ชุดนี้ "พลอย" บอกว่าเชย เลยขอเปลี่ยนชุด
ชุดสำรองที่ทางออแกไนซ์เตรียมให้
ชุดนี้ออแกไนซ์เลือกให้ใส่ แต่พลอยบอกผมเซอร์ไม่เข้ากับชุดจึงขอเปลี่ยน แต่สุดท้ายก็ได้ใส่ชุดนี้
"พลอย" เลือกใส่ชุดนี้ แต่ใส่ไม่ได้ ก็เลยต้องไปใส่ชุดที่ออแกไนซ์เลือกไว้ให้
บัตรประชาชนของ "นายทวีศักดิ์" ที่ "พลอย" นำมาใช้หักภาษี
“ออแกไนซ์” จัดหนัก ! ยันไม่ได้โพสต์เฟซบุ๊กด่า “พลอย เฌอมาลย์” และเฟซบุ๊กดังกล่าวก็ไม่ใช่ของตนเอง อย่าชกผิดฝาผิดตัว ลั่นจ่ายเงินให้ครบถ้วนแล้ว แฉแหลกพลอยใช้บัตรประชาชนคนอื่นมารับเงินแทน บอกถึงพลอยจะไม่ใช่แม่ชี ไม่ใช่นายกฯ ก็ควรเป็นตัวอย่างที่ดี ทำใจงานนี้นางเอกคนดังคงไม่จบง่ายๆ แน่ เตรียมปรึกษาทนายสู้สุดฤทธิ์ แถลงเดือดคืนนี้ เป็นเรื่องอีกแล้วสำหรับ “พลอย เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์” หลังจากมีข่าวกับหลายๆ คนมาหลายครั้งแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ทะเลาะกับ “ได๋ ไดอาน่า จงจินตนาการ” , พนักงานร้านอาหาร จนพนักงานโดนไล่ออก , โพสต์ข้อความด่า ไอ้เ - ย คนที่พยายามแฮกอินสตาแกรม , โพสต์ภาพคู่กรณีที่ขับรถชนแล้วหนี ล่าสุดก็ทะเลาะกับบริษัทออแกไนซ์
โดยพลอยได้ออกมาให้สัมภาษณ์เมื่อวันก่อนว่า ได้ถูกบริษัทออแกไนซ์โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กต่อว่าเรื่อง “ดาราชั้นเลว” ทำเอาเจ้าตัวตอกกลับว่าคู่กรณีจ่ายค่าตัวให้ไม่ครบ จาก 150,000 บาท แต่จ่ายเช็คมาเพียง 145,000 บาท พร้อมกับเอ่ยชื่อบริษัทออแกไนซ์ที่มีเรื่องด้วยอย่างชัดเจนว่าเป็น “บริษัท แอบโซลูท ฟอ ยู จำกัด”
เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ “อาร์ท กันต์ระพี วิไลภรณ์” ผู้บริหารบริษัท แอบโซลูท ฟอ ยู จำกัด นั่งไม่ติดต้องลุกออกมาชี้แจงกับ บันเทิง EXCLUSIVE ผู้จัดการออนไลน์ ว่า เฟซบุ๊กดังกล่าวไม่ใช่ของตน และตนไม่ใช่ผู้โพสต์ พลอยชกผิดฝาผิดตัวแล้วควรจะต่อว่าเจ้าของเฟซบุ๊ก พร้อมกับบอกถึงสาเหตุที่จ่ายเงินไม่ครบ 150,000 บาท เพราะต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย แฉกลับพลอยใช้บัตรประชาชนคนอื่นมารับเงินแทน ก็เลยต้องหักภาษีแค่ 3 เปอร์เซ็นต์ ทั้งที่จริงๆ แล้วต้องหัก 5 เปอร์เซ็นต์ บอกถึงพลอยไม่ใช่แม่ชี ไม่ใช่นักการเมือง ไม่ใช่นายกฯ ก็ควรจะทำตัวให้เป็นเยี่ยงอย่างที่ดี
