“ไมเคิล” แฟน “ตาล กัญญา” โผล่ปฏิเสธทำธุรกิจแชร์ลูกโซ่ กร้าวหากทำจริงบริษัทคงอยู่ไม่ได้นานถึง 9 ปี ย้ำทำงานโปร่งใส ท้าตรวจสอบได้ ยันถูกใส่ร้ายจากสมาชิกที่ทำธุรกิจคู่แข่ง เพราะอีกฝ่ายเห็นว่าองค์กรของตนทำแล้วรายได้เยอะกว่า ป้องตาลไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น ปัดซื้อรถเฟอร์รารีให้ตาล แค่ให้ยืมขับ ยังคงเป็นประเด็นที่หลายคนให้ความสนใจ สำหรับกรณีที่มีการแฉในโลกไซเบอร์ว่า “ไมเคิล ซาเฟล” นักธุรกิจขายตรงบริษัท บีฮิบ จำกัด แฟนของดาราสาว “ตาล กัญญา รัตนเพชร์” อาจเข้าข่ายการฉ้อโกงแบบแชร์ลูกโซ่ โดยการกล่อมให้คนอื่นเข้าร่วมทำธุรกิจด้วย แต่หลายคนกลับต้องสูญเสียเงินหลายแสนจากการเข้าร่วมธุรกิจ ร้อนถึงสาวตาลต้องออกมาแถลงข่าว ไม่รู้ไม่เห็นเกี่ยวกับการทำธุรกิจของแฟน
ล่าสุด บริษัท บีฮิบ ของแฟน “ตาล กัญญา” ยังได้ทุ่มเงินซื้อโฆษณาลงเว็บไซต์ดังๆ หลายแห่ง เพื่อเผยแพร่คลิปสัมภาษณ์ของ “พ.ต.ท.ดร.นิติพัฒน์ วุฒิบุณยสิทธิ์” พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ได้การันตีว่าบริษัทบีฮิบไม่ได้โกง และได้จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย กระทั่งทีมข่าวซูเปอร์บันเทิง Exclusive ได้ติดต่อขอสัมภาษณ์ พ.ต.ท.ดร.นิติพัฒน์ ต่อกรณีดังกล่าว จึงได้รับคำตอบว่า ตนไม่ได้การันตีให้แก่บริษัท บีฮิบ อย่างแน่นอน แต่เป็นการให้สัมภาษณ์เพื่อให้ความรู้ด้านธุรกิจขายตรงแก่ประชาชนเพื่อไม่ให้โดนหลอก ไม่คิดว่าจะเอาไปลงเป็นโฆษณา ทั้งยังได้เรียกร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องถอดคลิปดังกล่าวเป็นการด่วน ซึ่งภายหลังได้มีการแก้ไขคลิปดังกล่าวแล้ว
นับตั้งแต่มีข่าวออกมา ทางด้านของหนุ่ม “ไมเคิล ซาเฟล” ก็หายเข้ากลีบเมฆ ไม่ออกมาเคลียร์ใดๆ ล่าสุด อยู่ๆ เมื่อวันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา เจ้าตัวได้นัดสื่อมวลชนแถลงข่าวเปิดใจถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยยืนยันว่า เป็นการโดนใส่ร้ายจากคู่แข่ง
“ผมรู้สึกได้โอกาสมาตอบคำถามทั้งหมด จากที่มีข่าวมาก็รู้สึกพอใจมาก และหวังว่าต่อจากนี้จะเคลียร์ทุกมุม กับข่าวที่ออกมา ผมไม่ได้รู้สึกอะไรเพราะรู้ข้อเท็จจริงว่าทำอะไรอยู่ ผมรู้สึกเสียใจกับลูกทีมที่ต้องมาแก้ปัญหาที่ไม่เป็นความจริง ธุรกิจของผมไม่ได้เป็นแบบนั้น ถ้าเป็นธุรกิจลูกโซ่ก็ไม่มีทางทำได้ถึง 9 ปี แล้วบีฮิบทำมาในไทยกว่าปีครึ่งเป็นไปไม่ได้ วิธีการทำงานของเรามีสินค้า มีขายของ มีผู้บริโภคที่ใช้ และพอใจ ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องลูกโซ่อะไรทั้งสิ้น”
“กับกระแสในเน็ตมีกระแสว่าหลอกลวงโกงเงิน ผมว่ามันก็ต้องมีธุรกิจคู่แข่งที่ไม่เห็นด้วยกับที่เราทำ แต่แค่ผมรู้สึกว่าอะไรที่ไม่เป็นความจริง ไม่ต้องพูดมาก เพราะคนอยู่รอบข้างรู้จักเรา ก็รู้ความจริงเราเป็นคนแบบไหน ในอินเทอร์เน็ตมีเฟซบุ๊กอ้างว่าเป็นผมลงข้อความไม่ดี ทำเว็บไซต์โจมตีสิ่งที่เราทำ อะไรก็ตามผมรู้สึกว่าถ้าไม่ใช่ความจริงจะออกมาตอบโต้ทำไม ตอบโต้ยังไงก็มีคนใส่ร้ายอยู่ดี สู้ให้ความจริงพิสูจน์ว่าอะไรเป็นยังไงดีกว่า”
