“ฟิล์ม” ยัน “พจน์ อานนท์” ไม่ได้อมเงินค่าตัวหนัง “รักเอาอยู่” เพราะหุ้นกันทำหนังอยู่แล้วทำให้ไม่ได้ค่าตัว คาดแซวเล่นกันผ่านสื่อเลยกลายเป็นประเด็น เผยรู้สึกเสียเซลฟ์ที่หนังไม่ประสบความสำเร็จอยู่ ขอสั่งสมประสบการณ์ก่อนทำเรื่องต่อไป ไม่สนใจกรณี “แอนนี่ บรู๊ค” หนีนักข่าวที่ศาลเชื่อไม่มีใครหนีความจริงพ้น “ฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์" ลงขันร่วมหุ้นเปิดบริษัทผลิตภาพยนตร์เรื่อง “รักเอาอยู่” กับ “พจน์ อานนท์" แต่รายได้ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร แถมยังมีข่าวเม้ากันอีกว่าหนุ่มฟิล์มโวยวาย นักปั้นชื่อดังอมเงินค่าตัวไม่ได้รับค่าตัวแสดงภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว งานนี้หนุ่มฟิล์มก็ออกมาชี้แจงว่าไม่ใช่เรื่องจริง เนื่องจากตนก็เป็นผู้บริหารร่วมหุ้นในการทำภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่แล้วจึงไม่ได้รับค่าตัว
“เรื่องนี้ผมก็ได้ยินมาหลายวันแล้วก็ขำๆ ตลกอยู่ว่าไปมีเรื่องกันตอนไหน จริงๆ เราหุ้นกันทำหนัง เราก็หุ้นกันไปเรียบร้อยแล้ว ไม่เกี่ยวว่าต้องมาให้ค่าตัว พี่พจน์ก็เป็นเหมือนพี่ชายผม เราทำงานร่วมกันเราทำหนังด้วยกันแค่นั้นเอง และผมก็งงว่าข่าวออกมาได้ยังไง แต่ส่วนตัวผมก็ตลกๆ ยืนยันเราไม่มีปัญหากันเรื่องเงินเลย จริงๆ พี่พจน์เขามีแต่ให้ทั้งนั้น ซึ่งข่าวที่ออกมาผมก็คิดว่ามันมาจากที่เราคุยเล่นกันมากกว่า เวลาไปออกรายการ หรือไม่ก็เป็นช่วงที่เราไปโปรโมทหนังก็ตาม ก็จะแกล้งกันว่าอมค่าตัวบ้าง ตามประสาคนทำงานด้วยกัน ก็ถ้าทำให้ใครเข้าใจผิด ก็ต้องขอโทษ”
“สำหรับโอกาสที่จะทำหนังอีกครั้ง ก็คงเป็นเรื่องในอนาคตรอให้พร้อมก่อน เพราะที่ผ่านมาเราหวังมากเกินไปแล้วได้มาไม่เหมือนที่หวังก็เลยเสียเซลฟ์ และโทษตัวเองว่าเขียนบทไม่ดีมันก็เลยรู้สึกนอยด์ๆ ยืนยันทำงานกับพี่พจน์ อานนท์ แฮปปี้มาก เรื่องต่อไปก็คงต้องสะสมประสบการณ์ให้มากยิ่งขึ้น และเวลาที่ต้องลงจอเราต้องดูดีๆ แต่ความจริงผมก็ยังอยากทำตามความฝันต่อ ถามว่าเป็นเพราะ พี่พจน์ กับผม ทำหนังกันคนละแนวหรือเปล่าก็อาจจะใช่ ตอนที่เราร่วมงานกันเราก็ทะเลาะกันบ่อย แต่ทะเลาะกัน ก็จะจบที่ประชุมทุกครั้ง ไม่มีมาทะเลาะกันนอกเหนือจากนั้น ความเป็นพี่เป็นน้องก็ยังแน่นเฟ้นกันเหมือนเดิม”
บอกไม่ทราบ “แอนนี่ บรู๊ค” หนีนักข่าวที่ศาลเพราะไม่ได้สนใจ ลั่นไม่มีใครหนีความจริงพ้น
“เรื่องนี้ผมไม่ทราบเลยเพราะข่าวพี่พจน์ดันแรงกว่า ผมก็เลยไม่ค่อยรู้เรื่องข่าว ผมไม่รู้จริงๆ และเขาก็ไม่เคยมาคุยอะไรกับผม แต่ผมก็ยังไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ เพราะว่าไม่ค่อยได้ใส่ใจเท่าไหร่ ข่าวเขาจะขึ้นศาลเมื่อไหร่ยังไง ผมก็ไม่ค่อยได้ติดตาม เรื่องของเขา เพราะผมต้องทำงาน แต่ส่วนใหญ่ที่รู้นะก็จะเป็นเพราะถูกพาดพิงตลอด ก็จะมีคนมารายงานให้ทราบตลอด สำหรับคดีกับพี่พจน์ก็จบไปแล้วไม่มีอะไรแล้ว ผมก็ดีใจแทนพี่เขาด้วย ซึ่งจริงๆ แล้วมันไม่มีอะไร เป็นความจริงทั้งนั้น คนเราหนีความจริงไม่ได้อยู่แล้ว และผมก็ไม่เคยหนีความจริงอยู่แล้ว”
ที่มา: manager.co.th