“ไชยา มิตรชัย” ทุ่มสุดตัว โชว์ลิเกไฮเทคใจกลางเมือง สั่งเพชรสวารอฟสกี้ประดับชุด ตกราคาชุดละ 5 แสน บอกงานนี้ยอมไม่ได้ พร้อมกับเผยกำลังจะมีละครทางช่อง 3 ตอนนี้เขียนพลอตเรื่องอยู่ เป็นพระเอกลิเกเงินล้านขวัญใจแม่ยกสำหรับ “ไชยา มิตรชัย” ที่ได้รับความนิยมไม่เคยตก ครั้งนี้เจ้าตัวมาเชิญชวนให้ทั้งแม่ยกและคนทั้งประเทศได้มาชม “ลิเกไฮเทค” ที่การท่องเที่ยวจัดแสดงกลางใจเมืองในวันที่ 20 - 22 กรกฎาคม นี้ ตั้งแต่เวลา 12.00 - 21.00 ที่ลานพาร์คพารากอน สยามพารากอน โดยพระเอกลิเกเงินล้านเป็นตัวแทนของคณะลิเกหลายๆ วงที่จะมาแสดงในงาน โดยได้กล่าวถึงการจัดงานครั้งนี้ว่า...
“กับการเล่นลิเกครั้งนี้ผมได้รับบทเป็นสังข์ทองครับ ตอนนี้ก็เริ่มท่องบทอะไรทุกสิ่งทุกอย่างหมดเลย บทจะเป็นบทใหม่หมดเลยเพื่อให้เข้ากับปัจจุบัน และด้วยไฟแสงสีฉากมีเดียจอแอลซีดีขนาดยักษ์ นำลิเกมาผสมผสานกับเทคนิคไลฟ์มัลติมีเดีย ที่เราต้องเล่นกับฉากเป็นแสงสีเสียง คือทุกคนต้องพร้อมหมด แล้วลิเกทั่วราชอาณาจักรต้องมารวมกันอยู่ตรงนั้น ผมหนักใจและผมเครียดมากนะ พอเห็นบทเพราะสังข์ทองมันทั้งร้องทั้งรำ และมันต้องรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีของเราเอาไว้ มันปรับให้เข้ากับยุคกับสมัยเป็นลิเกไฮเทคก็จริงแต่เราต้องจรรโลงเอาไว้ตรงนี้”
“แต่สิ่งที่ผมกลัวคือภาพที่ออกไปเพราะว่าตรงนั้นมันจะเป็นใจกลางของเมืองมันไม่ได้มีแต่คนไทย มันจะมีคนต่างชาติมาด้วย และมันมีปัญหาตรงที่ว่าเราเล่นแบบนั้นได้ย่อเรื่องเพื่อให้กระชับ เพราะเวลามันจำกัด 30 - 40 นาทีเราต้องมาปรับใหม่ มีออกแขกมีโชว์หน้าม่านมันไวมาก มันจะไม่ได้อรรถรส คนที่เคยดูลิเกครั้งแรกมันจะกลายเป็นว่าลิเกเล่นแบบนี้เหรอ อ๋อ...เดินเข้าเดินออกก็เป็นลิเกได้แล้วเหรอ จะห่วงตรงนี้ มันไม่ใช่มันต้องมีภาษากาย ภาษารำเข้าไป ก็ได้ปรึกษากันในเรื่องนี้ก็โอเค อย่างศัพท์ที่ต้องแปลให้ชาวต่างชาติเห็นก็ต้องเข้ากับเรื่องให้เข้าใจ”
“งานนี้ตัดชุดใหม่แต่ตัดเป็นประจำอยู่แล้ว กระเป๋าจะฉีกแล้วยิ่งงานแบบนี้ยิ่งยอมกันไมได้ นอกจากฉากจะไฮเทคชุดเราไฮเทคมาก เพราะเพชรพลอยแต่ละเม็ดที่ประดับที่ชุดผมมาจากนอกทั้งนั้นมาจากอิตาลีสวารอฟสกี้ เมื่อก่อนเพชรเราเป็นหนามเตยธรรมดา แต่คนตามกันหมดเล่นกันหมดเราต้องหาอะไรใหม่ เขาก็ถามนะว่าทำไมลิเกเมืองไทยใช้ขนาดนี้เลยเหรอ ซื้อที่นึงหลายครับ เพราะผมเอามาติดชุดนึงไม่มีช่องว่างเลยครับ เมื่อก่อนเอาเส้นตีตารางแต่ตอนนี้เอาเพชรตีตาราง สูงสุดในชุดผมที่อัดเข้าไป 5 แสน ไม่มีที่ลงแล้วในชุด”
“คนดูที่มาดูจะได้วัฒนธรรมไทยของเรากลับไปด้วย ได้ขนบธรรมเนียมการใช้ชีวิตของคนไทยเราอย่างดั้งเดิม เพราะว่าบางคนไม่รู้เลยว่าลิเกมาจากอะไร มาจากไหน และในงานมันไม่ได้มีแต่ลิเก มันจะมีแม่เพลง ซึ่งกำลังจะสูญหายไปแล้ว เพราะตอนนี้ไม่เหลือใครแล้ว ถ้าเราไม่รักษากันไว้ตรงนี้มันหมดแล้วนะลิเกมันจะหมด แต่โชคดีที่ยังมีคนเห็นคุณค่าเอามาจัดงานเพื่อไม่ให้หายไป คนดูจะได้อรรถรสที่ว่าเราทำไม่ได้สุขเอาเผากิน เพราะเราทำไปนอกจากจะโชว์คนในประเทศแล้วเรายังโชว์คนต่างประเทศให้เขาได้รู้ว่า ลิเกของเรายังสวยงามแบบนี้ ได้ความอลังการและความสวยงามแน่นอน เพราะผมก็ไม่เคยเล่น ผมทำของผมยิ่งใหญ่แล้วนะ พอมาเจออันนี้ผมก็หลบ”