“สาเหตุที่ออกมาแถลงข่าว ตัวผมไม่ได้รู้สึกอยากร้องไห้กับข่าว ไม่ได้เครียด แต่ตอนพูดถึงลูกทีมแล้วน้ำตาไหล เพราะสิ่งที่ประทับใจ และทำงานอยู่ทุกวันนี้ มีรายได้เพียงพอจะอยู่ได้สบาย แต่ที่ทุ่มเทเพราะลูกทีมเขาสุดยอดที่สุดแล้ว เพราะบางคนอดีตติดคุก นอนข้างถนน อยู่สลัม เขาเข้ามาก็เปลี่ยนชีวิต เดินมาหาผมแล้วบอกว่าผมเปลี่ยนชีวิตเขาขนาดไหน”
“เขาบอกไม่มีใครทำร้ายผมได้ ถ้ามีพวกเขาอยู่ข้างๆ ผมได้ยินไม่ใช่แค่ดีใจ แต่คุ้มกับการต่อสู้กับสิ่งที่มีอยู่ ยืนยันว่า ธุรกิจเราโปร่งใสถูกต้องแน่นอน ตรวจสอบได้อยู่แล้ว เรามี อย. สคบ. ก็มีตามกฎหมาย ลูกทีมมีเป็นหมื่นคน ทำมาจะ 10 ปีแล้ว ถ้าผิดกฎหมายไม่มีโอกาสมาเจอทุกท่านวันนี้ ต้องมีหลักฐานแล้ว ไม่ใช่แค่พิมพ์”
ยันแฟนสาว “ตาล” ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และรับรู้ในการทำธุรกิจของตน บอกโตๆ กันแล้ว แยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว ส่วนกับ “ตัน ภาสกรนที” ก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในธุรกิจของตนเหมือนกัน แค่เชิญมาบรรยายในฐานะที่เป็นคนเก่งเฉยๆ
“โตๆ กันแล้วครับ เรื่องส่วนตัวและงานไม่เกี่ยวกัน ตาลก็ออกมาพูดเรื่องนี้แล้วว่าไม่เกี่ยว ไม่ได้ยุ่งงานผม และผมก็ไม่ได้ยุ่งว่าเขารับละครที่ไหนเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ถามว่าเขารู้ว่าทำธุรกิจนี้ไหม ก็รู้ เขาไม่เกี่ยวข้อง เราคบเป็นเพื่อนกันดูๆ กันอยู่ครับ ผมเชื่อว่าตาลรู้จักผมดี ความจริงคืออะไร”
“เรื่องซื้อรถรถเฟอร์รารีให้ตาล ผมไม่ได้ซื้อรถให้ตาลนะครับ ผมซื้อมา 2 ปีครึ่งแล้วไปทำสีอื่น แล้วรถของตาลมีปัญหาเรื่องเครื่องยนต์ เขาก็ยืมรถผมปกติ เขาจะไปถ่ายละครแล้วให้ผมไปรับ ผมไปไม่ทัน ก็บอกให้เขาขับไปเอง ผมอยู่ออฟฟิศอยู่แล้ว ไม่ได้ใช้รถ ไม่ได้มีอะไรเลยครับ”
“มีบางคนถามเรื่องที่คนบอกในเว็บว่า ผมพูดไม่ดีกับผู้หญิง เชื่อไหมว่าเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ผมโกรธ รับไม่ได้ที่สุด คือ เขาเล่นประเด็นนี้มันไม่ใช่ลูกผู้ชาย ถ้าผมทำผิดจริง ผมเป็นลูกผู้ชายพอที่จะรับ แต่มันไม่ใช่ ทำไมคนใส่ร้ายขนาดนั้น รู้ว่าทำธุรกิจต้องมีคู่แข่ง แต่ตลาดเดียวกันจะทำร้ายกันทำไม มีคนไม่ชอบธุรกิจแบบนี้เยอะอยู่แล้ว แต่จะมานั่งทำร้ายกันทำไม เพื่อ”
“แต่ผมชื่อว่าคู่แข่งผมไม่ได้ทำ แต่คนที่ทำคือเมมเบอร์บางคน ที่ทำธุรกิจคู่แข่งมานานมากๆ แต่มาเห็นคนในองค์กรของผมทำแล้วรายได้อาจจะเยอะ แล้วเขารู้สึกว่าทำไมแซงเขา ทั้งที่ทำมานานอะไรแบบนี้ แทนที่จะมานั่งใส่ร้ายกัน พูดเรื่องข้อดีของธุรกิจตัวเองสิ ที่ผมทำมีข้อดีที่ภูมิใจคือ มีลูกที่ธรรมดา ไม่ใช่คนเรียนจบสูงนามสกุลใหญ่ แล้วรายได้หลักแสนที่เราแนะนำ”
“ส่วนกับคุณตัน ก็เหมือนกันที่มาเกี่ยวข้อง หาว่าผมมาแอบอ้างในธุรกิจ เขาเป็นคนเก่ง มาพูดในงานของผม เป็นคนประสบความสำเร็จในชีวิต มาร่วมงานแล้วขึ้นเวทีสอนชีวิตของเขา ไม่เกี่ยวอะไรกับธุรกิจเราครับ”
ที่มา: dailynews.co.th