“เสนาหอย” เผยโทรเคลียร์พร้อมขอโทษ “แอนนา” แล้ว ที่ทำให้ร้องไห้ บอกยังมีเรื่องไม่เข้าใจกัน คงต้องใช้เวลาศึกษาอีกนาน ยันไม่คิดเปลี่ยนตัวเองเพื่อใคร และไม่สนข่าวลือของฝ่ายหญิงที่ออกมาก่อนหน้านี้ วอนทุกคนอย่ามองอีกฝ่ายร้องไห้สร้างกระแส ตั้งใจมาเกาะตนดัง
กลายเป็นผู้ชายใจร้ายไปซะแล้ว สำหรับพิธีกรอารมณ์ดี “เสนาหอย เกียรติศักดิ์ อุดมนาค” ที่ปล่อยให้ว่าที่หวานใจอย่างนางแบบสาว “แอนนา รีส” ออกมาร้องไห้คร่ำครวญต่อหน้าสื่อ โดยเผยว่าเสียใจที่ฝ่ายชายแอบควงสาวอื่นเที่ยวสงกรานต์ ซึ่งเป็นการกระทำเหมือนไม่ให้เกียรติตน พอ “เสนาหอย” รู้ข่าวถึงกับตกใจ ออกอาการงงไม่เข้าใจเหตุผลที่ฝ่ายหญิงร้องไห้ บอกว่าจะรีบโทรไปเคลียร์อีกฝ่ายเป็นการด่วน
ซึ่งล่าสุด “เสนาหอย” ก็ออกมาเผยว่า ได้โทรไปเคลียร์กับ “แอนนา” เรียบร้อยแล้ว ซึ่งมีทั้งเรื่องที่เข้าใจและไม่เข้าใจกันอีกเยอะ ยังคงต้องใช้เวลาศึกษาและดูใจกันไปอีกนาน
“เมื่อคืนผมรีบโทรไปคุยกับน้องเขาว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วก็ถามว่ามีอะไรที่ยังไม่เข้าใจ คือมันก็มีทั้งเรื่องที่ไม่เข้าใจและเข้าใจ ก็ต้องอาศัยเวลาไปเรื่อยๆ จริงๆ แล้วผมเป็นคนยังไง ผมก็บอกน้องเขาแล้วว่า เป็นคนอย่างนี้อยู่เสมอ ผมจะไปไหนยังไง ก็บอกน้องเขาแล้วว่าผมจะไป ส่วนถ้าน้องเขาจะไปไหนกับใคร ไปทำอะไรกับใคร ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ตอนนี้คงต้องอาศัยเวลา เพราะคบกันมาไม่นาน ซึ่งใช้คำว่าคุยดีกว่า ยังใช้เวลาไม่เต็มที่เลย ผมขอออกตัวเองว่าคงยังไม่แต่งงาน ผมยังสนุกกับอย่างนี้อยู่ แต่น้องเขารู้สึกไม่สบายใจ ผมก็ขอโทษเขาก่อนว่า ถ้าทำอะไรให้แอนนาไม่สบายใจ พี่ขอโทษแล้วกัน เพราะพี่เป็นคนอย่างนี้อยู่แล้ว”
“ส่วนเรื่องสงกรานต์เราก็เจอกัน ก็มีน้องๆ ถามวันนี้พี่พาใครไปวะ ผมไปงานสงกรานต์วันแรกก็เจอเขา ผมก็ชวนแล้วว่าอยู่ด้วยกันไหม เขาก็บอกไม่เป็นไรจะรีบกลับบ้าน มีงานหรืออะไรสักอย่าง ผมก็อยู่กับน้องๆ ที่ออฟฟิศจนถึงวันศุกร์เลย อันนี้ทุกคนรับรองได้ แต่ผมจะคุยบีบีกับใคร บีบีมันก็เป็นเครื่องมือสื่อสารที่เรารู้จักกันดีอยู่แล้ว ก็คุยสนุกสนานกันไป มันเป็นอย่างนี้ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ซึ่งเรื่องนี้เราก็คุยกันแล้วว่าจะเป็นอย่างนี้”
เปรยไม่รู้อนาคต แต่ตนจะพยายามทำความสัมพันธ์นี้ให้ดีที่สุด พร้อมวอนอย่ามองฝ่ายหญิงตั้งใจร้องไห้สร้างกระแสมาเกาะตนดัง
“หลังจากเคลียร์กัน มันก็มีทั้งเรื่องที่เข้าใจ และเรื่องที่ต้องใช้เวลา ไม่รู้ว่าเวลาต่อไปมันจะเกิดอะไรขึ้น แต่ผมก็จะทำให้ดีที่สุดแล้วกัน ผมบอกว่าน้องใจเย็นๆ นะ พี่เข้าใจว่าน้องโกรธ พี่ก็ขอโทษ เราเป็นผู้ชายต้องขอโทษก่อน คุณแม่สอนไว้ว่ายังไงต้องขอโทษก่อน เขาอาจจะไม่เข้าใจว่า อ๋อ..พี่หอยเป็นอย่างนี้ เหมือนที่บอกว่าคุยกันไปเรื่อยๆ แล้วจะเห็นนิสัยกัน เขาอาจจะไม่ชอบผมแล้วก็ได้ แต่ที่น้องเขาบอกว่าห่างกันไป ผมก็ยังไม่รู้นะ ผมก็บอกว่าก็คุยกันไป ถ้าอะไรดีขึ้นก็ใช้เวลาอธิบายตรงนี้ไป ใช้เวลาคุยกันมากขึ้น แล้วอะไรที่จะดีขึ้นก็ดีขึ้น ถ้าสมมติมันไม่ไหวจริงๆ ก็ขอโทษด้วยแล้วกัน ไม่อยากให้เสียเวลาหรอก”
