เปิดตัวแล้วสำหรับซอฟต์แวร์สร้างงานเอกสาร “ไมโครซอฟท์ออฟฟิศ 2013 (Microsoft Office 2013)” เวอร์ชันใหม่ล่าสุด ชู 3 จุดเด่นคือ การปรับให้ระบบสามารถทำงานออนไลน์ได้อย่างไร้รอยต่อ-รองรับไฟล์ต่างค่ายได้เสรีมากขึ้น-รองรับหน้าจอสัมผัส เตรียมพร้อมผนึกในระบบปฏิบัติการ Windows 8 สำหรับแท็บเล็ตและพีซีเพื่อจำหน่ายภายในช่วงปีหน้า ไมโครซอฟท์ออฟฟิศนั้นเป็นโปรแกรมสร้างงานเอกสารที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 1 พันล้านคนทั่วโลก โดยถูกติดตั้งบนคอมพิวเตอร์ของหน่วยงานธุรกิจมากกว่า 90% ที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ออฟฟิศเป็นหนึ่งในสินค้าหลักที่ทำเงินให้ไมโครซอฟท์มากกว่า 1.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐต่อปี
ล่าสุดไมโครซอฟท์เปิดรายละเอียดโปรแกรมออฟฟิศเวอร์ชันใหม่ในชื่อออฟฟิศ 2013 ที่ซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา โดยสตีฟ บอลล์เมอร์ (Steve Ballmer) ซีอีโอไมโครซอฟท์ประกาศว่าออฟฟิศ 2013 นั้นเป็นซอฟต์แวร์เจเนอเรชันใหม่ที่ผสานความสวยงามและการใช้งานลักษณะเดียวกับที่ไมโครซอฟท์สร้างสรรค์ให้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8 (สำหรับคอมพิวเตอร์พีซี) และระบบปฏิบัติการวินโดวส์โฟน (สำหรับสมาร์ทโฟน)
งานนี้ซีอีโอไมโครซอฟท์ระบุว่า ออฟฟิศ 2013 เป็นเวอร์ชันที่พัฒนายากที่สุดที่ไมโครซอฟท์เคยพัฒนามา โดยออกแบบให้ตรงความต้องการของกลุ่มนักเรียน ครอบครัว และผู้บริโภคทั่วไปที่ต้องการใช้งานเชิงธุรกิจ
โปรแกรมย่อยในออฟฟิศ 2013 ทั้งโปรแกรมประมวลผลคำ Word, โปรแกรมรับส่งเมล Outlook, โปรแกรมงานคำนวณ Excel, โปรแกรมช่วยบันทึก OneNote และโปรแกรมงานนำเสนอ PowerPoint ล้วนถูกพัฒนาให้สามารถทำงานบนอุปกรณ์หน้าจอสัมผัสได้ดีขึ้น ผลจากอุปกรณ์หน้าจอสัมผัสถูกใช้งานแพร่หลายทั้งโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ต ซึ่งการสำรวจล่าสุดพบว่า ชาวออนไลน์มากกว่าครึ่งนั้นมีอุปกรณ์หน้าจอสัมผัสมากกว่า 3 อุปกรณ์
ไมโครซอฟท์ระบุว่า การสำรวจพบว่าชาวออนไลน์มากกว่า 60% ระบุว่าใช้งานอุปกรณ์เดียวกันในการทำงานและจัดการชีวิตส่วนตัว ดังนั้นไมโครซอฟท์จึงต้องปรับปรุงให้ออฟฟิศ 2013 สามารถรองรับการทำงานกับหน้าจอสัมผัสได้ดีขึ้น ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้ทั้งบนพีซีและแท็บเล็ต
ครั้งนี้ไมโครซอฟท์ปรับให้ออฟฟิศ 2013 รองรับไฟล์ต่างค่ายให้ยืดหยุ่นมากขึ้น เช่นในโปรแกรม Word ผู้ใช้จะสามารถแก้ไขไฟล์นามสกุล PDF และบันทึกกลับเป็นฟอร์แมตของค่ายอะโดบี (Adobe) ได้เช่นเดิม ขณะเดียวกันก็ปรับปรุงให้ผู้ใช้สามารถแนบคลิปวิดีโอของยูทิวบ์ (YouTube) ได้ง่ายขึ้น
ที่น่าสนใจคือ ไมโครซอฟท์ปรับให้ผู้ใช้สามารถอ่านเอกสารได้บนทุกอุปกรณ์ตั้งแต่สมาร์ทโฟนถึงพีซี โดยโปรแกรมจะช่วยจัดหน้าเอกสารให้เข้ากับขนาดหน้าจออุปกรณ์ที่แตกต่างกันโดยอัตโนมัติ และหากผู้ใช้เปิดอ่านหรือแก้ไขเอกสารค้างอยู่ตำแหน่งใด ผู้ใช้จะสามารถอ่านเอกสารในตำแหน่งนั้นเมื่อมีการเปิดขึ้นใหม่บนอุปกรณ์ใดๆ ก็ตาม
