Author Topic: เปิด วิชั่น 'หยางชู' พา หัวเว่ย ผงาด ตลาดภูมิภาค  (Read 1006 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


หยาง ชู เผยยุทธศาสตร์ของหัวเว่ย

เปิดยุทธศาสตร์ 'หยาง ชู' พาหัวเว่ยเป็นผู้นำในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งเป้ารักษาการเติบโต 10% หลังครองใจผู้ให้บริการโครงข่าย เตรียมตะลุยสร้างแบรนด์เจาะใจผู้บริโภคด้านสมาร์ทดีไวซ์ ลั่นพร้อมให้บริการและสนับสนุนโอเปอเรเตอร์ไทย วางโครงข่าย 3G ทุกรูปแบบ
       
       นายหยาง ชู (Yang Shu) ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ครอบคลุมไทย, กัมพูชา, ลาว, พม่า, เวียดนาม, ฟิลิปปินส์, ฮ่องกง, มาเก๊าไต้หวัน และศรีลังกา) บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี (ประเทศไทย) กล่าวถึงกลยุทธ์ในการทำตลาดแต่ละประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ว่า ต้องมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสภาพตลาดในแต่ละประเทศ อย่างเช่นในฮ่องกงที่มีการแข่งขันสูง ผู้บริโภคนิยมใช้งานดาต้าก็ต้องมุ่งเน้นให้บริการไปในทิศทางนั้น รวมถึงประเทศไทยที่อยู่ในช่วงที่การใช้งานดาต้ากำลังเติบโตด้วย หรืออย่างในฟิลิปปินส์ยังนิยมการใช้บริการ SMS กันอยู่ก็ต้องปรับแนวทางให้เหมาะสม
       
       โดยเป้าหมายของหัวเว่ยในปีหน้าคือการรักษาอัตราการเติบโตที่ 10% อย่างต่อเนื่องรวมถึงให้ความสำคัญกับกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภคอย่างสมาร์ทโฟนมากขึ้น เพราะถือว่าบริการ 3G จะเป็นแรงผลักดันที่ดีสำหรับในประเทศไทย ซึ่งหัวเว่ยต้องพยายามสร้างแบรนด์ให้ผู้บริโภคเชื่อมั่นมากขึ้น
       
       'แบรนด์หัวเว่ยเป็นที่รู้จักกันในกลุ่มผู้ให้บริการโทรคมนาคม แต่ยังไม่ใช่แบรนด์ที่คุ้นหูสำหรับผู้บริโภค ซึ่งถือเป็นโจทย์ที่ยากพอสมควร บางทีแม้แต่ผู้ให้บริการโทรคมนาคมก็ยังไม่คุ้นเคยกับผลิตภัณฑ์ประเภทดีไวซ์ ของหัวเว่ย ในตอนนี้จึงเลือกมุ่งเน้นให้เกิดความคุ้นเคยตรงนี้ก่อน'
       
       ปัจจุบันหัวเว่ยถือเป็นผู้นำในตลาดภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยส่วนแบ่งกว่า 45% โดยมีเป้าหมายต้องการที่จะรักษาตำแหน่งความเป็นผู้นำไว้ กลยุทธ์ที่ใช้คือการเข้าไปประสานงานอย่างใกล้ชิดกับผู้ให้บริการโทรคมนาคมทุกราย ควบคู่ไปกับการสร้างแบรนด์ให้ผู้บริโภครับรู้อย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น ทั้งหมดนี้จะช่วยให้สามารถทำตามเป้าหมายสูงสุดของบริษัทคือสร้างสรรค์คุณภาพ ชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ด้วยเทคโนโลยีการสื่อสาร
       
