'สุรพงษ์' ยันไม่ได้ปล่อยมือเรื่องผลสอบสัญญา 3G กสท-ทรู แต่เรื่องถึง ป.ป.ช. แล้วเงียบหาย เตรียมทวงถาม กลัวคดีหมดอายุความ คนผิดลอยนวล เพราะพิสูจน์ได้ชัดว่าความถี่มีมูลค่า แต่กสทกลับปล่อยให้เอกชนใช้ฟรี นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ ในฐานะกำกับดูแลกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวในการตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายให้กระทรวงไอซีทีเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.ในประเด็นความคืบหน้าสัญญาการให้บริการโทรศัพท์มือถือรูปแบบใหม่เพื่อให้บริการ 3G ด้วยเทคโนโลยี HSPA ระหว่างบริษัท กสท โทรคมนาคม กับ กลุ่มทรู คอร์ปอเรชั่น บนคลื่นความถี่ 850 MHz โดยไม่มีการประมูล และไม่ปฎิบัติตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 ว่า ในประเด็นดังกล่าวตนได้อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลสมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อเดือนมี.ค. 2554 ที่ผ่านมา และได้นำเรื่องส่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว ซึ่งป.ป.ช.ก็ได้ตรวจสอบ และพบว่ามีมูลว่าไม่ถูกต้อง แต่เรื่องกลับเงียบหายไป จึงอยากเรียกร้องให้ป.ป.ช.สรุปผลการตรวจสอบสัญญา 3G โดยเร็วเพื่อความชัดเจนสำหรับทุกฝ่าย
นอกจากนี้ยังมองว่าสัญญา 3G ดังกล่าวของกสทกับทรูนั้นทำให้รัฐสูญเสียรายได้ เพราะคลื่นความถี่ที่ทรูนำไปใช้เหมือนเป็นการใช้ฟรี เพราะการประมูลใบอนุญาตประกอบกิจการโทรศัพท์มือถือ 3G ของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) สามารถนำเงินเข้ารัฐเป็นจำนวนหลายหมื่นล้านบาทนั้น ดังนั้นถือเป็นบทพิสูจน์ว่าคลื่นความถี่มีมูลค่า แต่ กสท กลับนำคลื่นความถี่นั้นไปให้เอกชนใช้ฟรี
'เราเข้าใจว่างานป.ป.ช.เยอะแต่อยากให้หันมาทำงานเก่าๆให้เสร็จก่อน ไม่ใช่เน้นแต่งานใหม่เพียงอย่างเดียว ดังนั้นจึงอยากให้ป.ป.ช.รีบดำเนินการอย่ารอจนหมดอายุความ 20 ปี ซึ่งตอนนี้สัญญา 3G กสท-ทรู ก็ผ่านไปแล้วเกือบ 2 ปี ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นผู้บริหารชุดก่อนจะต้องรับผิดชอบ ความผิดทั้งหมด ไม่ควรปล่อยให้คนผิดลอยนวล'
นายสุรพงษ์ ยังกล่าวอีกว่า จะสนับสนุนภารกิจของกระทรวงไอซีทีในทุกๆด้าน เพราะไอซีทีถือเป็นสิ่งจำเป็นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ อีกทั้งยังก่อให้เกิดการลงทุนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศด้วย
'ผมมาช่วยกำกับดูแล ก็จะได้ติดตามภารกิจอย่างใกล้ชิด เพื่อนำไปรายงานน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้รับทราบ ซึ่งนายกฯได้ให้ความสำคัญกับเรื่องไอซีทีมาก เพราะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศ'
Company Relate Link :
ICT
ที่มา: manager.co.th