ซัมซุงเปิดตัวผลิตภัณฑ์เรือธงประจำครึ่งปีหลัง 2012 "แกแล็กซี่โน้ตทู (Samsung GALAXY Note II)" ปรับปรุงจากแกแล็กซี่โน้ตรุ่นแรกด้วยการเพิ่มความสามารถที่ซอฟต์แวร์และปากกาสไตลัส "เอสเพ็น (S-Pen)" ที่อัจฉริยะกว่าเดิม ขณะเดียวกันก็จุดพลุกล้องดิจิตอลแอนดรอยด์ที่สามารถติดตั้งแอปพลิเคชันได้เหมือนสมาร์ทโฟน พร้อมกับโชว์ 4 อุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8 แหล่งข่าวระบุผลิตภัณฑ์ที่จะวางตลาดไทยภายในเดือนตุลาคมคือ Note II นอกนั้นต้องรอการพิจารณา เกรกอรี่ ลี ประธานกรรมการและประธานผู้บริหาร บริษัท ซัมซุงเอเชีย จำกัด เปิดเผยว่าการเปิดตัวสินค้าทั้งหมดนี้เป็นไปตามเป้าหมายนำเสนอทางเลือกแก่ผู้บริโภคในทุกแพลตฟอร์ม และมั่นใจว่าสินค้าทั้งหมดจะได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาดเอเชียแน่นอน
"ยอดขายของซัมซุงเติบโตมาก ตลาดอาเซียนก็เป็นไปตามเทรนด์โลกเช่นกัน เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงขนาดและคุณสมบัติใหม่ของ Note II จะทำให้ตลาดตื่นตัว ผมเองยังเปลี่ยนจาก S3 มาใช้ Note II แทน" ลีกล่าว "กล้องดิจิตอลของเราตอบโจทย์กลุ่มผู้ต้องการแชร์ภาพทั่วโลก ขณะที่วินโดวส์ 8 จะทำให้เราเสนอทางเลือกแก่ผู้บริโภคทั่วโลกได้"
Note II ที่ลีกล่าวถึงนั้นเป็นสมาร์ทโฟนที่ได้ชื่อว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ซัมซุงตัดสินใจเปิดตัว Note II หน้าจอ 5.5 นิ้วในงานมหกรรม IFA 2012 โดยเพิ่มความสามารถของซอฟต์แวร์ จอภาพ และปากกาสไตลัสให้ดีกว่าแกแล็กซี่โน้ตรุ่นแรกที่เปิดตัวในงาน IFA 2011 ปีที่แล้ว
การเปิดตัว Note II ตอกย้ำว่าปากกาสไตลัส S-Pen นั้นเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญของซัมซุงซึ่งทำให้ Note II มีโอกาสที่ชัดเจนในการสร้างพื้นที่ของตัวเองในตลาดสมาร์ทโฟน โดยจุดแตกต่างระหว่าง Note รุ่นแรกและรุ่นล่าสุดคือการใช้ระบบปฏิบัติการ Android 4.1 ชิปควอดคอร์ 1.6GHz และการใช้หน้าจอ Super HD Amoled รวมถึง S-Pen ที่ซัมซุงพัฒนามาให้ผู้ใช้สามารถกดดูรายละเอียดของภาพ วิดีโอ อีเมล ปฏิทินงานได้จากปุ่มบนปากกา ทำให้ง่ายต่อผู้ใช้ซึ่งไม่ต้องยกมือไปแตะที่ปุ่มบนหน้าจออย่างใน Note รุ่นแรก
Note II มีความบางเครื่อง 9.4 มม. น้ำหนัก 180 กรัม ผู้ใช้สามารถวาด เขียนคำ หรือตัดภาพได้อย่างสะดวก รวมถึงการจดบันทึกในเวลาที่มีสายโทรเข้าได้อย่างไม่ติดขัด จากวิดีโอสาธิตพบว่า Note II สามารถวิเคราะห์ลายมือเพื่อแสดงข้อมูลได้แบบอัตโนมัติ เช่น ผู้ใช้ที่เขียนเบอร์โทรศัพท์บนหน้าจอจะสามารถบันทึกในสมุดโทรศัพท์ได้ง่าย ขณะที่ผู้จดวันเวลา จะสามารถบันทึกในปฏิทินงานได้สะดวก
ราคาของ Note II จะเปิดเผยเมื่อวางตลาดในเดือนตุลาคม โดยประเทศไทยก็จะเป็นหนึ่งในประเทศกลุ่มแรกที่ Note II เปิดตัว เบื้องต้นคาดว่า Note II จะวางจำหน่ายในราคาใกล้เคียงกับ Note รุ่นแรกที่ซัมซุงเปิดจำหน่ายในไทยราว 22,900 บาท ซึ่งปัจจุบัน Note รุ่นแรกนั้นมีราคาเหลือ 20,000 บาทถ้วน ทั้งหมดนี้มีความเป็นไปได้ที่ Note II จะมีงบการตลาดเท่ากับ S3 เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์เรือธงของซัมซุงในช่วงครึ่งปีหลัง
ไม่เพียง Note II ซัมซุงยังเปิดตัวกล้องดิจิตอลพันธุ์ใหม่ที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์รุ่นล่าสุด 4.1 ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งานแอปพลิเคชันแอนดรอยด์ได้ทั้งหมด เช่น เล่นเกม Angry Birds อัปโหลดภาพสู่เครือข่ายสังคมได้แบบส่งตรงจากกล้อง รวมถึงการตกแต่งภาพถ่ายได้อย่างง่ายดาย
