อธิบดีกรมสรรพากร เผยสอบพบดาราเลี่ยงภาษีอีกเพียบ เตรียมดำเนินการตามกฎหมาย แต่ไม่เอาเข้าคุก ส่วนคำถามที่ว่า ดาราที่เปิดบริษัทและยื่นเสียภาษีในนามบริษัทเพื่อให้เสียน้อยลง อย่างกรณี “พลอย” ที่เปิด 4 บริษัท เป็นการเลี่ยงภาษีหรือไม่? เจ้าตัวปัดเจาะจงกรณีของพลอย แต่บอกได้เสนอแก้กฎหมายไปแล้วว่าทำไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง จากกรณีที่นางเอก “พลอย เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์” ทะเลาะกับบริษัทออแกไนซ์ จนถูกคู่กรณีออกแฉว่า นางเอกสาวได้นำบัตรประชาชนคนอื่นมารับเช็คเงิน ที่สั่งจ่ายในชื่อของ “ไลลา บุญยศักดิ์” ทำให้บริษัทต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย สาวพลอยแค่ 3% เพราะเห็นว่า บัตรประชาชนเป็นของบุคคลทั่วไป ซึ่งจริงๆ แล้วตามกฎหมาย นักแสดงสาธารณะจะต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 5% ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ มากมาย ว่า สมควรหรือไม่
กระทั่งการโพสต์ข้อความวิพากษ์วิจารณ์พลอยอย่างกว้างขวางในอินเตอร์เน็ต เป็นเหตุให้ก่อนหน้านี้ทางพลอยต้องออกมาแถลงข่าวขอโทษที่ใช้คำพูดรุนแรง ส่วนเรื่องภาษีอ้างเป็นความผิดพลาดของฝ่ายบัญชีที่หยิบบัตรประชาชนผิด ทำให้หักภาษีผิดคน ก่อนที่เจ้าตัวจะมาโดนเปิดโปงต่อว่า ที่แท้เจ้าของบัตรประชาชนเป็นพ่อของคนขับรถพลอย และนางเอกสาวได้ขอยืมมาเพื่อใช้ในการรับค่าตัว เรื่องการหยิบบัตรประชาชนผิดจึงเป็นข้อสงสัยว่าเป็นแค่ข้ออ้างหรือเปล่า
ประเด็นดังกล่าวได้กลายเป็นกระแสของสังคม ส่งผลให้ล่าสุด “ดร.สาธิต รังคสิริ” อธิบดีกรมสรรพากร ได้เชิญศิลปินดารา นักแสดง นักร้องและผู้จัดการส่วนตัวของศิลปินฯ มาร่วมรับฟังการสัมมนาเรื่อง “การเสียภาษีอากรของนักแสดงสาธารณะ” ที่อาคารกรมสรรพากร ซอยพหลโยธิน 7 ซึ่งในครั้งนี้ได้มีคนดังในวงการบันเทิงเดินทางมาร่วมงานมากมาย รวมถึงสาวพลอยด้วย โดยอธิบดีกรมสรรพากรได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้นว่า…
“ขอเรียนว่ากรมสรรพากรไม่มีสิทธิ์เอาแต่ละท่านมาวิจารณ์ตามมาตราสิทธิ์ครับ แต่จะเรียนให้ทราบว่าเมื่อมีความสงสัยของสังคม สรรพากรก็ให้ดูทั้งระบบ ว่าดารานักแสดง โดยเฉพาะที่มีชื่อเสียงพิเศษนะครับ เพราะถ้าเป็นดาราธรรมดาที่รายได้ไม่มากนัก เมื่อยื่นแบบสิ้นปีก็เป็นศูนย์ ก็ไม่มีประโยชน์อะไร”
“ดารานักแสดงเมื่อมีเงินได้ก็ต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 5 อย่างไรก็ดี ต้องนำเงินได้ที่ได้รับมาคำนวณภาษีเงินได้ประจำปีเมื่อสิ้นปีด้วยและสามารถนำภาษี ที่ถูกหักไว้มาเครดิตออกจากภาษีที่ต้องเสียปลายปีได้”
