Author Topic: “เหลือเฟือ” จูงลูก 2 คน แฉกลับ เมียอารมณ์รุนแรง ซัดมูลนิธิปวีณาฯ ควรไตร่ตรองก่อน  (Read 1495 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


"เหลือเฟือ" พร้อมลูกสาว 2 คน ที่เกิดกับภรรยาคนแรก

<a href="https://www.youtube.com/watch?v=vvDdWFIGjog" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=vvDdWFIGjog</a>

“เหลือเฟือ” จูงลูก 2 คน แฉกลับ เมียอารมณ์รุนแรง ซัดมูลนิธิปวีณาฯ ควรไตร่ตรองก่อน “เหลือเฟือ” จูงลูก 2 คน แฉกลับ เมียอารมณ์รุนแรง ซัดมูลนิธิปวีณาฯ ควรไตร่ตรองก่อน “เหลือเฟือ” จูงลูก 2 คน แฉกลับ เมียอารมณ์รุนแรง ซัดมูลนิธิปวีณาฯ ควรไตร่ตรองก่อน








รถที่โดนภรรยาขี่มอเตอร์ไซค์ชน


น.ส.ตรีทิพยนิภา โนจา พร้อมด้วย ด.ช.มิกซ์ ลูกชาย ในวันที่ออกมาร้องเรียนกับ มูลนิธิ ปวีณา หงสกุล เพื่อเด็กและสตรี

      “เหลือเฟือ” จูงลูก 2 คนที่เกิดกับเมียคนแรก แถลงโต้กลับไม่เคยซ้อม “น.ส.ตรีทิพยนิภา” เมียคนปัจจุบัน ย้ำตนมากกว่าที่เป็นฝ่ายถูกทำร้าย แฉเมียเป็นคนอารมณ์รุนแรง ส่วนที่อีกฝ่ายบอกว่าตนให้เงินใช้วันละ 300 ก็ไม่จริง ยันเลี้ยงดูอย่างดี ก่อนซัดมูลนิธิปวีณาฯควรไตร่ตรองข้อมูลให้ดีก่อน
       
       หลังจากตลกดัง “เหลือเฟือ มกจ๊ก” ได้ออกมาปฏิเสธไปแล้ว กรณีที่เจ้าตัวถูก น.ส.ตรีทิพยนิภา โนจา ภรรยา พร้อมด้วย ด.ช.มิกซ์ อายุ 4 ขวบ ซึ่งเป็นบุตรชาย ออกมาร้องเรียนกับ มูลนิธิ ปวีณา หงสกุล เพื่อเด็กและสตรี พร้อมแฉว่า ถูกตนทำร้ายร่างกายมานานหลายปี โดยตลกดังยืนยันไม่เคยทำร้ายภรรยาเลย มีแต่อีกฝ่ายที่ลงมือทำร้ายตบตีตนมากกว่า กระทั่งมีรายงานว่า อยู่ๆ ทางด้านของ น.ส.ตรีทิพยนิภา ก็เกิดเปลี่ยนใจไม่แจ้งความเอาผิดเหลือเฟือแล้ว โดยบอกว่าจะขอกลับไปคุยกันก่อน ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
       
       ล่าสุดวันนี้(9 กันยายน) เหลือเฟือ มกจ๊ก ได้นัดสื่อมวลชนแถลงข่าวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ขึ้นที่ร้านอาหาร “บ้านเหลือเฟือ” ถนนพระยาสุเรนทร์ ซึ่งเป็นร้านของตนเอง โดยมีลูกสาว 2 คน ที่เกิดกับภรรยาคนแรกที่หย่ากันไป 10 ปี มาร่วมแถลงด้วย ทั้งนี้ตลกดังยืนกรานว่า ไม่เคยซ้อมภรรยา มีแต่ตนที่เป็นฝ่ายโดนทำร้ายมากกว่า แต่ยอมรับว่าตนและภรรยามีปากเสียงกันบ่อยจริง ส่วนมากเป็นเรื่องเงิน ทั้งนี้เจ้าตัวยังได้ซัดไปยังมูลนิธิปวีณาฯ ควรไตร่ตรองข้อมูลก่อนรับเรื่อง เนื่องจากข่าวที่เกิดขึ้นตนได้รับความเสียหายมาก โดยระหว่างแถลงข่าวเหลือเฟือมีน้ำตาคลอดตลอดเวลา ส่วนลูกสาวก็ถึงกับร้องไห้ออกมา
       