“แต่ถ้าจะบอกว่า น้องเขาออกมาร้องไห้เพื่อสร้างกระแส อันนี้ผมขอร้องเถอะ อย่าใช้คำนี้กับน้องเขาเลย คือผมไม่เคยคิดเลย ซึ่งผมก็ไม่ได้ดังมาก ผมไม่ใช่โดม ปกรณ์ ลัม นะ หน้าตาผมไม่ถึงขนาดนั้น เขาอาจจะเป็นผู้หญิงที่แสดงออกอย่างรวดเร็ว คิดอะไรพูดอย่างนั้น ผมเลยอ๋อน้องเขาเป็นคนอย่างนี้ อาจจะเป็นคนใจเร็วพูดไป”
“เขาเคยบอกว่า เวลาหนูไปออกงานหรือไปทำงาน แล้วเจอพี่นักข่าวถามหนูก็เครียด เพราะบางทีก็พูดไปเลย ผมก็บอกเขาไปตั้งแต่แรกแล้วว่า รู้สึกยังไงก็พูดอย่างนั้นไปเลย ไม่เป็นไร ผมก็ไม่คิดว่าน้องเขาจะต้องอาศัยผม เพราะน้องเขาก็มีชื่อเสียงของน้องเขาอยู่แล้วทางด้านของเขา ผมก็ทางด้านของผม ไม่เคยคิดนะ ซึ่งเมื่อวานผมงงเลย ตั้งแต่ผมเข้าวงการมา 20 ปี ไม่เคยมีกล้องมาจับผมเยอะขนาดนี้มาก่อน ผมน่าจะเกาะเขาดังหรือเปล่าหรือยังไง(หัวเราะ)”
บอกไม่คิดเปลี่ยนตัวเองเพื่อใคร และตนไม่เคยสนใจข่าวที่ผ่านมาของอีกฝ่ายเลย
“น้องเขาพูดอยู่คำนึงว่า คำว่าแฟนของพี่ กับคำว่าแฟนของน้องอาจจะสะกดไม่เหมือนกัน ผมว่าน่าจะเป็นแบบนั้นเหมือนกัน ซึ่งพอเริ่มมีคำว่าสะกดไม่เหมือนกันแล้ว ผมก็เลยต้องอธิบายเขาว่า เราจำคำวันแรกที่คุยกันนะว่า เราจะใช้ชีวิตยังไง เราคุยกันไปแล้ว เราจะใช้ชีวิตแบบไหน มันเลยต้องใช้เวลา”
“สมมติใช้เวลาประสาน มันเป็นไปไม่ได้มันก็เป็นไปไม่ได้อยู่ดี ผมก็ขอโทษเป็นสิบคำ เฮ้ย..พี่ขอโทษๆ เป็นสิบครั้ง แล้วก็บอกว่าพี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ข้างหน้าจะเป็นยังไง แต่เราก็ลองคุยกัน คุยกันเยอะๆ เพราะเราไม่ได้คุยกันตั้งหลายวัน เพราะทำงาน แล้วเขาก็ไปทำบุญ สัญญาณโทรศัพท์ก็ไม่มีอย่างที่เขาบอก”
“ตัวผมเองก็บอกว่า อย่ามาเปลี่ยนอะไรเพื่อใครเลย ผมก็ไม่เปลี่ยนเหมือนกัน น้องเขาก็ไม่ต้องเปลี่ยนนะ มีนักข่าวบางคนมาบอกว่าแอนนาเป็นอย่างนี้ ผมไม่ฟัง ผมไม่สนใจ ถ้าคุยกับผมแล้วจะเริ่มที่ศูนย์เดซิเบล ผมไม่ฟังอะไรทั้งนั้น ข่าวอะไรของเขาก็มี แต่ผมก็ไม่สน”
“แต่ที่เขาว่าผมไม่ให้เกียรติเขา ผมว่าอาจจะเป็นคำที่พูดออกมา แล้วเป็นที่ผมใช้ชีวิตเป็นประจำอยู่แล้ว ผมไปไหนไม่เคยหลบซ่อน ถ้าผมจะกินข้าวกับสาวคนไหน ผมไม่เคยมาบอกว่าน้องไปเจอกันที่โรงหนังนะ เดี๋ยวพี่เดินตามเข้าไป หรือไปกินข้าวน้องเดินเข้าไปก่อนแล้วก็นั่งคนละโต๊ะ ห่างกันนิดนึง ผมพูดเสมอว่าไม่เคยเป็นคนแบบนั้น มันอาจจะเป็นตรงนี้ที่ว่าเขาอาจจะรับไม่ได้ คือถ้าใครเคยเห็นผมสัมภาษณ์ ผมก็พูดเสมอว่าเป็นอย่างนี้ แต่ผมก็ขอโทษเขานะว่า พี่ไม่รู้ว่าสิ่งที่พี่ทำจะทำให้น้องเสียใจ”
ที่มา: manager.co.th