“แต่ดาราที่มีรายได้หลักๆ ที่เราก็รู้อยู่ว่ามีมาก เมื่อเทียบแบบรายปีแล้วว่ามีการยื่นแบบหรือไม่ หักภาษี ถูกบุคคล ถูกอัตราหรือไม่ เมื่อติดตามเรียบร้อยแล้ว เขาจะส่งข้อมูลทั้งระบบไปยังสรรพากรพื้นที่ที่มีอยู่ทั่วประเทศในการติดตามเก็บให้ครบถ้วนต่อไป ซึ่งถ้าระบบไอที สมบูรณ์และดีพอ ทั้งหมดก็จะเข้าเครื่องสมบูรณ์ทุกรายอยู่แล้ว แต่ถ้าระบบไม่เพียงพออย่างวันนี้ เราก็จะมีการสุ่มตรวจสอบ แต่หากมีข้อสงสัยอย่างกรณีพลอย ก็ต้องตรวจสอบทั้งหมด”
ส่วนการมอบหมายให้ผู้อื่นทำแทน เช่น ให้ผู้จัดการส่วนตัวทำแทน อธิบดีกรมสรรพากรแจงถ้าทำถูกต้องก็ไม่เป็นความผิด พร้อมให้ความรู้ในเรื่องนี้ว่า ผู้ประกอบอาชีพที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการทางภาษีให้นักแสดง นักร้อง ดารา และกลุ่มที่อยู่ในนักแสดงสาธารณะ จะต้องทำให้ถูกต้อง เพราะหากมีการตรวจสอบพบว่า ผู้ประกอบการดังกล่าว หรือผู้จัดการดาราคนนั้นๆ ทำให้ไม่ถูกต้องในนักแสดงรายหนึ่ง ก็จะมีผลขยายไปยังคนอื่นที่เป็นลูกค้าเช่นเดียวกัน
“ถ้าหากถูกต้องก็ไม่ผิดนะครับ ซึ่งเราได้โยงไปถึงว่าผู้จ่ายเงินทำถูกต้องหรือไม่ หากไม่ถูกต้อง มีการเอามาเป็นรายจ่ายหรือเปล่า เพราะถ้าไม่ถูก ก็เป็นรายจ่ายไม่ได้ และผมได้สั่งการไปให้ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณีของสำนักงานบัญชี หรือผู้จัดการส่วนตัวที่ทำให้ด้วยว่า หากลูกค้าของเขามีลักษณะชัดเจนว่าทำไม่ถูกต้อง ลูกค้าคนอื่นก็น่าจะมีลักษณะเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นลูกค้าของสำนักงานบัญชีนั้น หรือผู้จัดการส่วนตัวคนนั้นอาจจะโดนเพ่งเล็ง และโดนขยายผลการตรวจสอบไปด้วย”
เผยจากการตรวจสอบพบมีดาราเลี่ยงภาษีอีกเพียบ แต่เปิดเผยชื่อไม่ได้
“อย่างที่เรียนให้ทราบว่าเราเอ่ยชื่อไม่ได้ แต่ก็มีอยู่แล้วครับ เพราะในสังคมที่มีคนจำนวนมากก็จะมีคนหลากหลาย แต่ท่านที่เสียภาษีถูกต้องก็ยังมีเยอะอยู่”
“ซึ่งการที่เราออกมาจัดการครั้งนี้ ผมคิดว่าสามารถปรามคนที่ไม่รับผิดชอบได้ทั้งหมดนะครับ เพื่อเป็นการกระตุ้นให้เขาเข้าใจ และมีจิตสำนึก และดูแลการเสียภาษีให้ถูกต้อง เพราะบางครั้งอาจไม่เจตนา แต่คนดูแลของท่านขาดความรู้ ทำให้โดนไปด้วยก็มี เพราะฉะนั้นกรณีนี้ถือเป็นกรณีศึกษาให้สังคม ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ดี ช่วยเตือนกันและกันว่าควรทำให้ถูกต้อง เพราะดารานักแสดงก็เป็นไอดอลของเยาวชน วัยรุ่น เพราะฉะนั้น เมื่อไอดอลของเขาทำทุกอย่างถูกต้อง ก็ถือว่าเป็นแบบอย่างที่ดีต่อไป”
“จะเรียนว่าสิ่งที่เราทำคือ ทำทั้ง 2 ด้านนะครับ ด้านหนึ่งคือกระบวนการการบริหารภาษี เราพยายามที่จะของบไอทีเพิ่มเพื่อเซ็ทข้อมูล อย่างกรณีนี้ถ้าไอทีเราสมบูรณ์ โอกาสที่จะเกิดปัญหา น้อยมาก เพราะเครื่องจะบอกว่า หักแล้ว และยื่นปลายปีหรือเปล่า และถ้าคุณดังขนาดนี้ไม่ได้ยื่นปลายปี หรือยื่นน้อยไปก็จะมีเครื่องฟ้องได้ แต่เราก็ต้องได้รับการส่งเสริมไอทีที่พอเพียง”