       เหลือเฟือ : “ผมก็งงว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะวันก่อนเกิดเหตุเขาก็นั่งอยู่ที่ร้านผม ชาวบ้านที่นี่เขาก็เห็นกันหมด คุณก็นอนอยู่กับผม ตื่นเช้ามาคุณก็บอกว่าจะไปวัด แล้วก็หายไปจนมีข่าวออกมาในตอนเช้า ผมช็อก ตื้อ ลูกจะไปโรงเรียนตอนเช้าไม่รู้มีกระจิตกระใจสอบรึเปล่า ผมห่วง ถ้าคุณบอกเหตุเกิดวันที่ 28 กันยาฯ แต่ 27 วันเกิดน้องมุก(ลูกสาวคนเล็ก) วันที่ 28 ผมพาไปกินข้าว แต่เขาไม่ไป แต่วันเกิดคุณผมจัดให้คุณจะเอาอะไร มันเหมือนมันไม่ยุติธรรมกับลูก ผมบอกว่าอยู่ด้วยกัน คุณรับได้มั้ย ลูกมี 3 คน คุณต้องรักให้เท่ากัน ยังไงผมอยากให้หยุดข่าวเสียๆ ถ้ามีอะไรให้ถามผมด้วยครับ”
       
       “ยืนยันว่าไม่ได้ทำร้ายร่างกาย ผมเป็นผู้ชายก็ต้องเป็นฝ่ายรับ และผลักออกอย่างเดียว ไม่เคยทำร้าย นอกจากผมผลักออกแล้วคุณล้มเอง แต่เลือดอาบฟกช้ำผมไม่เคยเห็น ไม่รู้เรื่องด้วย ผมถึงตั้งประเด็นว่าถ้าเหตุเกิดวันที่ 28 กันยาฯ มันไม่ใช่ มันไม่ได้หายเร็วขนาดนั้น แต่หน้าเขาวันไปร้องเรียนไม่เห็นมีรอยอะไรเลย มีแต่รอยที่ตรงนี้ครับ(ชี้ให้ดูแผลตัวเอง) น่าจะเป็นรอยข่วนตอนที่ผมผลักเขาออก ที่มาพูดผมไม่ได้มาการประจาน ไม่ได้มาต่อสู้อะไร แต่อยากให้เรื่องจบๆ เพราะครอบครัวผมอยากตั้งหน้าตั้งตาทำงาน เพราะลูกผมก็กำลังใช้เงิน กำลังเรียน ยืนยันว่าแผลเขาที่ปรากฏเป็นข่าวผมไม่ได้ทำครับ”
       
       ลูกสาวคนเล็กบอก… “น้าไก่(ชื่อเล่นภรรยาเหลือเฟือ)ตกบันได”
       
       ลูกสาวคนโต : “ก็เห็นทะเลาะกัน แต่ส่วนมากพ่อจะเป็นฝ่ายรองรับอารมณ์อย่างเดียว พ่อจะห้าม น้าไก่ก็จะด่าอย่างเดียว”
       
       เหลือเฟือ : “เขาเป็นคนอารมณ์รุนแรง ผมนั่งคุยงานอยู่ในห้อง เขาถามจะกลับบ้านมั้ย แล้วก็ขี่มอเตอร์ไซค์ชนตูดรถผม ทุกวันนี้ยังไม่ได้ซ้อมเลย โทรศัพท์ผมเขาเขวี้ยงแตก ผมไม่ได้ถามว่าเขาต้องการอะไร แต่คุณก็บอกมาสิ อยู่ด้วยกัน ให้ได้ไม่ได้มันต้องมีเหตุผล ถ้าผมปล่อยให้คุณไปอยู่ในสลัม เลี้ยงลูกตามลำพังถ้าเป็นอย่างนั้นเอาผมตายได้เลย แต่นี่คุณก็มีบ้านอยู่ รถก็มี สังคมประณามผมเยอะ (น้ำตาคลอเสียงสั่น) ชื่อเสียงที่ผมสร้างมามันจบแค่นี้ มันจะเป็นความทรงจำที่ผมจำไว้มากๆ มันกระทบถึงงาน”
       
       “แต่ขอให้ผู้สื่อข่าวช่วยออกให้ด้วยว่า งานที่ผมจัดแข่งกอล์ฟ หาเงินไปช่วยเสื้อพวกเสื้อผ้าไปให้เด็กๆ ที่ขอนแก่น วันที่ 18 นี้ จัดที่กรุงเทพ วันที่ 3 จัดที่ขอนแก่น ผมยังไม่ยกเลิกนะครับ พี่น้องคนที่อยู่ข้างๆ ยังจะไปช่วยเหมือนเดิม บางคนเห็นผมมีข่าวคิดว่าผมยกเลิก แต่การันตีไม่ยกเลิกครับ”
       