กล้องดิจิตอลรุ่นนี้ของซัมซุงมีชื่อว่าแกแล็กซี่คาเมรา (Samsung Galaxy Camera) ตัวเครื่องสามารถรองรับเครือข่ายข้อมูลไร้สายทั้ง WiFi, 3G และ 4G LTE ความสามารถในการซูมคือ 21x ใช้เลนส์ F/2.8 ความละเอียด 16 เมกะพิกเซล เซ็นเซอร์ BSI CMOS ขนาด 1/2.3 นิ้ว ความจุคือ 32GB โดยผู้ใช้สามารถเลือกเก็บข้อมูลบน cloud ได้แบบอัตโนมัติ
หน้าจอทัชสกรีนของ Galaxy Camera มีขนาด 4.8 นิ้ว ความละเอียด 720p (ละเอียดพิกเซล 308 ppi) มีแฟลช pop-up ด้านบนเครื่อง เบื้องต้น Galaxy Camera มีแผนจำหน่ายภายในปีนี้ แต่ยังไม่มีกำหนดการที่แน่นอน
มั่นใจวินโดวส์ขายดี นอกจาก Note II และ Galaxy Camera งานนี้ซัมซุงยังเรียกเสียงฮือฮาด้วยการเปิดตัวแท็บเล็ต สมาร์ทโฟน และคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8 ในชื่อซับแบรนด์ใหม่ ATIV (มาจาก VITA แปลว่าชีวิต) เบื้องต้นคาดว่าจะเริ่มทำตลาดภายในเดือนตุลาคมซึ่งเป็นเดือนที่วินโดวส์ 8 จะถูกจุดพลุอย่างเป็นทางการ
สินค้ากลุ่ม ATIV ที่ถูกเปิดตัวในครั้งนี้ได้แก่ ATIV Tab แท็บเล็ต 10.1 นิ้วที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows RT ซึ่งถูกการันตีว่าจะทำให้ผู้ใช้สามารถสร้างและแก้ไขงานเอกสารได้เหมือนใช้งานบนเครื่องพีซีขณะเดินทาง และ ATIV Smart PC คอมพิวเตอร์กึ่งแท็บเล็ตที่ผู้ใช้สามารถดึงหน้าจอมาใช้งานเป็นแท็บเล็ต และประกอบกลับเข้าไปเป็นคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กได้ ยังมีคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กบางเฉียบ Series 9 ที่มีจุดขายคือคอมพิวเตอร์ที่บางและเร็วที่สุดในโลก พร้อมกับ Ativ S สมาร์ทโฟนหน้าจอ 4.8 นิ้วระบบปฏิบัติการ Windows Phone 8 ซึ่งจะย่อโลกพีซีไว้ในมือเช่นกัน
เบื้องต้นคาดว่า 4 ผลิตภัณฑ์กลุ่ม ATIV ยังต้องรอการพิจารณาอีกครั้งว่าจะจำหน่ายในประเทศไทยเมื่อใด เนื่องจาก ATIV เป็นสายธุรกิจที่คาบเกี่ยวกันระหว่างธุรกิจอุปกรณ์มือถือและคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ทำให้ยังไม่สามารถสรุปหรือคาดการณ์แผนการวางจำหน่ายในไทยได้ขณะนี้
"เรามองว่าสินค้าวินโดวส์มีโอกาสประสบความสำเร็จในเอเชียแปซิฟิกสูงมาก ทั้งออสเตรเลีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ไต้หวัน รวมถึงประเทศไทย ผมคิดว่าสินค้าวินโดวส์ 8 จะประสบความสำเร็จในระยะยาว เพราะแพลตฟอร์มนี้เหมาะสมกับธุรกิจ ความท้าทายของเราคือการดึงให้ผู้บริโภคได้สัมผัสกับการใช้งานของอุปกรณ์วินโดวส 8 ให้มากที่สุด" ลีกล่าว
คำว่าสินค้าวินโดวส์ 8 จะประสบความสำเร็จในระยะยาวนั้นสอดคล้องกับนักวิเคราะห์ เนื่องจากต้องยอมรับว่าสินค้าตระกูลพกพาที่เป็นวินโดวส์นั้นยังมีความต้องการที่น้อยมากเมื่อเทียบกับคู่แข่งเช่น ไอโอเอส (iOS) หรือแอนดรอยด์ (Android) ทั้งหมดนี้ ลียืนยันว่าซัมซุงจะเปิดผลิตภัณฑ์ให้ครบทุกแพลตฟอร์ม เพื่อให้มีสายผลิตภัณฑ์ที่สมบูรณ์
สำหรับตลาดไทย ลีทิ้งท้ายว่าไทยเป็นหนึ่งในตลาดเอเชียที่มีผลตอบรับดีมาก โดยระบุว่าภูมิใจทีมงานไทยที่มีส่วนช่วยให้ซัมซุงเป็นแบรนด์โทรศัพท์มือถืออันดับ 1 ในไทยขณะนี้
"ตัวเลขจาก GFK ระบุว่าเรามีส่วนแบ่งตลาดโทรศัพท์มือถือไทยรวม 40% เฉพาะสมาร์ทโฟนคิดเป็น 50% เราเป็นอันดับ 1 อย่างชัดเจนในหลายตลาด รวมถึงตลาดทีวีและเครื่องใช้ไฟฟ้า เชื่อว่าทิศทางต่อไปในตลาดไทยก็จะเติบโตตามเทรนด์โลก"
Company Related Link :
Samsung
ที่มา: manager.co.th