“ตุ๊ก” รับเสียใจหย่า “บ๊วย” ตอนนี้เข้มแข็งแล้ว ยันตนไม่ได้อยากหย่า ปัดไม่รู้ข่าวบ๊วยเตรียมแต่ง “โม” บอกอีกฝ่ายมีสิทธ์อยู่แล้ว ก่อนปฏิเสธพาลูกหนีช้ำไปต่างประเทศ แจงแค่ไปเที่ยว เผยไม่สบายใจบ๊วยโดนด่าเยอะ พร้อมป้องกรณีให้สัมภาษณ์รักลูกไม่เท่ากัน คงไม่ได้คิดแบบนั้น แต่อาจจะเป็นเพราะอดีตสามีกังวงหลายเรื่องจนเรียงประโยคผิด หลังจากที่ “บ๊วย เชษฐวุฒิ วัชรคุณ” ได้ออกมาเปิดแถลงข่าวเรื่องหย่ากับ “ตุ๊ก ชนกวนันท์” ไปเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา และทำเอาคนทั้งประเทศอึ้งมาแล้วกับวลีกระทืบใจ “คนเป็นพ่อเป็นแม่รักลูกไม่เท่ากันอยู่แล้วครับ…” หลังบ๊วยถูกถามถึงข่าวลือที่ว่า จะเลือกดูแลแต่ลูกคนโต ลูกคนเล็กจะไม่ดูแลเพราะไม่สนิทจริงหรือไม่? จนเจ้าตัวโดนสังคมก่นด่าจนเสียศูนย์
อย่างไรก็ตาม ในส่วนสาเหตุที่ทำให้เตียงหัก บ๊วยได้ปัดที่จะตอบ โดยให้เหตุผลว่าเลยจุดนั้นมาแล้ว ส่วนข่าวขอหย่า “ตุ๊ก” หลังคลอดลูกคนเล็กได้ 20 วัน เจ้าตัวไม่รับไม่ปฏิเสธ อ้างเป็นเรื่องของสองคน พร้อมยืนยันการหย่าตุ๊กเป็นการตัดสินใจเอง ทายาทร้านทอง “โม นภัสนันท์ พสวงศ์” ที่เคยตกเป็นข่าวมือที่สามไม่เกี่ยว ก่อนที่เจ้าตัวจะร้องไห้ออกมา เพราะรับไม่ได้ที่โดนคนด่าไม่รักลูก โดยยืนยันลูกคือสิ่งสำคัญที่สุด และตนก็รักลูกมากและจะทำหน้าที่พ่อไปตลอดชีวิต
ซึ่งแม้บ๊วยจะออกมาเคลียร์ทุกอย่างเองแล้ว แต่ดูเหมือนว่ากระแสข่าวลือต่างๆ ก็ยังไม่จบซะที ล่าสุดถึงขั้นมีคนกระพือว่า ตอนนี้ “บ๊วย” กับ “โม” เตรียมแจกการ์ดแต่งงานกันแล้ว ส่วนสินสมรสที่ว่าตกลงกันได้ด้วยดีก็ไม่จริง ทั้งคู่ยังถกเถียงกันเรื่องนี้ไม่ลงตัวด้วยซ้ำ ที่ผ่านมา นับตั้งแต่ตุ๊กและบ๊วยหย่าขาดจากกัน ทางฝ่ายของตุ๊กเองยังคงเก็บตัวเงียบ ทราบจากคนใกล้ชิดว่าเจ้าตัวยังเสียใจ และไม่พร้อมจะพูดถึงเรื่องนี้ และขอเวลาสักพักในการฟื้นฟูจิตใจ
ล่าสุด เมื่อช่วงเช้าของวันนี้(13 ก.ค.) ตุ๊กได้ออกมารับงานได้ปกติแล้ว โดยเจ้าตัวได้เดินทางมาร่วมงาน “หนึ่งผนัง รวมพลังรักษ์สะอาด กับสีเบเยอร์ชิลด์” ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนินกลาง ซึ่งในครั้งนี้เอง ตุ๊กได้เปิดปากเรื่องหย่า รวมถึงข่าวลือต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก และเป็นที่น่าสังเหตุว่าเจ้าตัวดูผองซูบลงผิดหูผิดตาไป
