เพียงวันเดียวหลังจากถูกศาลแคลิฟอร์เนียตัดสินว่าละเมิดสิทธิบัตรเทคโนโลยีแอปเปิล ยักษ์ใหญ่สัญชาติเกาหลีใต้อย่างซัมซุงตกอยู่ในภาวะหุ้นดิ่ง 7% ตกต่ำที่สุดในรอบ 4 ปี ส่งให้มูลค่าตลาดของซัมซุงลดลง 1.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในวันเดียว สะท้อนความหวั่นใจของนักลงทุนต่อการแพ้คดี ซึ่งทำให้ซัมซุงถูกสั่งให้จ่ายเงินค่าเสียหายแก่แอปเปิลเป็นเงิน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า มูลค่าหุ้นของซัมซุงเมื่อวันจันทร์ที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมานั้นลดลง 7.7% เหลือ 1.177 ล้านวอน (ราว 30,000 บาท) ถือเป็นสัดส่วนสูงมากเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยภาพรวมตลาดหุ้นกรุงโซลที่ลดลงเพียง 0.2%
คาดว่าความหวั่นใจของนักลงทุนไม่ได้อยู่ที่ค่าปรับ 1.05 พันล้านเหรียญที่ศาลแคลิฟอร์เนียตัดสินให้ซัมซุงจ่ายให้แอปเปิล แต่อยู่ที่ผลกระทบจากข้อจำกัดในการจำหน่ายสินค้าที่ถูกระบุในคดี ซึ่งคาดว่าอาจจะกระทบกำไรของซัมซุงราว 4% ตลอดปีนี้
เบื้องต้นซัมซุงดำเนินการเพื่อให้แน่ใจว่าบริษัทสามารถจำหน่ายแท็บเล็ตที่เพิ่งเริ่มเปิดตลาดอย่าง Galaxy Note 10.1 ในสหรัฐฯ ได้ต่อไป เช่นเดียวกับ Galaxy S3 โดยสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากคดีเต็มที่คือสมาร์ทโฟนเรือธงก่อนหน้านี้อย่าง Galaxy S, Galaxy S II และ Galaxy Tab เท่านั้น
จุดนี้มีการวิเคราะห์ว่านักลงทุนในตลาดไม่ได้เป็นห่วงคดีความระหว่างซัมซุงกับแอปเปิลที่ยังรอการตัดสินในศาลหลายประเทศ เพราะซัมซุงนั้นมีสิทธิบัตรเทคโนโลยีในมือถึง 65,000 สิทธิบัตร เทียบกับแอปเปิลที่มีเพียง 9,000 สิทธิบัตร ทำให้นักวิเคราะห์จำนวนมากเชื่อว่าซัมซุงจะไม่ได้รับผลกระทบจากคดีนี้ในระยะยาว แต่ในมุมมองของนักลงทุน สัดส่วนรายได้ที่ซัมซุงทำได้จากสมาร์ทโฟนนั้นสูงมากจนอาจเป็นความเสี่ยงในอนาคต
แม้ซัมซุงจะเป็นผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคหลายกลุ่ม ทั้งโทรทัศน์ เครื่องเล่นบลูเรย์ อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน แต่สินค้ากลุ่มสมาร์ทโฟนนั้นสามารถทำยอดขายได้มากที่สุด โดยไตรมาสที่ผ่านมาซัมซุงประกาศผลกำไรเพิ่มขึ้นหลายพันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งผลกำไรจากการขายสมาร์ทโฟนคิดเป็นสัดส่วนถึง 63% เมื่อเทียบกับกำไรทั้งหมดของซัมซุง
นักวิเคราะห์เชื่อว่าซัมซุงสามารถจำหน่ายสมาร์ทโฟนได้ราว 52 ล้านเครื่องในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ ในจำนวนนี้รวม Galaxy S3 ซึ่งคาดว่ามียอดจำหน่ายราว 6.5 ล้านเครื่อง
ที่สำคัญ รายงานจากรอยเตอร์สพบว่านักลงทุนยังคงหวั่นใจกับการจำหน่าย Galaxy S3 ในสหรัฐฯ เนื่องจากแม้ S3 จะไม่มีผลโดยตรงต่อคดี แต่ก็เป็นเรื่องที่รู้กันในวงกว้างว่าแอปเปิลก็พุ่งเป้าโจมตี S3 เช่นกัน ซึ่งหากมีเหตุพลิกผันใดๆ ที่ทำให้ซัมซุงไม่สามารถจำหน่าย “สมาร์ทโฟนที่ขายดีที่สุด” ได้ วันนั้นซัมซุงจะตกที่นั่งลำบากแน่นอน
ภาวะหุ้นตกของซัมซุงคือความเคลื่อนไหวล่าสุดหลังจากศาลในเมืองแคลิฟอร์เนียตัดสินว่าซัมซุงเป็นฝ่ายละเมิด 6 สิทธิบัตรของแอปเปิลจาก 7 สิทธิบัตรที่แอปเปิลร้องเรียน ได้แก่ คุณสมบัติ Bounce-back คุณสมบัติพิเศษที่ผู้ใช้ไอโฟนและไอแพดจะได้เห็นเมื่อเลื่อนหน้าจอจนสุดปลายรายการบนหน้าจอ, Multi-touch เทคโนโลยีที่ผู้ใช้จะสามารถสัมผัสหน้าจอหลายจุดได้พร้อมกัน, Pinch-to-Zoom ท่าจีบถ่างนิ้วที่ผู้ใช้มักทำเพื่อขยายภาพ รวมถึงคุณสมบัติแตะเพื่อขยายหรือ Tap-to-Zoom
เสียงวิจารณ์ที่มีต่อชัยชนะของแอปเปิลนั้นถูกสะท้อนออกมาหลากหลายมุมมอง หนึ่งในมุมที่น่าสนใจคือความเชื่อว่าผลของคดีนี้จะสร้างผลกระทบในระยะยาวแก่อุตสาหกรรมอุปกรณ์แอนดรอยด์ (Android) ล่าสุดกูเกิล ผู้สร้างระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง โดยระบุว่าคดีความระหว่างแอปเปิลกับซัมซุงไม่เกี่ยวข้องกับแอนดรอยด์โดยตรง แต่เกี่ยวข้องกับการปรับแต่งซอฟต์แวร์ และการออกแบบฮาร์ดแวร์ของซัมซุง
กูเกิลย้ำว่าคำตัดสินที่ศาลแคลิฟอร์เนียชี้ว่าซัมซุงละเมิดแอปเปิลนั้นไม่เกี่ยวข้องกับหลักการทำงานระบบแอนดรอยด์ ซึ่งจากหลักฐานในการพิจารณาคดี กูเกิลเคยเตือนซัมซุงแล้วว่ามีการปรับแต่งแอนดรอยด์จนใกล้เคียงระบบปฏิบัติการไอโอเอสของแอปเปิลมากเกินไป
Company Related Link :
Samsung
ที่มา: manager.co.th