“อีกส่วนคือการแก้กฎหมาย เราก็พยายามเสนอแก้กฎหมาย ซึ่งเป็นกฎหมายระดับ พ.ร.บ. เพื่อเข้าสภา ก็อยู่ในขั้นตอนของกระบวนการในการเสนอต่อไป แต่ก็ได้คุยกันหลายครั้งในเรื่องบทบัญญัติ เชื่อมข้อมูลหรือเรื่องการเก็บภาษี การทำธุรกรรมจริง อย่างเมืองนอกมีกฎหมายเขียนชัดเจนในหลายบัญญัติ เช่น ถ้ายื่นแบบแล้วปรากฏว่าข้อเท็จจริงการกระทำนั้นไม่ได้เกิดสิ่งที่ดีขึ้น ทางเศรษฐกิจตัวท่านเลย แสดงว่าเป็นนิติกรรมอำพราง อย่างนี้ก็มีโอกาสที่จะเลี่ยงภาษี แค่นี้สรรพากรก็ประเมินได้แล้วครับ”
ที่ผ่านมามองว่ากรมสรรพากรมีการสัมมนาให้ความรู้ตลอด แต่ก็ยังมีการละเลย มันดูเหมือนว่าเราละเลยด้วยหรือเปล่าในการที่จะเข้าไปตรวจสอบ?
“คือเราจัดสัมมนาให้บ่อยๆ แต่ดารานักแสดงรุ่นใหม่ก็เกิดขึ้นทุกวัน และเราต้องทำอยู่เรื่อยๆ เพราะฉะนั้นทำเท่าไรก็ไม่พอเพราะเกิดขึ้นตลอด”
แต่กรณี “พลอย” เป็นดารามานานแล้ว เขาก็ควรจะรู้?
“ขออนุญาตไม่เอ่ยชื่อใคร แต่หลายท่านที่มีข่าวก็เคยถูกเรียกมาแล้ว และถูกดำเนินการให้เสียภาษีให้ถูกต้องด้วยเหมือนกัน เราตั้งศูนย์เสียภาษีนอกระบบเพื่อขยายฐานไปยังผู้ที่ควรต้องเสียภาษีแต่ไม่ได้เสีย หรือเสียห่างจากความจริงเยอะมากอยู่แล้ว ไม่ใช่อาชีพใด อาชีพหนึ่งเป็นพิเศษ แต่ถ้ามีหลักฐานมีข้อมูลที่ชัดเจนที่ว่าตรงไหนไม่ถูกต้อง ทางศูนย์ก็จะเข้าไปดู”
“โดยหน่วยปฏิบัติ เมื่อได้รับข้อมูลการวิเคราะห์แล้ว ต้องตรวจสอบข้อมูลตามสัญญาระหว่าง ผู้ว่าจ้างกับนักแสดงว่ามีการรับจ่ายจริงครบถ้วนหรือไม่ หากไม่ถูกต้องก็ให้ดำเนินการให้ถูกต้องต่อไป รวมทั้งให้ตรวจสอบสำนักงานทนายความหรือสำนักงานบัญชีที่รับทำบัญชีให้ดารานักแสดงด้วยว่ามีส่วนร่วมในการทำความผิดหรือไม่ นอกจากนี้ ผู้จ่ายเงินได้ หากมีการหักภาษี ณ ที่จ่าย ไม่ถูกต้องครบถ้วนหรือถูกบุคคล ก็มีความผิดเช่นเดียวกัน”
พร้อมเผยดาราเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ที่โกงภาษี แต่ส่วนใหญ่คือพวก นักธุรกิจ นักการเมือง
“ใช่ครับ ถึงได้บอกว่าต้องอยู่ในขั้นตอนของกระบวนการปรับกฎหมาย ของการปรับปรุงระบบไอที ซึ่งเป็นไปได้อยู่แล้ว เพียงแต่ต้องมีเครื่อง ถามว่าใช้เวลานานแค่ไหน จริงๆ เรื่องไอทีเราพร้อมทำทันทีถ้ามีเงิน ตอนนี้ก็ทำเรื่องขอเงินอยู่”
เจ้าตัวไม่ติดใจกรณี “พลอย” บอกสนิทสนมกับทางสรรพากร จนทำให้หลายคนมองว่า ทางสรรพากรจะไม่ให้ความเป็นธรรมในด้านนี้ ก่อนอ้างสรรพากรมีเป็น 2 หมื่นคน
“คือต้องเข้าใจว่าสรรพากรมีอยู่ 2 หมื่นท่านนะครับ ภารโรงก็สรรพากร ตรวจสอบก็สรรพากร ใครก็ได้ เพราะฉะนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกครับ”
กรณี “พลอย” ทำให้เกิดคำถามทางสังคมเกี่ยวกับมาตรฐานการเก็บภาษีที่เท่าเทียมกัน?