“ก็เท่าเดิมนะ จริงๆ ไม่ได้ทำอะไรเลย ซึ่งมันก็ควรจะฟิตเฟิร์มเพราะเรากลับมาทำงานแล้ว แต่ก็ยังไม่มีเวลา ต้องเลี้ยงลูกอีก2 คนก็ได้เท่านี้แหละ ยังเหลืออีกหลายกิโลฯเลย ไม่ได้ลดอะไรเท่าไหร่”
“ภาพจิตใจเป็นปกติค่ะ แต่โดยรวมเราก็ต้องยอมรับว่า ก่อนหน้านี้เราอยู่ในช่วงอ่อนแอ ก็ยอมรับว่าอ่อนแอมาระยะนึง แล้วทุกอย่างก็ดำเนินไป ทำทุกอย่างที่เราคิดว่าลูกผู้หญิงคนนึงจะทำให้ถึงที่สุด ก็พยายามที่สุดแล้ว ตุ๊กก็คิดว่าตุ๊กทำดีที่สุดเท่าที่ตุ๊กจะทำได้แล้ว ในเมื่อมันไม่ได้เป็นไปอย่างที่เราปรารถนา ความอ่อนแอของเราก็ต้องพับเก็บไป วันนี้น่าจะเป็นเรื่องราวของการโล่งใจ สบายใจ ทุกสถานการณ์น่าจะมีทางออกของมันของแต่ละสถานการณ์”
“ต้องเข้มแข็งค่ะ ก็จะเป็นเรื่องของวิธีคิดมากกว่า เราเองไม่ได้ตัวคนเดียวไง เรารู้ว่าเรารู้สึกยังไง เราก็ไม่อยากแม้แต่เพียงเสี้ยวนึงที่จะให้ลูกรู้สึก ฉะนั้นเราต้องเข้มแข็ง เพราะเขาเองยังต้องพึ่งพาและน่าจะเชื่อมความรู้สึกกับเราอยู่ตลอดเวลา”
“บ๊วย” โดนโจมตีเยอะรู้สึกไงบ้าง?
“ก่อนหน้านี้ตุ๊กน่าจะเป็นคนที่สนิทที่สุด เราผูกพันกันมาก ฉะนั้นอะไรที่เขาไม่สบายใจตุ๊กก็.....น่าจะรู้สึกไม่สบายใจ จะให้บอกว่าเห็นใจรึเปล่า ตุ๊กก็ไม่สบายใจ อยากเห็นเขามีความสุข ทุกชีวิตมีเรื่องราว มันน่าจะเป็นช่วงที่แต่ละคนต้องเจอ”
สาเหตุที่แท้จริงของการหย่าร้าง?
“สาเหตุที่แท้จริง...สาเหตุ(หัวเราะ) ตัวตุ๊กไม่มีเพราะว่าตุ๊กไม่ได้มีความต้องการที่จะจบแบบนี้ ตุ๊กไม่มีสาเหตุ แต่ให้ถามคือ...ชีวิตคู่น่าจะเป็นการเห็นชอบด้วยคน 2 คน ถ้าแม้เพียงใครคนนึง คิดว่าจะยกเลิก อีกคนนึงก็คงดำเนินต่อไปไม่ได้แน่ๆ”
“ถามว่ามีมือที่3 มั้ย คำถามนี้ไม่ถามแล้วมั้ง(หัวเราะ) ตุ๊กก็พยายามของตุ๊กแล้ว แต่หากว่าตุ๊กยังจะเห็นแก่ตัวที่จะพยายามเพื่อตัวเอง เพื่อความต้องการของตัวเองอยู่ แต่คือว่าเราไม่ได้มือเปล่าไงค่ะ ขวาก็ต้องจูงมือลูกซ้ายก็ต้องอุ้มอีกคนนึง ก็คงจะทำอย่างนั้นไม่ได้ ซึ่งทำแบบนั้นก็อาจจะล้มกันหมด ทุกอย่างก็คงถึงจุดที่ต้องเคลียร์ให้จบ”
“ที่หลายคนคิดว่าก่อนจะหย่า ดูเหมือนความสัมพันธ์จะดีขึ้นนี่คือที่พี่บ๊วยพูดรึเปล่าคะ ถ้าจากภาพวันเกิดลูกๆ ตุ๊กเชื่อว่าวันเกิดปีต่อไป ก็จะมีภาพแบบนี้อีก หรือจะดีขึ้นมั้ยก็ไม่รู้ อย่างที่บอกว่า เป็นวันเกิดลูก เราเองก็ยังเป็นพ่อเป็นแม่กิจกรรมนั้นมันยังต้องดำเนินอยู่ แล้วเราก็อยากจะทำด้วย”
แต่ก็ไม่ได้ยืนยันการยุติความสัมพันธ์ครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับมือที่3 ?