       “ทุกคนที่รู้จักไก่ รู้อารมณ์เขา ทุกคนก็จะเข้าใจไม่มีใครถาม แต่ผมขอให้คุณหยุดเถอะ มีสตินิดนึง มาคุยกับผม แล้วลูกผมสองคนนี้ ผมไม่อยากให้ลูกเสียสุขภาพจิต แม่ด้วย พ่อด้วย พ่อผมก็ไม่สบาย (ถึงตอนนี้ลูกสาวคนเล็กถึงกับร้องไห้ออกมา) ผมห่วงพ่อผม ผมห่วงทุกคนที่ผมดูแลอยู่ ผมถึงบอกว่าผมเจ็บไม่ได้ ป่วยไม่ได้ ต่อไปเกิดไม่มีใครจ้างผม แล้วผมจะทำอะไรกินล่ะครับ”
       
       “แต่ผมก็ไม่ท้อนะ แต่ผมไม่อาย จะให้ผมแบกเหล็ก ให้ผมขายของเก่า ผมทำมาแล้ว แล้วร้านอาหารนี้ที่ผมเปิดไว้ก็ยังไม่สมบูรณ์ ผมกะให้คุณมาดูแล คุณมากลับมาทะเลาะกับเด็กในร้าน คุณไม่ตัวเป็นนายเขา เวลามาก็บอกปวดท้องบ้างจะกลับบ้าง ผมไม่เข้าใจ ทุกวันนี้ผมสู้เพื่อครอบครัวนะครับ”
       
       “ส่วนข่าวที่บอกว่าผมให้เงินภรรยาใช้วันละ 200-300 บาท ไม่น่าใช่ เพราะกระเป๋าสตางค์ผมวางไว้เลย แต่เขาจะหยิบใช้เลยครับ ถ้าเกิดผมวางไว้ 5 พัน คุณใช้หมดเลย ผมก็ต้องถาม แต่ให้ 300 คงไม่ใช่ครับ ผัวเมียมันก็เหมือนกระเป๋าเดียวกัน ผมขอเถอะอย่าทำเหมือนตัวเองแย่มาก อุ้มลูกไม่หาคนนั้นคนนี้ พอเขาไม่สนใจคุณเล่นของสูงเลยเข้าไปหาปวีณา”
       
       เผยถ้าจะกลับมาเป็นครอบครัวเหมือนเดิมก็ได้ตนไม่ได้ว่าอะไร เพราะภรรยาทำตัวแบบนี้จนชินแล้ว
       
       “เขาทำจนผมชินแล้ว ถ้าเขากลับมาก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะผมก็เลี้ยงลูกอยู่แล้ว ทุกครั้งที่ปิดเทอมทำไมเขาต้องหาเรื่องที่จะไปโน้นไปนี่ หอบลูกไปหาคนโน้นคนนี้ผมไม่เข้าใจ ผมเอาลูกไปเรียน ไปจ่ายค่าเทอม คุณไปถอนเอาค่าเทอมออกมา พาลูกหนีไปเรียนเชียงใหม่อยู่ช่วงนึง เรียนได้พักนึงเงินคนหมด หอบลูกกลับมา มาบอกว่าเป็นหนี้ด้วย”
       
       “ถามว่าจะกลับมาคืนดีมั้ย สำหรับผม ผมใจกว้างพอ เพราะผมไม่อยากให้ลูกๆ มีผมด้อย เพราะอย่างสองคนนี้ก็หนักพอสมควรแล้ว ผมเคยเลิกกับภรรยาคนเก่ามา 10 ปี ก็คือแม่ของลูกสองคนนี้แหละครับ ทำหน้าที่เป็นพ่อเป็นแม่ วันแม่ถ้าเขาห้ามไม่ให้ใส่กางเกง ผมก็พร้อมจะใส่ผ้าถุงขึ้นไปให้ลูกกราบ ลูกคือดวงตาผม ผมเคยคิดอยากฝากผีฝากไข้เขา (เมีย) ถ้าผมป่วยเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตคุณปาดคอผมเหมือนอย่างที่ข่าวลงแน่นอน”
       
