Author Topic: แฟนหนุ่ม แจ้งจับ “เจเล่ มิสทิฟฟานี่” ทำร้ายแมว เสนอถ้าขอโทษแมว-ยอมบำบัดจะถอนแจ้งความ  (Read 788 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai










    แฟนหนุ่มเอาจริง แจ้งจับ “เจเล่ มิสทิฟฟานี่ 2555” ทำร้ายร่างกายและทำร้ายแมว แฉซ้ำอีกฝ่ายเป็นคนโมโหร้ายอารมณ์รุนแรงต้องได้รับการบำบัดกับจิตแพทย์ พร้อมยื่นข้อเสนอถ้ายอมขอโทษแมวตนจะถอนแจ้งความ ส่วนที่เคยประกาศจะหอบหลักฐานมาแฉเจเล่เคยขายตัวและซื้อวุฒิการศึกษา เจ้าตัวสารภาพไม่มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร แต่เจเล่เป็นคนยอมรับเองกับปาก โบ้ยให้ไปตรวจสอบเอง
      
       หลังจาก “นายวราวุธ” หรือ “โม วัฒนะพานิช” ออกมาแฉแหลกว่าถูก “เจเล่ พรรณวิลาส มงคล” มิสทิฟฟานี 2555แฟนที่อยู่กินกันมาปีกว่า ทำร้ายร่างกายตนและกัดที่ต้นแขน พร้อมกับทำร้ายแมวของตนจนแมวเขี้ยวหัก อีกทั้งยังแฉเจเล่ใช้วุฒิการศึกษาปลอมในการศึกษาเข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ แถมมีอาการเหมือนคนเป็นโรคประสาทชอบอาละวาด พูดจาหยาบคาย และยังมีนิสัยก้าวร้าวชอบด่าแม่ถึงขั้นที่แม่ต้องกราบเท้าเลยทีเดียว เท่านั้นไม่พอ ยังบอกอีกว่าเจเล่เคยขายตัวที่ประเทศสิงคโปร์ถึง 3 ครั้ง พร้อมประกาศจะหอบหลักฐานมาเล่นงานเจเล่ให้ถึงที่สุด
      
       ล่าสุดวันนี้(11 ธ.ค.) เจ้าตัวก็มาตามนัด ด้วยการเดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีกับเจเล่ที่ สน.ดอนเมือง ข้อหาทำร้ายร่างกาย และทารุณกรรมสัตว์ พร้อมยื่นหลักฐานการตรวจร่างกายจาก โรงพยาบาลภูมิพล ก่อนเปิดฉากแฉเจเล่อีกชุดใหญ่ พร้อมทั้งหอบหลักฐานคลิปเสียงที่สนทนาของตนเองกับแม่ของเจเล่ ที่ยืนยันว่าอีกฝ่ายเป็นคนโมโหร้าย ส่วนเรื่องที่แฉเจเล่เรื่องซื้อวุฒิการศึกษาและเคยขายตัว เจ้าตัวบอกไม่มีหลักฐาน เพราะฟังมาจากปากของเจเล่เท่านั้น โบ้ยให้ไปตรวจสอบเอง
      
       "วันนี้มาแจ้งความในคดีทำร้ายร่างกายที่เจเล่ทำร้ายร่างกายผม เมื่อวันที่25 พฤศจิกาฯที่ผ่านมา เป็นแผลโดนกัดที่หัวไหล่ เพราะเจเล่เขาเป็นคนชอบบีบบังคับจะให้กินข้าวพร้อมเขา จะให้มองเจเล่านั่งทำงานบนเตียงก่อน แต่ผมก็อยากจะกินข้าวแล้ว จะกินกับช้อนพลาสติกก็ไม่ได้ ก็มาดุด่าว่าผม พูดแรงๆ ตอนหลังก็เลยเกิดเรื่องกันขึ้น"
      
       "ต่างคนต่างลงมือ ตอนแรกแค่ผลักกันไปผลักกันมา แล้วเจเล่าเขาก็มาชกหน้าผมก่อน แล้วเขาก็เขวี้ยงแมวลงพื้น ทำให้ผมรับไม่ได้ ผมก็เลยกระชากเขาลงบนเตียง แล้วก็ต่อสู้กัน แล้วก็เลิกกันออกมา ครั้งนี้เป็นครั้งที่รุนแรงที่สุด แต่ผมได้ข่าวว่าเจเล่ไปบอกสื่อว่าผมทำเขาก่อน ผมขอให้เจเล่ยอมรับว่าเจเล่มาชกหน้าผมก่อน แล้วมาเขวี้ยงแมวเปอร์เซียของผม ทำให้ผมทนไม่ได้ ผมเลยทำกลับ"
      