“ตุ๊กไม่พูดถึงเรื่องนี้”
กับข่าวว่า “บ๊วย” เป็นคนขอเลิกตั้งแต่น้องภูมิเกิดได้ 20 วัน?
“ลืมไปแล้ว(หัวเราะ) วันนี้มันก็เป็นอย่างนี้แล้วแหละ มันลืมไปแล้ว ใช่ค่ะ”
กับข่าวที่ออกมาว่าวันหย่าถึงขั้นเป็นลมต้องเข้าโรงพยาบาลนั้น ตุ๊กบอกว่า…
“วันนั้นไปอยู่โรงพยาบาลจริงๆ อย่างที่พี่บ๊วยบอกว่าไปตรวจสุขภาพตามตารางที่มีไว้แล้ว เรื่องเป็นลมมันมีบ้างอยู่แล้ว ที่ตุ๊กจะมีโรคไมเกรน สรุปว่าหย่าแล้วไม่ได้เป็นลม แต่มันมีการสื่อสารผิด เพราะมีคนอื่นรับโทรศัพท์แทน ซึ่งเรื่องจริงไม่ใช่อย่างนั้น ไม่ได้เป็นลมวันนั้นค่ะ”
พร้อมป้อง “บ๊วย” กรณีให้สัมภาษณ์ว่าเลี้ยงลูกไม่เท่ากัน หลังมีข่าวจะดูแลแค่คนโต ไม่ดูแลคนเล็ก เพราะไม่สนิท จนนำมาซึ่งคำตอบที่ทำเอาหลายคนหงายหลัง ว่า “คนเป็นพ่อเป็นแม่รักลูกไม่เท่ากันอยู่แล้วครับ…” กับประเด็นนี้ตุ๊กแจงว่า อดีตสามีน่าจะไม่ได้คิดแบบนั้น แต่อาจจะเพราะกังวงหลายเรื่องจนเรียงประโยคผิด
“ตุ๊กไม่เชื่อว่าพ่อแม่จะเลี้ยงลูกไม่เท่ากัน และตุ๊กก็เชื่อว่าลูกๆ ทั้ง 2 ซึมซับความรักจากพี่บ๊วยได้ ตุ๊กไม่เชื่อว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น แต่การสัมภาษณ์ บางทีคนที่ถูกสัมภาษณ์ก็จะกังวลหลายอย่าง ทุกอย่างมันเร็ว มันมีความพะวักพะวง เครียดแล้วก็กดดันมากกว่า น่าจะไม่ได้คิดแบบนั้นชัดๆ”
“อย่างที่เขาบอกว่ารักคนละแบบ อาจจะไม่ได้พูดแบบนั้น ตุ๊กเองได้ดูบทสัมภาษณ์ ด้วยความเข้าใจนิสัยและวิธีการพูด เลยรู้ว่าเขาไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แต่เป็นการการพูดเร็วๆ ไม่ได้คิดว่าคนจะคิดมาก เขาก็กดดันพะวักพะวงหลายอย่าง ก็ต้องเข้าใจเขา น่าจะเป็นการเรียงประโยคมากกว่า”
น้องๆ ถามถึงคุณพ่อรึเปล่า?
“เขาก็ยังมีคุณพ่ออยู่ เขาก็ยังเจอกันบ้าง เรื่องการดูแล ตุ๊กก็เป็นคนดูแลลูกเป็นหลัก เรื่องทรัพย์สินต่างๆ ก็แบ่งกันตามที่เราตกลงกันไว้ตามนั้น เรื่องบ้านอาจจะต้องใช้วิธีขาย แล้วก็มีการจัดการเรื่องสินสมรส ตัวตุ๊กยังอยู่ที่บ้านกับลูก ถ้าขายได้แล้วก็คงย้ายไปซื้อบ้านใหม่อยู่กัน”
มีข่าวว่า “ตุ๊ก” เองก็พยายามที่เก็บเอาไว้?