“เอ่อ… จริงๆ มันอยู่ที่กลไกมากกว่าว่า เพียงพอที่จะทำให้ครอบคลุมทั้งหมดหรือไม่ ถ้าไม่เพียงพอก็ต้องใช้วิธีการสุ่มตรวจ แต่การสุ่มตรวจจะให้ 100% ก็คงยาก ซึ่งถ้าตรวจพบว่าดาราท่านใด มีการเลี่ยงภาษี หรือเสียภาษีไม่ถูกต้อง เราก็ต้องดำเนินการให้เขาทำให้ถูกต้อง เบี้ยปรับเงินเพิ่มก็ต้องมีตามปกติ”
“ส่วนโทษจำคุก ทุกอย่างตามกฎหมายปกติครับ แต่ที่ผ่านมา ตั้งแต่ตั้งกรมสรรพากรมา 97 ปี เราไม่ค่อยเอาใครเข้าคุก เพราะเราถือว่า ภาษีก็ไม่จ่าย ต้องเอามาเลี้ยงอีก เพราะฉะนั้นถ้าเขายอมจ่ายให้ภาษีครบถ้วน เราก็เอาภาษีเข้ารัฐดีกว่า และที่ผ่านมาเราก็ทำแบบนี้มาตลอด 97 ปี”
“ส่วนกรณีที่อาชีพนักแสดงจะเสียภาษีเยอะกว่าอาชีพอื่นนั้น ความจริงเป็นช่วงหนึ่งนะ อันนี้ผมคิดว่าเป็นส่วนหนึ่งที่น่าสนใจ และน่าเห็นใจ เพราะอาชีพนักแสดงมีน้อยคนมากที่จะหากินได้ตั้งแต่เด็กจนชรา มันจะมีแค่ช่วงหนึ่งของชีวิตเองที่หากินได้ เพราะฉะนั้นในหลายประเทศจะมีวิธีการเก็บภาษีแบบพิเศษ เพราะเป็นคนที่มีรายได้ในช่วงหนึ่งเยอะ และที่เหลือไม่มีเลย ผมได้สั่งการไปสำนักแขวงว่ามีที่เมืองนอกมีพฤติการณ์อย่างไรในการเก็บภาษีดาราที่แตกต่างจากคนอื่น”
แล้วดาราที่ออกมาเปิดบริษัท และยื่นในนามบริษัทจะทำให้เสียภาษีน้อยลง?