       "แล้วที่ผมมาแจ้งความวันนี้ เพราะผมอยากให้เขาได้รับการบำบัดเรื่องของความโมโห ผมอยากให้เขามีอาการดีขึ้น ผมทำเพราะผมรักเขา อยากให้เขาไม่เป็นคนโมโห ฉุนเฉียวง่ายอย่างนี้ ผมอยากให้เขาได้รับการรักษาจากแพทย์"
      
       ส่วนที่หลายคนตั้งข้อสงสัยว่าเรื่องราวเกิดขึ้นมาพักใหญ่แล้ว แต่ทำไมเพิ่งมาแจ้งความนั้น เจ้าตัวอธิบายว่า…
      
       "ก็ไม่นานมากนะครับ จริงๆ วันที่ 25 ผมได้มาที่โรงพักเพื่อสอบปากคำเบื้องต้นไว้แล้ว ทางสถานีตำรวจได้ส่งผมไปตรวจร่างกายอีกที แล้ววันนี้ก็มาแจ้งความ ซึ่งตำรวจรับแจ้งเรียบร้อยแล้ว ต่อไปตำรวจก็จะนัดเจเล่เพื่อสอบถามว่าเขาจะยอมรับความผิดรึเปล่า ผมต้องการให้เขายอมรับว่าเขาเป็นคนเขวี้ยงแมวผม ซึ่งผมทนไม่ได้เพราะผมเป็นคนรักสัตว์ แมวตัวนี้เป็นแมวเกรดประกวด อย่างแมวที่เจเล่เลี้ยงไว้ตอนนี้เขี้ยวหักทั้ง 2 ข้าง คนที่เลี้ยงแมวเกรดประกวดจะรู้ว่าการที่ไปถอนเขี้ยวจะสร้างความเจ็บปวดให้กับแมว"
      
       ต่อคำถามเรื่องที่เจ้าตัวออกมาแฉภาพนู้ดของ “เจเล่” ว่าอีกฝ่ายไปขายบริการที่สิงคโปร์จำนวน 3 ครั้ง ครั้งแรกไป 2 เดือนครั้งหลังไป 1 เดือน รวมถึงปลอมวุฒิการศึกษาที่ซื้อจาก กศน. ราคา 7-8 หมื่นบาท เจ้าตัวอ้างที่ต้องพูดเพราะเจเล่ไม่ยอมรับว่าตัวเองผิด
      
       "ผมต้องพูดเพราะเจเล่ปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา ว่าไม่ได้ทำร้ายร่างกาย ปฎิเสธไม่ได้ทำร้ายสัตว์ หรือดุด่าแม่ตัวเองด้วยคำหยาบคาย ดังนั้นผมต้องหาหลักฐานที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเขาทำผิดออกมาให้สื่อสามารถตรวจสอบ หาหลักฐานออกมาสู้กับเขา ผมไม่อยากถูกสังคมมองว่าผมโกหก ผมอยากถูกมองว่าผมพูดความจริง ซึ่งสิ่งที่ผมต้องการคือให้เจเล่าได้รับการบำบัดจากแพทย์ เพราะถ้าบอกเขาทำร้ายแมวแล้วจะเช็คยังไง ในเมื่อผมเห็นคนเดียวกับตา แต่อย่างอื่นที่มีสามารถตรวจสอบได้”
      
       “ที่ผ่านมาผมให้เจเล่มาเคลียร์กับผมเป็นเวลา 10 วัน แต่เขาไม่ติดต่อมาเลย เขาไม่รู้สึกเลยว่าเขาทำผิดอะไรลงไป ทำร้ายสัตว์ ผมอยากให้เจเล่ออกมายอมรับและเสียใจกับเรื่องตรงนี้ที่เขาทำร้ายสัตว์ ไม่ต้องขอโทษผมก็ได้ แต่ให้ขอโทษแมว สำหรับผมมันไม่ใช่แค่เรื่องแมว มันเป็นการทารุณสัตว์ ผมเห็นกับตาว่าเจเล่าบีบคอวีนัส แล้วปาลงพื้นอย่างแรงเพราะเขาโมโหแมวของเขา"
      
       อยากจะให้ “เจเล่” ขอโทษแมวยังไง?
       "ก็มาลูบหัวแมวแล้วขอโทษเขา ตอนเกิดเรื่อง ผมให้ขอโทษแมวเลยตอนนั้น แต่เขาก็ไม่ทำ ถ้าเขามาลูบหัวแมวแล้วขอโทษผมก็จะยอมจบคดี ก็ต้องมาคุยกันว่าเขาจะยอมรับไหมว่าตรงนี้เขาผิด เขาทำร้ายแมว ผมต้องการตรงนี้ ตอนนี้ผมยังไม่ได้เลิกกับเจเล่นะ เรายังเป็นแฟนกันอยู่ ไม่ใช่อดีตแฟน”
      
