จำได้ว่าเมื่อสมัยยังเป็นเด็กนั้น หากวันไหนไปซุกซนในวันที่แสงแดดแผดเผาแรงกล้าล่ะก็ เป็นได้เลือดออกจมูกทุกครั้งไป
และเมื่อเห็นอย่างนี้ทีไรก็อดไม่ได้ที่จะเกิดอาการกลัว พาลจะอาเจียนวิงเวียนเอาได้ง่ายๆ ด้วยความที่เรายังเด็ก แต่ผู้ใหญ่ก็มักจะบอกว่าไม่ต้องตกใจไป ให้เงยหน้าขึ้นสูงๆ สักพักเลือดที่กำลังไหลพลั่กๆ เหล่านั้นก็หยุดไหลไปซะดื้อๆ
เลือดกำเดาคืออะไร?ตามที่เราเข้าใจและรับรู้มานั้นนั้น เลือดกำเดาคือเลือดที่ไหลออกมาจากโพรงจมูก หรือบริเวณหลังจมูก แต่รายละเอียดที่มากกว่านั้นแต่เราอาจทราบไม่หมดก็คือ เลือดที่ไหลออกมา 95 เปอร์เซ็นต์ ตำแหน่งที่เลือดไหลออกมาจะอยู่ที่เยื่อบุจมูกส่วนหน้าของผนังกั้นกลางจมูกทั้งสองข้างที่อยู่ใกล้ๆ ปลายจมูก โดยส่วนมากเลือดกำเดาเกิดจากการแตกของเส้นเลือดฝอยเล็กๆ ในเยื่อบุจมูก ซึ่งพบมากในเด็กเล็กและไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด แต่ในขณะเดียวกัน สำหรับผู้ใหญ่แล้ว เลือดกำเดาที่เกิดจากสาเหตุบางประการอย่างเส้นเลือดใหญ่แตก เป็นเนื้องอก หรือมะเร็งในจมูก เหล่านี้ล้วนเป็นอันตรายทั้งสิ้น
ความเข้าใจทั่วไปเกี่ยวกับเลือดกำเดาสำหรับอาการของเลือดกำเดาไหลนั้น เรามักจะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นได้เฉพาะกับเด็กๆ หรือผู้ที่กำลังย่างเข้าสู่วัยรุ่นเท่านั้น เนื่องจากเด็กๆ จะมีผนังเยื่อบุจมูกที่บางกว่าผู้ใหญ่ ดังนั้นเมื่ออยู่กลางแจ้งท่ามกลางแดดที่ร้อนเปรี้ยงนานๆ อุณหภูมิที่ร่างกายก็จะสูงขึ้น ส่งผลให้เส้นเลือดฝอยเล็กๆ ที่อยู่ในโพรงจมูกเกิดการฉีกขาดและเกิดอาการเลือดกำเดาไหล และอีกสาเหตุคือเด็กๆ มักจะซุกซน ถ้าไม่วิ่งชนนู่นนี่ก็หกล้ม หรือบางทีก็ชอบงัดแงะแกะเกาในจมูกของตัวเอง ซึ่งก็ทำให้เลือดกำเดาไหลได้เช่นกัน แต่นั่นคือความเข้าใจที่ถูกเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น เพราะภาวะเลือดกำเดาไหลนั้นเกิดได้กับทุกเพศทุกวัย ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้ใหญ่หรือคนชรา
สาเหตุหลักของที่มาแห่งการเกิดเลือดกำเดานอกจากอาการที่เกิดขึ้นกับเด็กๆ ดังที่ได้กล่าวไปในข้างต้นแล้ว เลือดกำเดายังสามารถเกิดขึ้นได้จากสาเหตุต่างๆ ดังต่อไป
- อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นโดยตรงบริเวณศีรษะและใบหน้าจนทำให้เกิดการกระทบกระเทือนต่อเยื่อโพรงจมูก รวมทั้งการผ่าตัดบริเวณโพรงจมูกและไซนัส เหล่านี้ล้วนส่งผลให้เส้นเลือดฉีกขาดจนทำให้เลือดกำเดาไหลได้ทั้งสิ้น
- ผู้ป่วยที่มีอาการหวัดเรื้อรัง หรือเป็นโรคภูมิแพ้ทางจมูกที่อาจไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและเหมาะสม
- เกิดอาการอักเสบและติดเชื้อ ไม่ว่าจะเป็นโพรงจมูกอักเสบ หรือไซนัสอักเสบ ซึ่งหากเป็นประการหลังผู้ป่วยจะมีอาการคัดจมูกจนหายใจไม่สะดวก มีเสมหะไหลลงคอ จนถึงมีอาการไข้ปวดศีรษะ และปวดบริเวณที่ไซนัสอักเสบ
- มีอาการของโรคริดสีดวงจมูก ซึ่งจะมีเลือดกำเดาไหลแบบเป็นๆ หายๆ และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศยังเป็นตัวกระตุ้นให้เลือดกำเดาไหลมากหรือน้อยอีกด้วย
- เป็นมะเร็งที่โพรงจมูก มะเร็งที่ไซนัส และมะเร็งที่บริเวณกระโหลกศีรษะ
- ผู้ป่วยที่มักจะรับประทานยาบางประเภทอยู่เป็นประจำ เช่น ยาแก้ปวด ยาแอสไพริน หรือยาละลายลิ่มเลือด ซึ่งยาเหล่านี้มักจะทำให้เลือดไหลง่ายกว่าปกติ
- ผู้ที่มีภาวะขาดวิตามินซี และวิตามินเค เป็นต้น
- ผู้ที่อยู่ในที่ที่มีอากาศที่เย็น แห้งและมีความชื้นต่ำเป็นเวลานาน ซึ่งจะทำให้เยื่อจมูกแห้งและเปราะ
- ผู้ที่ป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง จะพบได้บ่อยๆ ในวัยกลางคนหรือผู้สูงอายุ รวมทั้งครอบครัวที่มีกรรมพันธุ์เป็นโรคความดันโลหิตสูงซึ่งจะมีโอกาสเป็นโรคนี้สูงกว่าคนทั่วไป ซึ่งในกรณีนี้อาจเรียกได้ว่าภาวะกำเดาไหลนั้นเป็นสัญญาณบอกเหตุถึงโรคที่อยู่เบื้องหลังนั่นเอง
- ผู้ที่มีเลือดออกง่าย หรือผู้ที่เป็นโรคเลือดไหลไม่ยอมหยุด ซึ่งแสดงถึงความผิดปกติของเกล็ดเลือด หรือกลไกการแข็งตัวของเลือด จึงทำให้เลือดกำเดาไหลได้ง่าย
ภาวะเลือดกำเดาไหลนั้น ถึงแม้ว่าบางชนิดอาจจะไม่เป็นอันตรายร้ายแรง แต่ก็อาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาได้ แม้จะมีโอกาสเกิดขึ้นน้อยก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นภาวะซีดหรือความดันโลหิตต่ำ และหากพบว่าเลือดไหลออกมาไม่หยุดหรือมีมากกว่าปกติล่ะก็ ต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลเพื่อปรึกษาแพทย์ทันทีเพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัดทันที เพราะไม่แน่ว่าสิ่งที่เราคิดว่าเป็นแค่เรื่องเล็กๆ อาจจะกลายเป็นเรื่องใหญโดยไม่รู้ตัว
ลิขสิทธิ์บทความของ e-magazine.info
ติดตามบทความ สุขภาพ หรืออ่าน แมกกาซีน
ที่มาข้อมูล :
www.e-magazine.info