟที่มีอยู่ก็จะใช้กับโทรศัพท์มือถืออีกยี่ห้อหนึ่งไม่ได้
มีการคาดกันว่า อุปกรณ์ชาร์จมาตรฐานสากลจะออกมาจำหน่ายในตลาดทั่วโลกทันปีหน้า และยังมีการใช้ไมโครยูเอสบีเป็นอุปกรณ์พ่วงต่อมาตรฐานสากลอีกด้วย ส่วนโทรศัพท์เคลื่อนที่รุ่นใหม่ๆ ที่ออกมาตั้งแต่ปี 2012 จะใช้อุปกรณ์ชาร์จมาตรฐานได้ทุกรุ่น ส่วนใครที่ใช้เครื่องที่ออกใน 1-2 ปีนี้ คงจะต้องใช้มาตรฐานของใครของมันไปก่อน
นอกจากค่ายมือถือจะสร้างสีสันโดดเด่นเป็นประจำทุกปีแล้ว สำหรับนวัตกรรมเทคโนโลยีเครือข่ายเด่นๆ ในงานนี้ก็มีให้เห็นเช่นกัน เช่น “ไวแมกซ์” กับ “แอลทีอี” หรือลองเทิร์ม อีโวลูชั่น เป็น 2 เทคโนโลยีที่น่าสนใจ
เทคโนโลยี “ไวแมกซ์” เป็นเทคโนโลยีที่บรรดาผู้ผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคมต่างผลักดันกันเต็มที่ ซึ่งจะเห็นจากในงานที่ทุกบูทของยักษ์ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นอีริคสัน โนเกีย เน็ตเวิร์ก อัลคาเทล ที่เวลานี้ใกล้เต็มทีที่จะได้รับการยอมรับเป็นมาตรฐาน และเริ่มมีบริษัทสื่อสารยักษ์ใหญ่อย่าง “สปินท์ เน็กซ์เทล” ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในสหรัฐอเมริกาสนใจที่จะลงทุนกับเทคโนโลยีนี้ ขณะที่เทคโนโลยี "แอลทีอี" ที่มีการนำเสนอในงานโมบาย เอเชีย คองเกรส 2008 ที่มาเก๊ามาแล้วเมื่อปลายปีที่แล้ว ในงานนี้ก็มีการโชว์เทคโนโลยีดังกล่าวด้วย
นอกจากนี้ ทางบริษัทผู้พัฒนาโปรแกรมแชตบนอินเทอร์เน็ตยังได้ร่วมมือกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทำการพัฒนาโปรแกรมแชตแบบใหม่สำหรับใช้บนมือถือออกมาด้วยเช่นกัน ส่งผลให้ผู้ใช้บริการสามารถทราบได้ว่าผู้ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อโทรศัพท์คนใดสามารถคุยด้วยได้ เพื่อจะได้ส่งข้อความด้วยระบบที่ช่วยให้ส่งไฟล์รูปภาพและวิดีโอถึงกันได้ คาดว่าโปรแกรมแรกจะเริ่มเปิดให้บริการช่วงครึ่งหลังของปีนี้
ที่มา:
http://www.manager.co.th