Author Topic: โนเกีย ซีเมนส์ ญี่ปุ่นชี้ 3G ทีโอที พร้อมอัปเกรด 4G ไม่ยาก  (Read 577 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46027
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


หลังทีโอทีจับมือเป็นพันธมิตร Softbank ลุยบริการ 3G และ 4G โนเกีย ซีเมนส์ เน็ตเวิร์คส ญี่ปุ่น โชว์เทคโนโลยี Flexi Multiradio Base Station (BTS) ที่ช่วยลดต้นทุนและประหยัดพลังงาน รองรับหลากหลายเทคโนโลยี GSM/EDGE, WCDMA/HSPA+และ 4G ชี้โครงข่าย 3G ทีโอทีพร้อมอัปเกรดเป็น 4G ได้ทันที
       
       นายโจอาคิม วิลเมท หัวหน้าฝ่ายการตลาดและสื่อสารองค์กร โนเกีย ซีเมนส์ เน็ตเวิร์คส (NSN) ประจำประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทเป็นผู้ติดตั้งและวางระบบ 4G ให้ SoftBank ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าว สามารถนำมาใช้กับบริษัท ทีโอที ที่มีแผนให้บริการ 3G และ บริการ 4G LTE โดยทีโอทีใช้สถานีฐาน Flexi Multiradio Base Station (BTS) จากโนเกีย ซีเมนส์เน็ตเวิร์คส ในการวางโครงข่ายบรอดแบนด์ไร้สาย Flexi BTS มีประสิทธิภาพสูงและมีขนาดเล็ก ซึ่งสามารถติดตั้งเข้ากับเสาที่มีขนาดเล็ก หรือเสาเดิมที่มีอยู่แล้ว หรือในบริเวณที่มีพื้นที่จำกัดในการติดตั้งสถานีฐานอย่างง่ายดาย
       
       โดยประโยชน์ของการใช้สถานีฐานที่มีขนาดเล็ก คือ ติดตั้งง่าย ช่วยลดขั้นตอนในการวางระบบโครงข่าย หรือการจัดหาพื้นที่ติดตั้ง ทำให้การวางโครงข่ายเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว ,ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการจัดหาหรือสร้างไซต์ใหม่ได้สูงสุดถึง25%, เนื่องจากมีขนาดเล็กจึงสามารถประหยัดการใช้พลังงานได้สูงสุดถึง 70% เมื่อเทียบกับสถานีฐานแบบดั้งเดิม ,ใช้ได้ในหลากหลายเทคโนโลยีสื่อสาร GSM/EDGE, WCDMA/HSPA+และ 4G ด้วยการอัปเกรดที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน ทำให้ผู้ประกอบการทำตลาดได้เร็วขึ้น และช่วยให้ผู้ประกอบการลดต้นทุน ไม่ต้องเปลี่ยนสถานีฐานตามเทคโนโลยี ไม่ต้องติดตั้งสถานีฐานบนเสาขนาดใหญ่ที่มีต้นทุนสูง สามารถติดตั้งด้านนอกอาคารโดยไม่จำเป็นต้องติดตั้งในตู้ป้องกันแบบ Outdoor
       
       โครงข่าย 3G ของทีโอทีในปัจจบัน ถูกออกแบบให้รองรับการใช้งานข้อมูลผ่าน สมาร์ทโฟนโดยเฉพาะ ทำให้ประสบการณ์ในการใช้ราบรื่นและรวดเร็วกว่าด้วยเทคโนโลยี HSPA+ ที่มีความสามารถในการดาวน์โหลดได้เร็วที่สุดถึง 42 เมกะบิตต่อวินาที
       
       นอกจากนี้การที่บริษัท ทีโอที มีแผนที่จะให้บริการ 4G LTE นั้น โนเกีย ซีเมนส์เน็ตเวิร์คส ถือเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องบรอดแบน์ไร้สาย และเป็นผู้นำในเทคโนโลยี 4G โดย4G เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่พัฒนาขึ้นเพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพในการรับส่งข้อมูล ให้มีประสิทธิภาพเหนือกว่า 2G และ3G ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ด้วยความสามารถในการรับส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูงถึง 100 Mbps หรือมากกว่า 3G ในปัจจุบันหลายเท่าตัว และจะช่วยลดความล่าช้าในการรับส่งข้อมูลโดยรวม (Latency) ลงอย่างมาก จึงสามารถรองรับการใช้งานรับส่งข้อมูลที่หลากหลายและมีขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
       
       ทุกวันนี้เทคโนโลยี 4G มีการใช้จริงในเชิงพาณิชย์แล้วทั่วโลก จากข้อมูลของบริษัทซึ่งมีประสบการณ์การวางโครงข่าย 4G ทั่วโลก จำนวนโครงข่าย 4G เชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้นถึง 4เท่านับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2554 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสื่อสารที่เติบโตเร็วที่สุด เฉพาะในส่วนของ โนเกีย ซีเมนส์ เองมีข้อตกลงในการวางโครงข่าย 4G เชิงพาณิชย์แล้วถึง 67 รายใน 6 ทวีป
       
       สำหรับที่ประเทศญี่ปุ่นมีการให้บริการ 4G ครั้งแรกเมื่อเดือนธ.ค.2553 ปัจจุบันมีผู้สมัครใช้บริการแล้วเกือบ 30 ล้านคน (Informa Telecoms & Media, Q2 2012) โนเกีย ซีเมนส์ เป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ 4G ต่างชาติที่มีสัดส่วนตลาดมากที่สุดในญี่ปุ่น จัดหาอุปกรณ์ 4G ให้กับทั้ง 3ผู้ประกอบการในญี่ปุ่น (NTT Docomo, KDDI, และ Softbank) โครงข่าย 4G ของโนเกีย ซีเมนส์ปัจจุบันให้บริการ 45% ของผู้ใช้ 4G ทั้งหมดทั่วโลก
       
       'โครงข่าย 3G ปัจจุบันของทีโอที พร้อมที่จะอัปเกรดไปเป็น 4G เนื่องจากสถานีฐานที่ทีโอทีใช้อยู่สามารถปรับให้รองรับ 4G ได้อย่างง่ายดาย รวดเร็ว'
       
       Company Relate Link :
       Nokia Siemens

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)