“เรื่องที่เกิดขึ้นมันทำให้บริษัทของอาร์ทเสียหาย เพราะมีการพูดว่าบริษัทของอาร์ทจ่ายเงินให้คุณพลอยไม่ครบตามที่ตกลงกันเอาไว้ แต่จริงๆ แล้วอาร์ทอยากจะอธิบายให้ฟังว่า ตอนที่คุยกับผู้จัดการของคุณพลอยไม่มีการตกลงกันว่าไม่ให้หักภาษี ณ ที่จ่าย เราตกกันไว้ว่าค่าตัวของพลอย 150,000 บาท พลอยจะต้องแต่งหน้าทำผมมา เราตกลงกันแค่นี้ครับ ซึ่งถ้ามีการระบุว่าไม่ให้หักภาษีผมก็จะได้โปะให้เขาไป แต่นี่เขาไม่ได้แจ้งมา”
“แล้วทีนี้มันมีการไปโพสต์ในเฟซบุ๊กว่า ผู้จัดการคุณพลอยโกงค่าตัวพลอย 30,000 บาท ซึ่งตรงนี้ไม่ใช่เฟซบุ๊กของอาร์ท อาร์ทไม่ได้เป็นคนโพสต์ อาร์ทไม่ได้ทำอะไรใดๆ ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นแล้วการที่ไปตีประเด็นเนี่ย เขาก็ควรที่จะไปด่าคนที่เขียนเฟซบุ๊ก แต่จริงๆ แล้วคนที่โพสต์ก็ไม่ได้มีการเอ่ยถึงชื่อเขานะครับ แต่คุณพลอยกลับลุกขึ้นมาพาดพิงอาร์ทในเรื่องของการหักภาษี หาว่าอาร์ทจ่ายค่าของคุณพลอยไม่ครบมันทำให้อาร์ทถูกมองว่าไม่มีเครดิต ตรงนี้แหละคือประเด็น ในบทสัมภาษณ์เขายังมีการพูดถึงชื่อบริษัทผมเอง และบอกให้โคสท์ไปเต็มๆ กับชื่อบริษัทแอบโซลูทฟอยู จำกัด”
“อีกประเด็นหนึ่งที่หลายๆ คนโพสต์ข้อความสงสัยกันว่า ทำไมบริษัทของอาร์ทหักภาษี ณ ที่จ่ายแค่ 3 เปอร์เซ็นต์ ทำไมไม่หัก 5 เปอร์เซ็นต์ ตรงนี้เป็นเพราะว่าเขาใช้บัตรประชาชนของคนอื่น ซึ่งเป็นใครก็ไม่รู้ชื่อทวีศักดิ์(ขอสงวนนามสกุล)ซึ่งโดยปกติแล้วเวลาจ้างนักแสดงจะต้องโดนหักภาษี ณ ที่จ่าย 5 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าเป็นบุคคลอื่นที่เราจ้างบริการจะหักแค่ 3 เปอร์เซ็นต์”
“ทีนี้ในกรณีของคุณพลอยเขาส่งบัตรประชาชนผู้อื่นมาให้อาร์ท เราก็เลยจำเป็นต้องหักแค่ 3 เปอร์เซ็นต์ พลอยเขาคงคาดไม่ถึง เรื่องนี้ก็เลยโพล่งออกมาเรื่องหักค่าภาษี เราจ้างพลอย 150,000 บาท เราหักภาษีไป 4,500 เราจ้างคนอื่นแค่ 1,000 บาท เราก็ต้องหักภาษีไว้เหมือนกันนะครับ”