เคล็ดลับที่ทำให้ออฟฟิศ 2013 สามารถจำข้อมูลตำแหน่งล่าสุดของหน้าเอกสารที่ถูกเปิดได้ คือข้อมูลตำแหน่งจะถูกซิงก์หรือเชื่อมไปยังคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะและแท็บเล็ตผ่านบัญชีผู้ใช้ที่ผูกกับบริการออนไลน์ SkyDrive โดยอัตโนมัติ ซึ่งโปรแกรมย่อยในออฟฟิศ 2013 จะล้วนสามารถผูกกับ SkyDrive เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเอกสารได้ทุกที่ทุกเวลา
ในส่วนโปรแกรม Outlook ข้อมูลปฏิทินงานและรายละเอียดข้อมูลผู้ติดต่อถูกนำมาแสดงไว้ที่หน้าหลักสำหรับแสดงอีเมล ทั้งหมดนี้ไมโครซอฟท์ให้ชื่อคุณสมบัติว่า “Peeks” เพื่อเป็นตัวช่วยให้ผู้ใช้สามารถเรียกดูการนัดหมายบนปฏิทินและรายชื่อผู้ติดต่อที่เกี่ยวข้องได้จากเพจเดียว
โปรแกรมนำเสนองาน PowerPoint ถูกปรับให้การแทรกไฟล์จากบริการอื่นทำได้ง่ายขึ้น ขณะเดียวกันก็ปรับให้ผู้ใช้สามารถฉายเอกสารไปจนฉากโดยที่ผู้พูดสามารถดูโน้ตที่บันทึกไว้ในแต่ละสไลด์บนแท็บเล็ตหรือพีซีได้พร้อมกัน
โปรแกรมบันทึก OneNote จะสามารถจดจำลายมือผู้เขียนได้ทั้งจากการสัมผัสด้วยนิ้วหรือการใช้ปากกาสไตลัส ซึ่งจะทำให้การจดบันทึกบนอุปกรณ์พกพาทำได้ง่ายโดยไม่ต้องพึ่งพาคีย์บอร์ดหรือเมาส์คอมพิวเตอร์ตามปกติ
งานนี้ไมโครซอฟท์ไม่ได้มองข้ามการปรับปรุงด้านเครือข่ายสังคม ซึ่งมีบทบาทมากขึ้นในองค์กรธุรกิจยุคดิจิตอล สิ่งที่ไมโครซอฟท์ทำคือการเปิดทางให้ผู้ใช้สามารถติดตามงานหรือเอกสารที่เพื่อนร่วมงานทำอยู่ ในลักษณะเดียวกับการติดตามเรื่องราวของเพื่อนฝูงบนเฟซบุ๊ก จุดนี้เป็นผลจากการซื้อกิจการเครือข่ายสังคมนาม Yammer ด้วยเงิน 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ และการซื้อกิจการบริการ โทร.ผ่านอินเทอร์เน็ตอย่าง Skype ซึ่งจะทำให้ระบบโทรศัพท์และระบบแชตถูกฝังไว้โดยตรงกับซอฟต์แวร์ออฟฟิศ
ทั้งหมดนี้ นักวิเคราะห์จากฟอร์เรสเตอร์รีเสิร์ช ซาราห์ รอตแมน อิปป์ส (Sarah Rotman Epps) มั่นใจว่าออฟฟิศ 2013 จะเป็นซอฟต์แวร์ที่สามารถทำยอดจำหน่ายถล่มทลายเพราะคุณสมบัติใหม่ที่ล้วนออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ชาวดิจิตอล แต่ออฟฟิศ 2013 ก็ยังมีความเสี่ยงเพราะคู่แข่งของไมโครซอฟท์รุกคืบไปพัฒนาคุณสมบัติด้านอุปกรณ์พกพาก่อนแล้ว และให้บริการฟรีหรือคิดค่าบริการต่ำมากมาก่อน
การเปลี่ยนแปลงของออฟฟิศ 2013 ถูกมองว่าเป็นการตอบโต้ชุดซอฟต์แวร์เอกสารออนไลน์อย่าง Google Apps ซึ่งให้บริการบนเว็บไซต์กูเกิลโดยมีค่าธรรมเนียมต่ำกว่า 50 เหรียญสหรัฐต่อผู้ใช้ต่อปี จุดนี้ไมโครซอฟท์ส่งผลิตภัณฑ์อย่าง Office 365 ลงมาแข่งขันอย่างเต็มตัวในราคาเท่ากัน โดยในอนาคต ไมโครซอฟท์ระบุว่าจะวางจำหน่ายโปรแกรม Office 2013 ในฐานะซอฟต์แวร์ที่ทำงานเชิงเดี่ยว (standalone) และจะจำหน่ายในรูปแบบสมาชิกควบคู่กันไป ซึ่งล่าสุดไมโครซอฟท์ยังไม่เปิดเผยกำหนดการเปิดตัว Office 365 สำหรับผู้ใช้ iPad แต่คาดว่าจะมีการพัฒนาให้รองรับแพลตฟอร์มอื่นด้วยต่อไป
ทั้งหมดนี้ถือเป็นความคืบหน้าล่าสุดของโปรแกรมออฟฟิศ 2013 โดยช่วง 9 เดือนตั้งแต่กรกฎาคม 2554 ถึงมีนาคม 2555 แผนกซอฟต์แวร์ออฟฟิศสามารถทำกำไรจากการดำเนินงานได้ถึง 1.16 หมื่นล้านเหรียญ คิดเป็นสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของกำไรไมโครซอฟท์
Company Related Link :
Microsoft Office
ที่มา: manager.co.th