นายสือ ล้ออุทัย ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ว่า หลังจากที่คณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ กระทรวงไอซีที และธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ร่างประกาศที่ออกตามความในพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการควบคุมดูแลธุรกิจบริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2551 จำนวน 4 ฉบับ เพื่อรองรับการประกาศและบังคับใช้พระราชกฤษฎีกาดังกล่าว รวมถึงใช้ควบคุมดูแลธุรกิจบริการด้านการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Payment นั้นที่ประชุมคณะกรรมการฯได้พิจารณาร่างประกาศทั้ง 4 ฉบับแล้ว
ปลัดกระทรวงไอซีที กล่าวต่อว่า ที่ประชุมคณะกรรมการฯมีมติเกี่ยวกับร่างประกาศทั้ง 4 ฉบับ คือ ฉบับแรก เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบธุรกิจบริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบ โดยให้เพิ่มระยะเวลาการแลกคืนเป็นเงินสดจากผู้ให้บริการบัตรเงินอิเล็กทรอนิกส์ให้ชัดเจน โดยประธานคณะกรรมการฯได้ลงนามแล้ว ฉบับที่ 2 ร่างประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง การให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ตามบัญชี ก ที่ไม่ต้องแจ้งให้ทราบก่อนให้บริการ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบ โดยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยได้ลงนามแล้ว รวมทั้งได้ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาแล้วตั้งแต่วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2552 ที่ผ่านมา
นายสือ กล่าวอีกว่า ฉบับที่ 3 ร่างประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขว่าด้วยการควบคุมดูแลธุรกิจบริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ และฉบับที่ 4 ร่างประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่องนโยบายและมาตรการการรักษาความปลอดภัยทางระบบสารสนเทศในการประกอบธุรกิจของผู้ให้บริการการชำระเงิน ทางอิเล็กทรอนิกส์นั้น ที่ประชุมมีมติรับทราบทั้ง 2 ฉบับ แต่ให้มีการปรับปรุงฉบับที่ 4 โดยให้ธนาคารแห่งประเทศไทยพิจารณาปรับปรุงถ้อยคำบางประการให้มีความชัดเจนและเหมาะสมยิ่งขึ้น
“คณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ยังได้จัดทำ (ร่าง) ประกาศคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง “แนวทางการจัดทำนโยบายและแนวปฏิบัติของผู้ให้บริการออกใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ภายใต้ มาตรา 37 และมาตรา 29 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2544 อีกหนึ่งฉบับ เพื่อใช้เป็นแนวทางปฏิบัติสำหรับผู้ให้บริการออกใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาจากคณะอนุกรรมการโครงสร้างพื้นฐานทางกฎหมาย และจะมีการนำเสนอคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป” ปลัดกระทรวงไอซีที กล่าว
นายสือ กล่าวถึงความคืบหน้าการบังคับใช้พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการควบคุมดูแลธุรกิจบริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2551 ว่า ขณะนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยอยู่ระหว่างการรับแจ้ง ขึ้นทะเบียน หรือขออนุญาตแล้วแต่กรณีจากผู้ประกอบธุรกิจบริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ประสงค์จะทำธุรกิจต่อไป โดยการดำเนินการดังกล่าว ต้องแล้วเสร็จภายในวันที่ 16 มีนาคม 2552 หากพ้นวันที่ 13 พฤษภาคม 2552 ผู้ประกอบการจะไม่สามารถให้บริการได้อีก
ที่มา:
http://www.thairath.co.th