“ซึ่งตรงนี้เราทำถูกต้องตามหลักกฎหมาย แต่ทางคุณพลอยและผู้จัดการบอกว่า ค่าตัวพลอย 150,000 นี่คือสากลนะ คำว่าสากลอาร์ทไม่เข้าใจนะครับว่าคืออะไร เพราะถ้า 150,000 บาทมันต้องหักภาษีด้วย แต่ถ้าคุณจะรับเน็ดๆ ไม่ให้หักก็ต้องแจ้งมาก่อน ผมหักมานี่ผมก็ไม่ได้เอามาใช้เองนะ ผมก็ต้องส่งคืนให้ภาษี ผมอยากจะอธิบายตรงนี้ให้ทุกคนเข้าใจ”
“แต่สิ่งที่ผมโกรธมากก็คือ เฟซบุ๊กนั้นมันไม่ใช่ของผม ผมไม่ได้เป็นคนโพสต์แต่คุณกลับมาพาดพิงบริษัทผม คนที่โพสต์นี่ไม่ใช่พนักงานในบริษัทของผมนะครับ ที่ข่าวบอกว่าพนักงานออแกไนซ์เซอร์ออกมาแฉไม่ใช่ (แล้วเขารู้เรื่องได้ไง) ที่เขารู้เรื่องก็เพราะว่า ผมไปว่าจ้างให้เขาออกแบบชุดให้ ซึ่งตอนแรกเขารับรู้ว่าคุณพลอยไม่ยอมใส่ชุด ผมก็เล่าให้เขาฟัง เรื่องราวทั้งหมดก็มีเท่านี้”
“เรื่องที่เขาโพสต์มานี่มันมีทั้งส่วนที่ถูกต้องและไม่ถูกต้อง ที่ไม่ถูกต้องก็คือเรื่องเงินค่าตัวพลอย 120,000 แล้วผู้จัดการมาบวกเงินค่าหน้าค่าผมอีก 30,000 บาท อันนี้มันไม่เกี่ยวอะไรกับงานผมเลย เราตกลงกันที่ 150,000 บาท พร้อมหน้าผมตั้งแต่ต้น”
“พอวันงานที่มีฉุกละหุกเรื่องคุณพลอยไม่ยอมใส่ชุด ก็มีการคุยต่อรองกันไปต่อรองกันมา ทางคุณพลอยก็มาแบบหน้าผมก็ไม่มีให้แล้ว ยังจะมาแบบนี้อีก จริงๆ เราตกลงกันแล้วกับผู้จัดการของเขาว่า 150,000 หน้าผมต้องพร้อมมาเลยนะ แต่ผมกลับถูกตำหนิว่าไม่มีหน้าผมให้เขาเรื่องชุดที่มีปัญหาก็เพราะว่า เขาไปถ่ายแฟชั่นก่อนมางานผม แล้วเขาทำผมเซอร์ๆ ชุดที่ผมเตรียมไว้ให้ไม่เข้ากับผมของเขา ผมก็ไม่ว่าอะไรให้งานมันผ่านไปก่อน”
“พองานจบอาร์ทก็ให้ผู้ช่วยเอาเช็คไปให้แล้วเขาโวยวายขึ้นมา ผู้ช่วยอาร์ทก็เลยโทร.หาอาร์ทว่า คุณพลอยไม่พอใจให้พี่อาร์ทมาหลังเวทีหน่อย อาร์ทก็ไปที่หลังเวทีพลอยขอบคุณมากนะที่มางานวันนี้ เขาก็พูดมาเลยว่า พี่...พี่ไม่เข้าใจเหรอคำว่า สากล สากลก็คือการไม่หักภาษี เราก็พี่ไม่รู้จริงๆ พี่รู้แต่ว่าพี่ทำตามกฎหมาย เราก็พูดกันแค่นี้ พลอยก็บอกว่า ถ้าเป็นคนอื่นพลอยบีบคอไปแล้วนะพี่ แต่ถ้าเป็นพี่เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน พลอยไม่ถือสาหาความ คือถ้าเขาจะเอาแบบนั้นเขาก็ควรจะแจ้งตั้งแต่ตอนที่คุยงานผมก็เข้าใจ แต่จริงๆ แล้วคุณไม่ใช่คนที่ถูกหักภาษีเลย คนที่ถูกหักก็คือคนที่เอาบัตรประชาชนเขามาให้ผม”
