Author Topic: พบ Windows 8 หยุดซอฟต์แวร์ร้ายได้ 85% อีก 15% ยังออกลายเหมือนเดิม  (Read 785 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


หน้าตาใหม่ของวินโดวส์ 8 โอเอสเวอร์ชันล่าสุดของไมโครซอฟท์ ที่เพิ่งวางขายอย่างเป็นทางการวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา

    บริษัทแอนติไวรัสบิตดีเฟนเดอร์ (BitDefender) เผยผลการศึกษาล่าสุดที่พบว่าคุณสมบัติป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์ในระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8 (Windows 8) เวอร์ชันล่าสุดนั้นสามารถหยุดซอฟต์แวร์ร้ายที่พบในปัจจุบันได้ราว 85% ถือเป็นผลทดสอบที่น่าพอใจ แต่อีก 15% ก็ยังสามารถเจาะระบบวินโดวส์ 8 เข้าสู่คอมพิวเตอร์ได้ตามปกติ
       
       ในระบบปฏิบัติการวินโดวส์นั้นจะมีคุณสมบัติรักษาความปลอดภัยในชื่อ “วินโดวส์ดีเฟนเดอร์ (Windows Defender)” รวมอยู่ด้วย บนความหวังให้ผู้ใช้วินโดวส์ที่เปิดฟังก์ชันนี้สามารถรอดปลอดภัยจากซอฟต์แวร์ประสงค์ร้ายได้โดยไม่ต้องใช้โปรแกรมแอนติไวรัส ซึ่งมักหน่วงทรัพยากรของเครื่อง จนทำให้เครื่องทำงานได้ช้าและผิดพลาดบ่อย ล่าสุดคุณสมบัตินี้ถูกพัฒนาในวินโดวส์ 8 ซึ่งไมโครซอฟท์เพิ่งเริ่มวางจำหน่ายเมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยบริษัทแอนติไวรัสพบว่าวินโดวส์ดีเฟนเดอร์เวอร์ชันล่าสุดสามารถทำงานได้ดีกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังไม่ดีพอที่จะทดแทนโปรแกรมแอนติไวรัสได้
       
       การศึกษาพบว่ามัลแวร์หรือซอฟต์แวร์ร้ายที่ถูกตรวจพบในปีนี้กว่า 15% สามารถทำงานบนเครื่องวินโดวส์ 8 ที่เปิดคุณสมบัติวินโดวส์ดีเฟนเดอร์อยู่ได้อย่างปกติ โดยสัดส่วน 15% นี้คิดเป็นมัลแวร์ 61 ตัวจากทั้งหมด 385 ตัวที่บริษัทลงมือทดสอบ


ซีอีโอไมโครซอฟท์บนเวทีเปิดตัววินโดวส์ 8 ล่าสุดการสำรวจพบว่าคุณสมบัติป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์ในระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8 สามารถทำงานได้ดีกว่าเวอร์ชันที่ผ่านมา

       แต่หากไม่เปิดฟังก์ชันวินโดวส์ดีเฟนเดอร์ มัลแวร์มากกว่า 234 ตัวจาก 385 ตัวจะสามารถทำงานได้ปกติ จุดนี้บิตดีเฟนเดอร์พบว่ามัลแวร์ 138 ตัวไม่สามารถทำงานบนวินโดวส์ 8 ได้ ขณะที่ 6 ตัวสามารถทำงานแต่ล้มเหลวในภายหลัง ขณะที่ 7 ตัวถูกระงับการทำงานเพราะฟังก์ชัน User Access Control (UAC)
       
       ผลสำรวจครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากไมโครซอฟท์ประกาศอัปเดตแพตช์ชุดแรกให้วินโดวส์ 8 ในวันอังคารสัปดาห์หน้า โดยจุดบกพร่อง 3 จุดถูกจัดอันดับให้มีความร้ายแรงระดับ “Critical” ซึ่งอาจมีผลต่อการทำงานของวินโดวส์ 8
       