“เรียนให้ทราบว่าในต่างประเทศ กฎหมายชัดเจนเลยว่า ถ้าคุณทำอย่างนั้นแล้วไม่ทำให้สิ่งต่างๆ ดีขึ้น ก็แสดงว่าเจตนาเลี่ยง แม้จะยื่นแทนคนอื่นก็เก็บได้”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการที่ “พลอย” เปิด 4 บริษัท เรียกว่าเลี่ยงภาษีได้มั้ย? อธิบดีกรมสรรพกรก็ไม่กล้าที่จะเจาะจงกรณีของพลอย แต่บอกได้เสนอแก้กฎหมายไปที่กระทรวงแล้ว ว่าทำไม่ได้เพราะเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง
“ไม่เอ่ยชื่อใครดีกว่าครับ ถ้าคณะบุคคลส่วนใหญ่เราก็เรียกมาเสียให้ถูกต้อง และเสียค่าปรับ อย่างที่เราบอกว่าวิศวกร ก. ร่วมกับคนสวน ทำธุรกิจ มันทำให้ดีขึ้นจริงหรือ เมื่อมันไม่ใช่นั่นคือนิติกรรมอำพราง ก็ต้องมาเสียภาษีจริง ที่ผ่านมาเราก็เรียกมาเจรจาและก็มีปรับการเลื่อนแบบและเสียให้ถูกต้อง ซึ่งทำไปเยอะแล้ว เพราะส่วนมากเมื่อเราไล่เส้นทางทางการเงินก็จะเจอของจริงว่า คนสวนไม่ได้เงินเลย และไม่มีเหตุผลว่าวิศวกรกับคนสวนมาทำธุรกิจจะดีขึ้น อย่างไรก็ตามเรื่องนี้สรรพากรได้เสนอแก้กฎหมายไปที่กระทรวงแล้วว่าให้ชัดเจน ว่าไม่มีโอกาสกระทำในลักษณะเช่นนี้ได้อีก”
อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับการเสียภาษีของดารา ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังนักแสดงและผู้จัดมากฝีมือ “นก จริยา แอนโฟเน่” ที่ก็ได้เดินทางมาร่วมงานด้วย ซึ่งเจ้าตัวเผยว่า…
“จริงๆ แล้วเราไม่ค่อยรู้รายละเอียดในการจ่าย บางปีก็โดนก้อนใหญ่มาก เราก็เข้าไปคุยว่าขอแบ่งจ่ายได้ไหมอาชีพนี้เหมือนรายได้มันเยอะ แต่รายจ่ายก็เยอะ ซึ่งบางทีก็็ไม่มีใบเสร็จมายัน เราก็อยากขอความเห็นใจ เราโดนภาษีสังคมเยอะนะ”
“อย่างตัวนกเองมีครอบครัว เวลาไปเที่ยวไหนก็ต้องเลือกที่ที่ส่วนตัวหน่อย เราต้องจ่ายแพงกว่าคนอื่น บางทีดารานักแสดงก็มีงานเป็นบางช่วง บางช่วงก็ไม่มีงานเลย อยากขอความเห็นใจ เรื่องนี้มันจำเป็นต้องระวังมาก นกเองยังเคยพลาดเอกสารตกหล่น โดนย้อนหลังก็เคยมาแล้ว บางเรื่องก็ละเอียดอ่อน ต้องเข้ามาคุยกันก่อน”
“ยิ่งตอนนี้เป็นผู้จัด ต้องจ่ายเงินแล้ว แต่ก็ไม่มีปัญหา นักแสดงก็รับจากทางช่องโดยตรง เราเองก็กลัวจะโดนหนักหากเลี่ยงภาษี ที่ส่วนใหญ่โดนเพราะความไม่รู้มากกว่า ลืมบ้าง อะไรบ้าง มันเคยโดนทุกคน นกเคยโดนแบ่งจ่ายมาแล้ว งานมันแปลกใหม่ขึ้น ไม่รู้จ่ายกันยังไง การเสียภาษีแบบคณะบุคคลนกไม่ทำเลยเพราะกลัวค่ะ”
ด้านนางเอกสาว “ปุ๊กลุก ฝนทิพย์ วัชระตระกูล” ก็ให้ทัศนะเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวเพิ่มเติมว่า….
“เรื่องนี้มันอยู่ที่วิจารณญาณของดาราแต่ละคน บางคนมีความถนัดไม่เหมือนกัน ครอบครัวหนู พ่อเป็นนักกฎหมาย แม่เป็นนักบัญชีอยู่แล้ว เราดูแลกันเองในครอบครัว เพราะพ่อแม่ดูให้เราเลยไม่มีความรู้ วันนี้ที่สรรพากรจัด ก็ทำให้เรามีความรู้มากขึ้น ที่ผ่านมาหนูทำถูกต้องทุกอย่างค่ะ”
“ผู้จัดการส่วนตัวดูแลแค่เรื่องรับงานเรื่องภาษีหนูเป็นคนจัดการ แต่ก็ให้พ่อแม่ดูแลให้ เงินมาก็ให้พ่อแม่หมด ภาษีกับดาราเป็นของคู่กันมานานแล้ว คิดว่าเดี๋ยวก็ผ่านไป ดาราทุกคนก็คงอยากทำให้ถูกต้องอยู่แล้ว (ใช้บัตรประชาชนตัวเองใช่ไหม?) ใช่ค่ะ”
ที่มา: manager.co.th