“มาถึงตอนนี้คุณมีการพูดว่า ช่วยลงด้วยนะคะบริษัทแอบโซลูท ฟอ ยู.... ผมถึงต้องออกมาปกป้องบริษัทของผมเหมือนกัน กับสิ่งที่เขาบอกว่า เขาอยู่บนที่สว่างแล้วผมไปทำร้ายเขา ซึ่งจริงๆ ผมไม่ได้ทำร้ายอะไรเขาเลย เพราะอันนั้นมันไม่ใช่เฟซบุ๊กของผม ผมไม่ได้เป็นคนโพสต์ (เป็นเฟซบุ๊กของคนที่ทำเสื้อผ้าในงานใช่หรือไม่) อันนี้ผมขอไม่บอกก็แล้วกัน ถ้าเข้าไปดูก็คงพอจะเดาออกได้”
“แล้วในเฟซบุ๊กเนี่ย เขาก็ไม่ได้ระบุเลยว่าเป็นดาราคนไหน แต่เขากลับระบุชื่อบริษัทผม ซึ่งความจริงเป็นยังไงคุณพลอยรู้ดีอยู่แก่ใจ แต่การมาโจมตีบริษัทผมให้จมดิ่งแบบนี้ผมถือว่าไม่แฟร์ การจ่ายค่าจ้างผมจ่ายให้ถูกต้องตามหลักกฎหมาย จ่ายให้ทันทีหลังเลิกงาน เงิน 150,000 บาท ไม่ใช่น้อยๆ ผมเองกว่าจะหาเงินได้เท่านี้ก็หายากนะครับ แต่เขาเดินไม่กี่ก้าวเขาก็ได้แล้ว”
“เขาบอกว่าผมไปทำร้ายเขา ผมก็อยากจะไปถามว่า ผมไปทำร้ายเขาตรงไหนเพราะไม่ใช่เฟซบุ๊กผม เขาบอกว่าทะเลาะกับเขาเพราะผมอยากเป็นข่าว ผมไม่อยากเป็นข่าวหรอกครับ ถ้าเป็นข่าวผมอยากเป็นข่าวดีๆ ผมไม่อยากเป็นข่าวแบบนี้หรอก บริษัทผมเสียหาย”
“ในตอนนี้ผมก็ได้ปรึกษาทนายแล้วว่าควรจะดำเนินการยังไง แต่ในเรื่องของคดีผมยังไม่สามารถบอกได้ ต้องดูก่อนว่าเขาจะให้สัมภาษณ์พาดพิงถึงผมอีกหรือไม่ ผมยินดีที่จะจบเรื่องได้ถ้าคุณพลอยออกมาขอโทษบริษัทผม มันเป็นเรื่องของประชาชนจะต้องเสียภาษี คุณพลอยจะมาบอกว่า หลักสากลของพลอยคือ 150,000 มันไม่ได้ ผมทำตามกฎหมาย ผมทำถูกต้อง”
สงสัยงานนี้ถ้าจะยาว เพราะสาวแรงอย่าง “พลอย” ไม่น่าจะกล่าวคำว่า “ขอโทษ” ได้ง่ายๆ แน่
“ก็คิดว่าคงไม่ขอโทษหรอกครับ แต่ที่ผมออกมานี่ไม่ใช่ว่าผมอยากจะดัง แต่อยากจะให้เป็นอุทาหรณ์ว่า คุณเป็นดาราใหญ่ คุณเป็นซูเปอร์สตาร์ที่คนชื่นชอบ เป็นคนที่ผมเลือกมาเดินแบบฟินาเล่ ประชาชนให้โอกาสดาราคนนี้ ผมให้โอกาสดาราคนนี้ เอาเงินมาให้ดาราคนนี้ นั่นหมายความว่า ผมเป็นนายจ้างเขา ณ ช่วงเวลานั้น แต่กลับกลายเป็นว่า การจัดงานอีเว้นต์เมื่อได้ดาราคนนี้มา เขากลับเหวี่ยงวีนตามสไตล์ ผมมีช่างหน้าช่างผมประจำงานไว้ให้เขาก็ไม่แต่ง เพราะเขาต้องมีช่างหน้าช่างผมประจำตัวเขา ซึ่งเขาอาจจะห่วงลุคส์ของเขา”