       ทั้งหมดนี้ ผู้บริหารบิตดีเฟนเดอร์ย้ำว่าเป็นพัฒนาการที่ดีเมื่อเทียบกับวินโดวส์ 7 รุ่นก่อนหน้า ซึ่งบริษัทเคยพบว่ามัลแวร์กว่า 262 ตัวจาก 385 ตัวนั้นสามารถทำงานได้ดีโดยไม่มีปัญหาหรือถูกขัดจังหวะใดๆ โดยการทดสอบพบว่าการเปิดคุณสมบัติวินโดวส์ดีเฟนเดอร์ในวินโดวส์ 8 นั้นสามารถกีดขวางการทำงานของมัลแวร์ได้ในระดับที่ดีขึ้น
       
       มัลแวร์หรือซอฟต์แวร์ประสงค์ร้ายที่ออกอาละวาดในตลาดโลกขณะนี้ ได้แก่ โทรจัน, หนอนคอมพิวเตอร์, โปรแกรมสอดแนม หรือซอฟต์แวร์อื่นๆ ที่เสี่ยงต่อความปลอดภัยของเครื่องและข้อมูลภายใน แม้การทดสอบจะสะท้อนว่าไมโครซอฟท์มีพัฒนาการที่ดีขึ้น แต่ก็สามารถแปลได้ว่าผู้ใช้วินโดวส์ 8 ยังคงต้องการโปรแกรมแอนติไวรัสอยู่ดี เพราะมัลแวร์บางตัวยังสามารถปฏิบัติการได้จนทำให้ผู้ใช้มีความเสี่ยงเช่นเดิม
       
       ยังไม่มีรายงานความเห็นจากไมโครซอฟท์ต่อผลการสำรวจที่เกิดขึ้น โดยก่อนหน้านี้ ไมโครซอฟท์ระบุว่าได้ลงเงินทุนวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยระบบอย่างเต็มกำลัง บนจุดประสงค์เพื่อการพัฒนาที่ต่อเนื่องและได้ผลสูงสุด
       
       สำหรับความคืบหน้าล่าสุดของไมโครซอฟท์ คือสตีเฟน ไซนอฟสกี (Steven Sinofsky) หัวหน้าทีมพัฒนาวินโดวส์ประกาศลาออกจากบริษัทอย่างกะทันหัน การลาออกครั้งนี้น่าสนใจเพราะไซนอฟสกีคือตัวเต็งที่ถูกคาดการณ์ว่าจะเป็นซีอีโอไมโครซอฟท์คนต่อไป
       
       แถลงการณ์ของไมโครซอฟท์ไม่ระบุสาเหตุการลาออก มีเพียงการเปิดเผยว่าผู้สานต่องานของไซนอฟสกีมี 2 คน คือ จูลี ลาร์สัน-กรีน (Julie Larson-Green) ซึ่งมีประสบการณ์การพัฒนากระบวนการใช้งานวินโดวส์และผลิตภัณฑ์อื่น และทามี เรลเลอร์ (Tami Reller) หัวหน้าฝ่ายการเงินและการตลาด ซึ่งจะดูแลธุรกิจของแผนกวินโดวส์โดยเฉพาะ ขณะที่ลาร์สัน-กรีนจะดูแลแผนกซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ของวินโดวส์ทั้งหมด
       
       รายงานระบุว่าทั้ง 2 คนจะรับคำสั่งโดยตรงจากซีอีโอ สตีฟ บอลล์เมอร์ (Steve Ballmer)
       
       Company Related Link :
       Microsoft


ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)


Related Topics

  Subject / Started by Replies Last post
0 Replies
4587 Views
Last post July 19, 2009, 02:33:58 PM
by IT
0 Replies
5377 Views
Last post June 11, 2010, 04:51:16 PM
by Nick
0 Replies
3922 Views
Last post June 11, 2010, 04:56:15 PM
by Nick
0 Replies
3721 Views
Last post June 11, 2010, 06:56:51 PM
by Nick
0 Replies
5545 Views
Last post July 02, 2010, 03:12:03 PM
by Nick
0 Replies
4909 Views
Last post July 03, 2010, 03:15:40 PM
by Nick
0 Replies
3110 Views
Last post March 08, 2012, 04:30:06 PM
by Nick
0 Replies
2477 Views
Last post July 05, 2012, 07:25:18 PM
by Nick
0 Replies
3037 Views
Last post September 23, 2012, 06:57:55 PM
by Nick
0 Replies
2612 Views
Last post November 15, 2012, 11:27:59 PM
by Nick