       “ผมโทร.หาเขาวันที่มีข่าวออกมา แล้วถามว่านี่มันอะไร เขาก็ตอบว่าแล้วเป็นไง ทำไม เขาบอกฉันก็ทำได้เหมือนกัน พี่ท้าหนูไม่ใช่เหรอ โอ้โห ผมไม่ได้ท้า แต่เขาบอกจะไปแจ้งความ ผมก็บอกจะไปแจ้งทำไม เขาก็บอกทำไมจะไปแจ้ง ผมก็เลยบอกให้ไปๆ ผมพูดอะไรไม่ได้ต้องรอฟังรับข้อกล่าวหา จนกลายเป็นสังคมมองผมยังไง ผมไม่อยากออกมาเพราะเดี๋ยวจะหาว่าผมประจานผู้หญิง พอแล้ว หยุดเถอะ หยุดทำเรื่องที่มันไม่ดี ถ้าคุณจะเขามากินข้าวกินน้ำ จะมานอนที่บ้านผม หรือจะมาอยู่เลย ยังไงคุณก็เข้ามาคุย”
       
       “ถึงตอนนี้คุณจะถอนแจ้งความไปแล้ว แต่ผมต้องออกมาพูดเพราะผมเป็นนักแสดง เป็นศิลปิน ถ้าผมไม่อกมาพูด ทุกค่ายทุกสื่อคงมองผมว่าอย่าไปจ้างมันเลยไอ้เหลือ ผมรู้สึกแย่ ส่วนท่านปวีณานะครับ ผมเห็นผลงานท่าน ท่านทำดีมาตลอด ท่านคุ้มครองเด็กและสตรี นี่คือเด็กและสตรี(หันไปที่ลูกสาวทั้งสอง)คุ้มครองลูกผมด้วยครับ”
       
       พร้อมกันนี้ตลกดังยังได้เผยด้วยว่า ภรรยาเป็นคนติดเฟซบุ๊กมาก และชอบโพสต์ให้คนสงสาร ที่ทำคัญทำเหมือนตัวเองยังโสด จนทำให้ตนชอบเพลง “วันทองไอที” ขึ้นมา
       
       “เขาเป็นแฟนคลับของเฟซบุ๊กเลย ถ้าเข้าไปดูเฟซบุ๊กของผมกับเขาต่างกันนะครับ เขาโพสต์เหมือนคนโสดเลย วันนี้เหงาจังเลย อิอิ ใครโสดมั่งขอเสียง ผมถึงชอบเพลงนี้เลยไง วันทองไอที ที่เนื้อบอกว่า ให้เมียอยู่บ้าน ผัวไปทำงานหาเลี้ยงครอบครัว ผมไม่ชอบแม่คุณทูนหัว ถ้าลับตาผัวอาจคิดนอกใจ ผมถึงบอกเขาว่าอย่าเสพเฟซบุ๊กมากเลย บางทีผมเห็นแล้วเขาเล่นไม่เป็นเวล่ำเวลา”
       
       “บางทีเพื่อนผมโทร.มาบอก เฮ้ย ไก่มันลงเฟซบุ๊กอีกแล้ว ถ่ายรูปมาม่าลงเฟซบุ๊ก ทั้งที่ผมซื้อกับข้ามมาเต็มโต๊ะ ให้คนอื่นเข้าใจว่าวันนี้พาลูกกินมาม่า กินไข่ต้ม แล้วข้ามที่ซื้อมาทำไมไม่กิน ผมไม่รู้ว่าจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับตัวผม แต่ผมแค่ออกมาแถลงยืนยันแค่นี้แหละครับว่า ผมบริสุทธิ์ ผมเป็นหัวหน้าครอบครัวพอ อย่างที่บอกผมอดได้ ครอบครัวผมอดไม่ได้ ผมยืนยันว่าผมรักลูก รักพ่อแม่ รักครอบครับ ต่อให้คุณตีผมให้ตายผมก็ไม่ไปฟ้องใครหรอก ที่ผมออกมาชี้แจงเพราะผมเป็น เหลือเฟือ มกจ๊ก ด้วย ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นสังคมมองผมไม่ดี”
       
       “แต่ว่าหลังจากนี้ไปก็ให้ท่านพิจารณาตัวผมก็แล้วกันนะครับ ผมไม่อยากชี้ว่าตัวเองเป็นคนถูก ที่ผมออกมาพูดเพราะกลัวเวลาลูกไปโรงเรียน ผมกลัวเพื่อนเขาถาม พ่อเธอเป็นแบบนี้เหรอ ผมไม่อยากให้ลูกโดนแบบนั้น ก็เลยต้องออกมาปกป้องลูกว่าลูกผมบริสุทธิ์ ส่วนสังคมจะมองผมยังไงก็แล้วแต่ครับ”

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)