“น้ำผึ้ง” รับเคืองโดน “ป๊อป อารียา” ติงนุ่งสั้นเล่นโยคะ บอกแค่ทะเลาะกันตามสไตล์ฝรั่งเพราะเป็นคนตรงทั้งคู่ พออารมณ์เย็นลงก็เข้าใจว่าอีกฝ่ายหวังดี ยันไม่มีเกาเหลา แต่รับรู้สึกอายที่พี่สาวดุผ่านสื่อ อยู่ๆ ก็ตกเป็นข่าวเกาเหลากัน สำหรับ “น้ำผึ้ง ณัฐริกา ธรรมปรีดานันท์” กับ “ป๊อป อารียา สิริโสภา” ซึ่งมีฐานะเป็นพี่สาวของ “เป้ ฐิติ ศิริโสดา” แฟนของน้ำผึ้ง กรณีสาวน้ำผึ้งโพสต์รูตนเองใส่กางเกงขาสั้นเล่นโยคะสงอินสตาแกรม จนป๊อปต้องออกโรงเตือนว่า “อย่าโพสต์รูปแบบนี้ รูปมันไม่ดี ติดเรต อยากเป็นข่าวกอสซิปสตาร์หรือ ก่อนจะลงรูปคิดให้ดีๆ” ทำเอาสาวน้ำผึ้งสวนทันควันว่าแฟนๆ ต่างก็ชื่นชอบเข้ามากดไลค์ จนมีการตอบโต้กันไปมา ซึ่งน้ำผึ้งได้ชี้แจงเกี่ยวกับประเด็นนี้ว่า… “จริงๆ น้ำผึ้งเล่นโยคะมา 4 ปีแล้ว คนที่เริ่มสอนก็คือ พี่ป๊อป กับพี่เป้ แฟนน้ำผึ้งเอง เลยรู้สึกว่าที่เป็นข่าว เราไม่อยากให้คนเข้าใจผิด จะบอกว่าพี่ป๊อปเป็นฝรั่ง ซึ่งเราสนิทกันมาอยู่แล้ว แต่เผอิญน้ำผึ้งก็พอกัน พี่ก็อยากสอนน้อง น้องก็แอบนิดนึง แต่ยังไงน้ำผึ้งรู้เป้าหมายที่เขาจะสอน รู้จักเขามานาน เขาเป็นคนจิตใจดี คิดว่าเขาไม่มีเจตนาทำให้น้ำผึ้งเสียใจ แต่ตอนนี้เรายังไม่ได้เจอกันเพราะต่างคนต่างทำงาน ถ้าเจอเมื่อไหร่คงต้องขอถ่ายรูปลงอินสตาแกรมว่ารักกันดี เราถือว่าเราเด็กกว่า เลยเข้าไปฟอลโลว์พี่ป๊อป เข้าไปกดไลค์ให้ เป็นหน้าที่น้องที่ดี”
“ตอนนี้ยุ่งเลยยังไม่ได้เคลียร์กับพี่เขา เพราะถ่ายละครมีงานทุกวัน แต่น้ำผึ้งเชื่อว่ายังไงก็ต่อกันติด ถ้าเรามองในมุมแบบฝรั่งก็คือคุยกันตรงๆ เหมือนจะทะเลาะกันด้วยซ้ำ แต่ไม่มีอะไรเลย เหมือนคนในห้องเรียน มีงอนกันมีดีกัน พี่ป๊อปสอนอะไรดีๆ น้ำผึ้งมาเยอะ เชื่อว่าพี่ป๊อปจะเข้าใจอยู่แล้ว เพราะเราก็เหมือนครอบครัวเดียวกัน น้ำผึ้งเป็นคนชอบสนุก บางทีก็อยากให้คนทางบ้านสนุกด้วย ลงแต่รูปเรียบร้อยไปหมดก็ไม่มีอะไรแตกต่าง”
“แต่ก็ยอมรับว่าวินาทีนั้นเราก็รู้สึกแอบอายนิดนึงเหมือนถูกพี่ดุ แต่ก็เข้าใจ เราก็คุยกันอย่างนี้ พี่ป๊อปเห็นก็เตือนคิดว่าเราจะลบ แต่เราก็แอบดื้อนิดนึง เถียงนิดนึง ไม่มีอะไร แล้วภายในไม่กี่ชั่วโมงเราก็ลบ แต่มันเร็วมากเลย วันรุ่งขึ้นก็เป็นข่าวดังเลย คนก็เลยมาถามกันเยอะเพราะมันเป็นข่าว ใครก็ต้องสงสัยอยากรู้ แต่อย่างที่บอกว่าเดี๋ยวเจอหน้ากันก็จะลงรูปจูบปากกัน”
บอกพอใจเย็นลงก็เล่าให้ “เป้” แฟนหนุ่มฟัง ลั่นตนไม่ใช่นางเอกสาวแสนดี ก็ต้องมีอารมณ์ไม่พอใจบ้าง