“อย่างเรื่องชุดนี่ผมมีให้เขา ถ้าเขาไม่ยอมรับ เขาก็ต้องบอกว่า พี่เดี๋ยวหนูเตรียมชุดเองแบบนี้โอเค แต่พอถึงจะวันงานกลับมีปัญหา ผมส่งรูปไปให้ดูทางโทรศัพท์เขาบอกว่าเชย ผมก็เลยบอกดีไซน์เนอร์ให้เขาหาชุดใหม่มาให้ และผมก็สำรองด้วยการไปหาชุดของที่อื่นมาไว้อีก”
“พอวันงานเขามีถ่ายแบบตอนเช้า ผมก็ให้เด็กเอาชุดทั้งหมดไปให้ดู ซึ่งเขานัดไว้ 11 โมง เด็กผมก็ไปรอเขาตั้งแต่ 10.45 ไปถึงผู้จัดการบอกให้เด็กผมรอ เพราะว่าไปซื้อข้าวโพดให้พลอยอยู่ กว่าผู้จัดการจะกลับเข้ามาก็บ่ายโมงกว่า กว่าจะได้ลองก็บ่ายสองกว่าๆ เกือบบ่ายสาม พลอยถึงได้ออกมาฟิตติ้ง เขาก็ฟิตติ้งไปแค่ชุดเดียว และเขาก็เลือกชุดที่ผมอยากให้ใส่”
“ก็เข้าใจนะครับว่าเป็นซูเปอร์สตาร์ คุณดัง แต่ก็ต้องเข้าใจความรู้สึกของคนอื่นที่ทำงานเหมือนกัน ซูเปอร์สตาร์ก็เป็นคน ผมก็เป็นคน ลูกน้องผมก็เป็น คือแบบนี้มันหมายความว่าไง คุณเกิดมาจากประชาชน ประชาชนตั้งคุณให้เป็นซูเปอร์สตาร์ได้เพราะคะแนนนิยมที่คุณทำเอาไว้ คุณก็ควรเป็นแบบอย่างที่ดี คุณเคยบอกเอาไว้ว่า พลอยไม่ใช่แม่ชี พลอยไม่ใช่นักการเมือง พลอยไม่ใช่นายกฯ พลอยไม่ต้องทำตัวดีก็ได้ แต่อย่างน้อยความมีสามัญสำนึกเนี่ยเป็นมนุษย์ที่ทำงานในวงการร่วมกัน ก็ควรจะเกรงใจในการทำงานซึ่งกันและกัน”
“เรื่องความพร้อมในการร่วมงานนะครับ คุณพลอยมาถึงราวๆ 5 โมงเย็น ผมเห็นพลอยมาก็พุ่งเข้าไปหาพลอย สวัสดีครับพลอยพี่อาร์ทเอง พลอยไปบล็อกกิ้งก่อนไหม(กำหนดจุดที่จะต้องโพสต์) เพราะงานเราจะเริ่มประมาณ 6 โมงกว่าๆ นักแสดงจะต้องมาบล็อกกิ้งก่อน พลอยบอกว่า พลอยยังไม่ได้กินข้าวเลยค่ะ พลอยทำงานมาตั้งแต่เช้าแล้ว ผมก็โอเค ปล่อยพลอยไปกินข้าว”
“กลับมาอีกทีก็คืองานจะเริ่มแล้ว ถามว่าผมบล็อกกิ้งพลอยได้ไหม ผมบล็อกกิ้งไม่ได้ก็ได้ แต่บอกว่ามันมี 5 จุดนะบนเวที ก็โอเคครับงานก็ผ่านราบรื่นไปด้วยดี พลอยเขามืออาชีพอันนี้ก็ต้องยกย่องเขา เขาไม่มาบล็อกกิ้งแต่ก็เดินได้ตามจุดอาจจะมีผิดพลาดบ้างเล็กๆ น้อยก็เป็นธรรมดาของการทำอีเว้นต์”