“แต่ผมน้อยใจอยู่ว่าโขนได้ไปเล่นที่เมืองนอกเมืองนา แต่ผมไม่ได้ไปเล่น แต่เคยที่จะได้ไปเล่นแล้วตอนที่เป็นเด็กกำพร้าวัดสระแก้ว ตอนนั้นรัฐแคลิฟอร์เนียประเทศอเมริกาติดต่อมาให้ลิเกเด็กกำพร้าวัดสระแก้วไป แต่ผมติดงานในเมืองไทยเลยไม่ได้ ไป ผมไม่เคยไปเล่นลิเกที่ต่างประเทศเลยครับ แล้วคนที่เขาดูนะเขาจะหาดูในอินเตอร์เน็ตเอา อย่างที่ผมขายซีดีลิเกไม่ได้อยากจะทำเป็นธุรกิจแต่อยากให้คนต่างชาติได้รู้จัก”
เผยเรื่องงานละครเตรียมเขียนพล็อตละครให้ผู้จัด “ปิ่น ณัฏฐนันท์ ฉวีวงษ์” ค่ายทีวีซีน
“งานเดี๋ยวมีเรื่องพันท้ายนรสิงห์ของท่านมุ้ยครับ ยังไม่ออกยังไม่ได้ถ่ายเพราะว่าหยุดงานไป แล้วทีวีก็มีงานอีกนะมีรายการทีวีโทรเข้ามาก็ไม่ได้ไปให้เขา คือเราแค่หายไปจากจอเฉยๆ หายไปเพราะว่าตอนนี้น้อง(แอน มิตรชัย)ไม่อยู่ผมเลยต้องดูบริษัทอะไรทุกอย่างเองหมด และละครผมยังติดไว้อีกเรื่องหนึ่งยังบอกไม่ได้ว่าเป็นเรื่องอะไร แต่เป็นของช่อง 3 ของพี่ปิ่น ยังบอกไม่ได้ว่าเรื่องอะไร เพราะว่าผมยังไม่ได้สรุปกัน”
“คือพี่ปิ่นเขาให้ผมเขียนพล็อตเรื่องไป ผมคุยกับพี่ปิ่นว่าผมอยากทำเป็นแบบลิเกผี ผมจะไม่เอาตลกไม่เอาหนัก ให้เป็นเหมือนดราม่า งานผมเยอะมากในช่วงนั้น เยอะจนผมเกรงใจเขาเลยเกรงใจในขนาดที่ว่าเราไม่ได้เข้าไปมาหาสู่ด้วย เพราะว่าตอนนี้ทางวงยุ่งหมดเลย เพราะน้องไปกระทันหันพอดีเลย”
ส่วนน้องสาว “แอน มิตรชัย” ไม่ค่อยได้คุยกันเพราะติดต่อยาก ตอนนี้อยู่อินเดียโปรโมทหนัง
“ตอนนี้น้องอยู่อินเดียโทรหากันก็ไม่ติด ติดต่อยากครับเพราะผมก็หัวหกก้นขวิดอยู่กับงานลิเกผมเนี่ย คิดถึงน้องก็คิดถึงร้องไห้คิดถึงร้องไห้มาก แต่ที่ยอมให้ไปเพราะเป็นอนาคตของเขาเราเลยยอมให้เขาไปเราดึงเขาไว้ไม่ได้ มีผู้จัดการไปดูแลแอนส่งให้เขาไปที่นั่นด้วย แล้วผมเคยบินไปแอบไปดูน้อง น้องมาถ่ายที่ไทยก็ไปแอบดูข้างรั้วไปนั่งดูในรถตู้ไม่ได้เข้าไปหาให้แอนได้แสดงฝีมือและทำงานของเขาให้เต็มที่”
“น้องเองจะบินไปบินมา พอกลับมาผมอยู่อีกบ้านนึงก็ทำให้ไม่เจอกันอีก แล้วเขาไปหาพ่อก็ไม่เจอผมที่บ้านพอมาไม่เจอพี่มันก็ร้องไห้ ไม่เจอกันคุยกันครั้งล่าสุดเรื่องไหว้ครูโทรไม่ติดต้องฝากข้อความเออแอนพี่จะไหว้ครู แอนก็บอกพี่แอนต้องบินวันนี้หนูไปไม่ได้ เดี๋ยวหนูจุดธุปกลางแจ้งบอกพ่อแก่เอาน้ำตาเราซึมเลย แต่ก็เห็นใจน้องนะ แต่น้องเขาก็โอเคตอนนี้ปิดกล้องกำลังโปรโมทงานที่นั่นอยู่ น้องน่าจะบินกลับมาประมาณวันที่ 10 กว่าๆ เดือนนี้ แต่ก็ไม่แน่เพราะว่ากำลังมีหนังเรื่องใหม่มาจ่ออีก”
“แต่เดี๋ยวน้องกลับมาเล่นเป็นคู่พระนางกันอีกแน่นอน เพราะว่าไปครั้งนี้แอนไม่ได้ตั้งใจไปเล่นหนังแอนตั้งใจไปทำเพลง จริงๆ ไปทำดนตรีที่นั่นพอไปทำดนตรีไปอัดเสียงปั๊บผู้กำกับที่นั่นเขาไปเจอ พอเจอน้องเลยได้โอกาสพอโอกาสมาแล้วก็เลยส่งเขาไปเลย ก็บอกเออไปเลยไม่ต้องห่วงพี่เดี๋ยวทางนี้พี่จัดการทั้งหมด”
ที่มา: manager.co.th