       “เมื่อวันที่ 5 ธันวาฯที่ผ่านมา เจเล่ยังส่งข้อความหาผมว่าจะไม่ให้โอกาสเจเล่ง้อเลยเหรอ จะคุยกันดีๆ ไม่ได้เหรอ ไม่เปิดโอกาสให้ง้อเลยใช่ไหม นี่คือข้อความล่าสุดที่ผ่านมา เราคบกันมาปีครึ่ง ก็ถือว่าเรายังไม่ได้เลิกกัน ยังไม่มีการบอกเลิก แต่ผมทนไม่ไหวที่เขามีอารมณ์โมโหฉุนเฉียวแล้วมาทำร้ายสัตว์ผมทนไม่ได้"
      
       รับที่แฉว่า “เจเล่” ขายตัว และปลอมวุฒิการศึกษา ตนไม่มีหลักฐาน อ้างถ้าพูดแค่เรื่องเจเล่ทำร้ายแมวนักข่าวจะเชื่อไหม
       "ผมไม่มีหลักฐาน ที่เขาทำร้ายแมว ผมพูดไปคุณจะเชื่อไหม ผมต้องการให้เขาออกมายอมรับในประเด็นที่สื่อสามารถตรวจสอบได้ เรื่องแมวผมเห็นกับเขาแค่ 2 คนไง"
      
       แต่มันดูเป็นคนละเรื่องกัน?
       "ยังไงดี ถ้าผมพูดแค่เรื่องแมวทุกคนก็มองว่าผมโกหกถูกไหมครับ ผมเอาความจริงมาพูดแล้วว่าอะไรยังไง และวันนี้ทุกคนก็จะได้รู้ความจริงว่าตัวตนเจเล่จริงๆ เป็นยังไง เจเล่ที่เป็นมิสทิฟฟานี่ที่น่ารัก อ่อนโยน อ่อนไหวรึเปล่า สำหรับผม เขาก็เป็นอย่างนั้น แต่อีกด้านนึงเขาสามารถพลิกเป็นอีกคนนึงในเสี้ยววินาทีเดียว สิ่งที่เขาทำให้ผมเห็นมาตลอดคือเขาต้องได้รับการรักษาแล้ว"
      
       แต่สิ่งที่เอามาแฉมันดูทำร้ายชื่อเสียงเขามากไปรึเปล่า กับการแค่ให้เขาขอโทษแมวและเข้ารับการบำบัด?
       "จะพูดยังไง ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์นั้นเขาก็ส่งข้อความ โทร.มาคุยกันปกติ แต่เขาไม่ได้พูดอะไรที่รู้สึกเสียใจเลย ผมดูว่ามันยังไง ไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยเหรอ ผมว่าสิ่งที่ผมทำมันจะเป็นการช่วยเจเล่ ผมอยากให้เจเล่ได้รับรู้ ได้มีสติสักทีว่าเจเล่ทำอะไรอยู่ เพราะเรื่องนี้มีแต่ผมกับแม่เจเล่าเท่านั้นที่รู้ว่าเขาเป็นยังไง”
      
       “ผมไม่รู้ว่าการทำอย่างนี้จะทำลายชื่อเสียงรึเปล่า แต่ผมอยากเอาความจริงมาพูดแค่นั้นเอง ผมอยากให้เขาออกมายอมรับความจริงทุกอย่าง แล้วผมนี่แหละจะเป็นคนพาเขาไปบำบัดรักษาเอง ก่อนหน้านี้ผมเองจะพาเขาไปบำบัดรักษาแล้ว ซึ่งผมเองเก็บคลิปเสียงเอาไว้ เขาก็ยินดี แต่พอถึงเวลาจริงเขาก็มาเหวี่ยงใส่ผม ก็เลยไม่ได้ไป เขาอารมณ์แปรปรวนมาก"
      
       ปฏิเสธออกมาทำให้เป็นเรื่องเพราะต้องการโปรโมทฟาร์มแมวที่ตัวเองเป็นเจ้าของ…"ผมไม่ต้องการเป็นข่าวอะไรทั้งนั้น ผมไม่สนใจเรื่องแมวอยู่แล้ว ผมสนใจแต่เจเล่ ตอนนี้ทุกอย่างระหว่างผมกับเจเล่ยังเหมือนเดิม แต่ต่อไปจะเป็นยังไงก็แล้วแต่เขา ผมรับไม่ได้ที่เจเล่ทำร้ายสัตว์ แล้วไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย ทุกคนเอาเจเล่ไม่อยู่ ครอบครัวก็เอาไม่อยู่"
      