“เรื่องชุดก็เหมือนกันเขาบอกว่า มันไม่เข้ากับทรงผมของเขาที่เซอร์ๆ ซึ่งเป็นทรงผมที่เขาทำมาจากงานถ่ายแบบเขาจะขอเปลี่ยนชุด ผมก็โอเคต้องเปลี่ยนธีมงานให้เขา ผมก็เอาชุดที่เขาจะใส่ให้ ซึ่งชุดนั้นเขายังไม่ได้ลอง แล้วก็เอาชุดอื่นๆ ให้ด้วยเผื่อมันไม่พอดี ก็จัดห้องให้เขาที่ชั้น 14 และผมก็ให้ช่างหน้าช่างผมไปสแตนด์บายรอ เขาก็บอกว่าเขาไม่เอา แล้วผมก็ให้ผู้ช่วยผมไปนั่งเฝ้าเขาอยู่เพื่อรออำนวยความสะดวก เพราะเขาเป็นดาวของงานนี้ผมก็ต้องให้เกียรติเขาเต็มที่”
“ทีนี้ผมเขายุ่งนิดหน่อย ช่างผมของผมก็นำเสนอให้ว่า ช่วยดูให้ไหม เขาก็บอกว่า พี่เป็นช่างผมเหรอไดร์ผมเป็นไหม ช่างผมก็บอกไปว่า พี่เป็นช่างผมค่ะคุณน้อง พอหลังเลิกงาน เขาก็มาเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง ส่วนเรื่องเสื้อผ้าปรากฏว่าชุดที่พลอยเลือกพลอยใส่ไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องกลับมาใส่ชุดที่ผมเลือกให้อยู่ดี ซึ่งผมก็เข้าใจเขานะครับ เพราะงานวันนั้นมันเป็นงานประกวดหาพรีเซ็นเตอร์ ก็จะมีแต่เด็กๆ เขาก็อาจจะมีความกังวลกลัวดับ ก็เลยอยากจะทำผมสบายๆ ดูเด็กๆ หน่อย”
“เราเป็นคนในวงการเดียวกันนะครับ แต่สื่อกระแสทุกอย่างมันเหมือนกับว่า ผมเป็นคนผิด เป็นคนแย่ บริษัทผมเป็นคนไม่ดี มันเสียหายมาก เขาพูดได้ยังไง ผมไม่มีสิทธิ์ไม่มีเสียง ผมไม่ใช่คนดัง ผมต้องทำยังไงพี่ ผมก็ต้องออกมาเรียกร้องสิทธิ์ของผมเหมือนกันว่า จริงๆ แล้วคุณควรจะฟังก่อนนะว่าเรื่องราวเป็นยังไง”
“ปัญหาเรื่องนี้มันเกิดจากเฟซบุ๊ก เขาก็ควรจะไปดูเฟซบุ๊กว่า ผู้จัดการดาราชั้นเลวนี่มันเฟซบุ๊กของผมหรือเปล่า เขาต้องรู้จักผมนะครับ เพราะในเฟซบุ๊กนั่นมันไม่ใช่หน้าผม มันผิดฝาผิดตัว และคนที่เขียนเขาก็ไม่ได้เอ่ยชื่อหรือต่อว่าคุณพลอยโดยตรง ปกติมันก็มีการเขียนอย่างนี้มากมายอยู่แล้ว นาง ก.นาง ข. นาง ง. พอนักข่าวไปเห็นไปถาม เขาก็ตอบปุ๊บ มันก็เลยเป็นเรื่อง ผมก็แนะนำให้คุณพลอยไปพูดกับทางนั้นดีกว่า เพราะมันไม่ใช่เฟซบุ๊กผม”
ที่ผ่านมา “พลอย” เคยมีข่าวทะเลาะกับหลายๆ คน ตรงนี้ “อาร์ท” บอกว่าทราบดี แต่ไม่คิดว่าจะเจอกับตัวเอง รู้สึกผิดหวังเพราะเคยมองพลอยเป็นไอดอล