“ก็คุยนะคะ เขาก็เข้าใจทั้งคู่เพราะเรากับพี่ป๊อปก็นิสัยคล้ายๆ กัน เพราะเป็นคนตรงๆ ทั้งคู่ พอมันเป็นข่าวน้ำผึ้งก็แก้ไขทันที ขออารมณ์เย็นลงก่อนสัก 10 นาที มองเจตนาว่าเขาเป็นคนดี สอนอะไรที่เป็นประโยชน์กับเรามาตลอด เราเริ่มเปิดใจและเคลียร์ก่อนดีไหม เลยรับผิดชอบด้วยการลบ”
“แต่ตอนนั้นก็ขอนิดนึง เราก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูน อย่างที่บอกว่าน้ำผึ้งก็ไม่ใช่นางเอกแสนดีมาจากไหน บางมุมเราก็มีใจร้อน แต่พอใจเย็นแล้ว น้ำผึ้งก็ออกมารับผิดชอบ แสดงหน้าที่น้องสาวแฟนที่ดีที่สุดที่ทำได้ มองว่าไม่เป็นไร เราเคยรักกัน งอนกันนิดนึง เราก็กลับไปรักกันได้ ยืนยันว่ารักเหมือนเดิมนะคะ”
“ก็ยังมีคนเอารูปพี่ป๊อปเล่นโยคะมาเทียบกับเราว่าเค้าก็ทำเหมือนกัน อย่างที่บอกว่าน้ำผึ้งรู้ว่าพี่ป๊อปรัก ก็เข้าใจว่าเป็นพี่สาว กลัวน้องดูไม่ดี คงเข้าใจว่าน้องจะลบ แต่น้องก็ไม่ลบ ผ่านไปชั่วโมงเดียว ไปทั่วเลย เราก็คงต้องระวังอีกนิดนึง แต่เล่นโยคะก็ต้องเข้าใจว่าเราจะไปใส่ชุดยาวๆ มันก็ร้อน แต่อาจจะดึงเสื้อไม่ให้เห็นมากเกินไป”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงความรักกับหนุ่ม “เป้” เจ้าตัวเผยตอนนี้ฝ่ายชายมุ่งมั่นดูแลคุณแม่ที่กำลังป่วยอยู่ ซึ่งครั้งนี้ทำให้ตนประทับใจและรักแฟนหนุ่มมากยิ่งขึ้น
“ตอนนี้พี่เป้ก็มีหน้าที่ดูแลคุณแม่ เป็นผู้หญิงที่สำคัญที่สุดคนเดียวของพี่เป้ค่ะ เพราะคุณแม่ก็เป็นโรคประจำตัว ท่านเป็นโรคที่น้อยคนจะเป็น อาจเป็นเพราะสภาพแวดล้อมของการทำงานที่อเมริกา ทำให้ประสาทสั่งการควบคุมร่างกายเริ่มน้อยถอยลงไป กล้ามเนื้ออ่อนแรง อาการค่อนข้างทรุด ลุกเดินลำบาก พาคุณแม่ไปเดิน เตรียมอาหาร”
“ไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนกตัญญูกับแม่ขนาดนี้ น้ำผึ้งเลยให้เขาทำหน้าที่ลูกชายให้ดีที่สุด เพราะถ้าเขาทำหน้าที่ดี วันนึงถ้าเขาเป็นของเรา เขาก็ต้องทำหน้าที่แฟนที่ดีที่สุด เห็นแล้วว่าเราก็มีคนดูแลดีอย่างนี้ (อย่างเขาเป็นฝรั่งคบกันมานานเคยมีความคิดใช้ชีวิตอยู่กันก่อนแต่ง?) แค่เจอยังไม่ค่อยได้เจอกันเลย เขาต้องดูแลคุณแม่ นอนกับคุณแม่กลัวคุณแม่ล้ม เลยยังไม่ได้มีแนวคิดจะแต่ง เราก็ยังอายุไม่เยอะ”
“เราก็มีเวลาของเรา ทำหน้าที่ตัวเองให้เต็มที่ก่อน เราเองก็มีภารกิจเยอะ เปิดโครงการสัตว์ป่าอีก เล่นละครก่อน ความหวานการดูกันคงที่เสมอต้นเสมอปลายค่ะ ยิ่งเราเห็นพี่เป้เขารักแม่เขามากเท่าไหร่ เรายิ่งรักเขามากเท่านั้น รู้สึกว่าเขาเป็นคนกตัญญูขนาดนี้ เราจะปล่อยให้เขาไปไหนได้ ไม่ปล่อยแล้วค่ะ ยอมพี่กับคุณแม่เขาอย่างเดียว คนอื่นไม่ยอมนะคะ”
ที่มา: manager.co.th