       เมื่อย้ำถามกรณีที่แฉอีกฝ่ายว่าปลอมวุฒิการศึกษาและขายตัว เจ้าตัวก็ตอบทำเอางงไปตามๆ กัน
       “เรื่องวุฒิการศึกษาเจเล่เป็นคนพูดมาเอง ผมมีข้อมูลเท่านี้ แต่ถ้าสื่อต้องการจะตามต่อก็ต้องไปสืบกันแล้ว ผมคงไม่ไปสืบเอง แค่ได้ยินมา (เรื่องขายตัวล่ะ?) ผมขอเลี่ยงว่าเป็นอาชีพพิเศษเนอะ"
      
       ในข้อมูลที่คุณให้มาคุณระบุว่าเป็นการขายบริการ?
       "ตรงนี้ขอไม่พูดแล้วกัน"
      
       มันออกมาเป็นเอกสารลายลักษณ์อักษรขนาดนี้ไม่ชี้แจงคงไม่ได้ คุณมั่นใจอะไรถึงขนาดออกมาเผยแพร่เพราะเขาจะเสียหายและมีผลต่อสังคม?
       "......(เงียบ)จะให้ผมพูดยังไง ผมขอไม่พูดแล้วกัน"
      
       มันมีผลต่อตำแหน่งมิสทิฟฟานี่ ซึ่งถ้าคุณพูดอย่างนี้แสดงว่าคุณต้องมีหลักฐาน เราเลยถามว่าคุณมั่นใจในหลักฐานขนาดไหน มีหลักฐานอะไรบ้าง?
       "ก็ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่.....ฟังคลิปเสียงก่อนไหมจะได้เข้าใจทุกอย่าง แต่ผมอยากให้ฟังคลิปเสียงก่อน....ตรงนี้ผม(เงียบ)....คือยังไงอ่ะ....."
      
       คุณรู้ได้อย่างไรว่าเขาเคยทำอาชีพแบบนั้น?
       "ผมขอไม่พูดก่อนดีกว่า ไม่รู้จะพูดยังไง อยากให้ฟังคลิปเสียงมากกว่า....."
      
       เจ้าตัวปัดถ้า “เจเล่” จะฟ้องคุณกลับก็ให้เอาความจริงมาพิสูจน์กัน ก่อนโต้ทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ
       "ถ้าเขาจะฟ้องกลับก็แล้วแต่ความจริงแล้วกันครับ ผมไม่ได้ทำไปเพราะอารมร์ชั่ววูบครับ แต่เพราะเจเล่าเขาปฎิเสธทุกอย่าง ผมเลยต้องหาอะไรมายืนยันเหมือนกัน ผมก็มั่นใจในหลักฐานครับ"
      
       ถึงกับเงียบเมื่อถูกถามพร้อมจะสู้คดีใช่หรือไม่ หาก “เจเล่” จะฟ้องกลับ
       "......(เงียบ) ขอไม่พูดแล้วกันครับ ก็แล้วแต่พิจารณาของทางทิฟฟานี่ ผมตอบได้แค่นี้....ก็สามารถตรวจสอบจากพาสปอร์ตเขาได้ว่าเขาไปทำอะไรหลายเดือน การที่เขาไปอยู่เป็นเดือนมันก็ต้องไปทำอะไรใช่ไหมครับ ถ้าคุณจะเช็คก็ไปเช็คได้เลยจากเจเล่ ครั้งแรก 2 เดือน อีกครั้ง 1 เดือนไปทำอะไร ผมรู้อยู่ตลอดเวลาครับว่าเขาไปทำอะไร หลักฐานก็พาสปอร์ต ต้องไปดูของเจเล่เอง แล้วเขาเป็นคนบอกเองว่าไปทำแบบนั้น หลักฐานก็คือคำพูดของเขา”
      
       พร้อมปฏิเสธทางทิฟฟานี่พยายามจะเรียกเข้าไปคุยกับ “เจเล่” แต่ตนเป็นฝ่ายไม่ยอมไป
      
       "ผมเป็นคนโทร.ไปหาทิฟฟานี่เอง แต่ทางนั้นเขาบอกเจเล่พูดอีกอย่างนึง แล้วก็จะนัดผม แต่ก็คลาดกันก็เลยโทร.ไปอีกที เขาก็ถามว่าอัดเสียงไว้รึเปล่า พอสักพักก็ไม่ได้คุยกัน ยังไม่ได้นัดอะไรกันเลย ถ้าเขาเชิญก็ยินดีเข้าไปคุยครับ แต่ที่วันนี้ผมไม่ไปออกรายการพร้อมเจเล่ เพราะผมยังไม่พร้อมเพราะไปเดี๋ยวมันจะเป็นการทะเลาะกันมากกว่า เพราะเจเล่พูดปฎิเสธหมดเลย"

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)