“ผมก็ทราบมาว่าเขามีชื่อเสียงทางด้านนี้อยู่แล้ว ผมก็ไม่คิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้ เพราะผมก็เคยร่วมงานถ่ายแบบกับน้องเขามาเมื่อปีสองปีนี่แหละ เขาก็เป็นคนนารักดี ตอนหลังเขามาเล่นเป็นแม่หญิงเรไร ผมก็ยิ่งชอบเขาเข้าไปใหญ่ กลับบ้านนี่ผมต้องรีบเปิดดูละครเขานะ ชอบอ่ะ ไอดอลอ่ะ แต่พอเจอแบบนี้ก็ผิดหวัง”
“เหตุการณ์ครั้งนี้กระทบกับผมมาก ก็ไม่รู้จะกระทบไปถึงงานประจำผมหรือเปล่า ลูกค้าก็โทร.มาถามว่าเกิดอะไรขึ้น ครอบครัวก็ถาม ผมก็ไม่รู้ว่าต่อไปลูกค้าจะจ้างผมไหม ดาราเขาจะร่วมงานกับผมไหม พิธีกรเขาจะมางานให้ผมไหม เพราะมีข่าวว่ามีปัญหาเรื่องเงิน ทำให้ผมต้องออกมาอธิบายและให้ข่าว โดยวันนี้ผมจะจัดแถลงข่าวตอน 2 ทุ่ม ที่ร้านเซต้าอาร์ซีเอ ก็อาจจะดึกซักหน่อย เพราะผมมีงานก่อนหน้านี้”
“จริงๆ วันนี้ก็มีงานของคุณพลอยนะครับ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะให้สัมภาษณ์อะไร ผมก็เตรียมตัวรับกับสถานการณ์เต็มที่ ผมปรึกษากับทนายเรียบร้อยแล้ว ถ้ามีปัญหาก็คงจะใช้กฎหมายตัดสิน เพราะผมคิดว่าคุณพลอยคงจะไม่จบกับผมง่ายๆ ที่ผ่านมาผมไม่เคยไปว่าเขาหรือไปให้ข่าว แต่เขาออกมาให้สัมภาษณ์รายการทีวี หนังสือพิมพ์ สื่อออนไลน์ ทั่วไปหมดเลยเอ่ยชื่อบริษัทผม”
“มันก็เป็นไปได้ครับว่าเขาอาจจะเข้าใจผิด ก็เลยมาว่าผม แต่คุณพลอยก็ควรจะดูด้วยนะครับว่าเป็นเฟซบุ๊กของใคร และก็ไปว่าให้ถูกประเด็น ถ้าอยากจะว่าผม มาว่าผมเลยผมพร้อม เขาไม่โทร.มาถามผมซักคำว่าผมโพสต์หรือเปล่า และถ้าจะว่าคนที่เขียนเฟซบุ๊กก็ไปหาเขาเลย แต่อย่าพาดพิงถึงบริษัทผม ส่วนที่เขาบอกว่าจะไม่ร่วมงานด้วยแล้ว ผมก็ไม่คิดว่าจะร่วมงานกับเขาอยู่แล้ว ที่เขาบอกว่า ผมเป็นเด็กให้ไปเล่นกับเด็กข้างบ้านดีกว่า แต่ผมว่าเขาทำแบบนี้เขาเด็กมากกว่า ผมก็อยู่ในที่ของผมไม่มีสิทธิ์ไม่มีเสียง ผมอยู่ในที่มืดๆ เขาอยู่ในที่สว่าง แต่เขากลับใช้ที่สว่างของเขาเนี่ยมาทำร้ายผม เขาชกผิดหน้าผิดตัวครับ และมันบังเอิญมาเฉี่ยวผม และมันก็โดนดั้งจมูกผม ผมก็เลยต้องมาหาหมดก็คือพี่ๆ นักข่าวนี่แหละครับ”
ที่มา: manager.co.th