       ปีที่ผ่านมาภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทำรายได้รวมให้กับหัวเว่ยราว 1.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 4.95 หมื่นล้านบาท) เติบโตจากปีที่ผ่านมา 6% โดยเป็นรายได้จากสินค้าด้านคอนซูเมอร์ราว 300 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งคาดว่ารายได้ในส่วนนี้น่าจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น เพราะผู้บริโภคจำนวนมากกำลังเตรียมตัวที่จะเปลี่ยนจากฟีเจอร์โฟนเป็นสมาร์ทโฟน ให้รองรับการใช้งาน 3G และเพื่อเตรียมความพร้อมรับการลงทุนของผู้ให้บริการเครือข่ายหลังการประมูล 3G แล้วเสร็จทางหัวเว่ยต้องมีการเพิ่มทีมงานที่จะเข้ามาช่วยประสานงาน รวมถึงปริมาณคนที่จะเข้าไปติดตั้งอุปกรณ์ในแต่ละพื้นที่ด้วย
       
       นายหยาง ชู กล่าวว่า สำหรับประเทศไทยหลังการเปิดประมูลไลเซนส์ 3G ความถี่ 2.1 GHz ของกสทช.จะทำให้ผู้บริโภคสามารถใช้บริการได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยภาพรวมผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือในไทยถือว่ามีความพร้อมสูงใน การวางระบบ 3G และโครงสร้างเครือข่ายในประเทศไทยก็มีความพร้อมอยู่ในระดับหนึ่งแล้ว
       
       ขณะเดียวกันหัวเว่ยก็มีประสบการณ์วางระบบ เครือข่ายในหลายประเทศ และยินดีที่จะสนับสนุนผู้ให้บริการทุกราย ซึ่งการที่ไทยเริ่มพัฒนา 3G ในเวลานี้ถือเป็นจุดที่ดี เพราะเทคโนโลยีได้รับการพิสูจน์มาแล้ว และผู้บริโภคมีอุปกรณ์ที่พร้อมใช้งานทันที โดยเชื่อว่าการให้บริการจะครอบคลุมทั่วประเทศได้เร็วกว่า 5 ปี
       
       'เมื่อมี 3G ตลาดประเทศไทยจะถูกยกศักยภาพขึ้นไปอยู่ในระดับเดียวกับฮ่องกง และฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการพัฒนาสูงสุดในภูมิภาคนี้'
       
       ทั้งนี้หัวเว่ยพร้อมที่จะเข้าไปสนับสนุนผู้ให้บริการเครือข่ายรายหลักทั้ง 3 รายในการวางโครงข่ายการสื่อสาร เพราะปัจจุบันก็ได้เข้าไปให้บริการอุปกรณ์และโซลูชันอยู่แล้ว จึงมั่นใจว่าจะพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น และมั่นใจว่าจะสามารถส่งอุปกรณ์เข้ามาได้ในระยะเวลาอันสั้น
       
       'ตลาดในเมืองไทยถือว่ามีการแข่งขันกันสูง จึงเป็นไปไม่ได้ที่หัวเว่ยจะครองส่วนแบ่งตลาดทั้งหมด แต่ลูกค้าของหัวเว่ยมั่นใจได้ว่าจะไม่มีการเกิดเหตุการณ์ข้อมูลรั่วไหล เพราะมีทีมงานที่แยกกันแต่ละทีมเพื่อเข้าไปให้บริการแต่ละโอเปอเรเตอร์อย่างชัดเจน'
       
       ด้านนายเฉิน รุ่ย กรรมการผู้จัดการ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) กล่าวเสริมว่า ปีหน้าถือเป็นปีที่สำคัญมากสำหรับอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทย เพราะมีหลายโครงการที่มีกำหนดจะเริ่มต้น ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งโครงข่ายหลังการประมูล 3G รวมทั้งโครงการขยาย 3G เฟส 2 ของทีโอที
       
       'หัวเว่ยพร้อมที่จะเข้าไปร่วมงานกับทุกเครือข่าย แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของฝ่ายผู้ให้บริการ ซึ่งจุดเด่นของหัวเว่ยคือการที่ปัจจุบันประชากร 1 ใน 3 ของโลกใช้อุปกรณ์ในการบริการด้านโทรคมนาคมของหัวเว่ย'
       
       Company Related Link :
       Huawei

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)