“ตอนนี้ก็ยังไม่ชัดเจนอะไร ถ้าเป็นไปได้ ตอนนี้บ้านเป็นคนผ่อนแต่เพียงผู้เดียว ถ้าทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยเอง เขาก็มีความประสงค์จะเก็บไว้ให้ลูก”
ส่วนที่มีข่าวว่าจะพาลูกไปต่างประเทศนั้น “ตุ๊ก” บอกเป็นการไปเที่ยวปกติ ไม่ได้หนีข่าวไปพักใจ
“ไปเที่ยวตามปกติที่ไปอยู่เป็นประจำ น้องแพรวมีพาสปอร์ตอยู่แล้วตั้งแต่ขวบนึง ตุ๊กกับพี่บ๊วยก็พาน้องแพรวไปเที่ยวด้วยกันบ่อยๆ แต่ที่ไปทำคือน้องภูมิ ก็เป็นครั้งแรกที่จะพาเขาไปต่างประเทศ เดี๋ยวจะไปวันอาทิตย์กลางคืนนี้แล้ว ก็ไปเกาหลีค่ะ ไปกับครอบครัว ก็ไป 5-6 วัน”
“ข่าวไม่ใช่น้ำท่วมค่ะ หนีไม่ได้ ไม่มีที่ใดในโลกที่หนีได้ ทุกอย่างอยู่ข้างใน เราไปเที่ยวกันตามปกติ ไม่ได้พักผ่อนจิตใจอะไร ครอบครัวเราค่อนข้างไปเที่ยวกันบ่อย ยิ่งตอนที่น้องแพรวยังไม่เข้าโรงเรียน เราไปกันทุกเดือนโดยเฉพาะต่างจังหวัด จนแทบไม่รู้จะไปไหนกันแล้ว เรียกว่าไปกันเป็นปกติค่ะ”
น้องรู้เรื่องอะไรมากน้องแค่ไหน?
“ก็คงไม่รู้อะไรชัดเจน แต่อาจรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลง ทุกอย่างมันค่อยๆ เกิดขึ้นอยู่แล้ว เขาก็ค่อยๆ รู้ มันอาจจะมีบางทีเขาถาม อย่างทำไมแดดดี้ไม่นอนห้องนี้แล้ว เขามีถาม แต่เขาไม่ได้เข้าใจอะไรทั้งหมด ตุ๊กเองก็ยังไม่รู้ว่าเขาจะรู้เพิ่มมากน้อยแค่ไหน หรือรู้ไปโดยปริยาย”
“เรื่องข่าวก็ขอความกรุณา(ยกมือไหว้) เป็นแค่ครั้งเดียวก็จะขอบพระคุณมาก ตอนนี้เขาเองก็ต้องมีส่วน ไหนจะเรื่องเขาเอง แล้วก็เรื่องน้องอีก เขาต้องปรับตัวหลายๆ อย่าง อาจจะรู้สึกเพลียและอ้วกบ้างโดยไม่มีสาเหตุ เขาก็คงแกว่งบ้าง ก็เป็นหน้าที่ของพ่อและแม่ที่จะทำให้เขารู้สึกดีที่สุดได้ ตุ๊กเองก็พยายามทำทุกอย่างให้ปกติ ไม่ลืมที่จะใส่ใจ ไม่ละเลยที่จะใส่ใจเขา”
นับจากนี้เรียกว่า “บ๊วย” สามารถแต่งงานมีครอบครัวใหม่ได้?
“ก็คงอย่างนั้นมั้งคะ ก็ไม่ได้อยู่ในการตัดสินใจของเราอยู่แล้ว ตุ๊กจะโอเคหรือไม่โอเคมันไม่ได้อยู่ในสิทธิ์ของตุ๊ก”
มีข่าวว่าว่า “บ๊วย” กับผู้หญิงที่มีข่าวด้วยเตรียมแต่งงานกันแล้ว?
“ก็เรื่องนี้ไม่รู้เรื่องค่ะ”
ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้เลย?
“ไม่พูดถึงดีกว่าเนอะ”
ตัว “ตุ๊ก” เองมองอนาคตยังไงบ้าง ถ้าจะเปิดใจรับคนใหม่?
“ไม่ได้นึกเลยค่ะ น่าจะยังไม่มีอารมณ์คิดเรื่องแบบนี้ แค่กำลังสอนให้คนเล็กรู้จักนอนยาวๆ นี่ก็เป็นการบ้านที่หนักแล้ว ต่อจากนี้ก็ใช้ชีวิตปกติค่ะ ตื่นมากินข้าวอาบน้ำแปรงฟัน เราต้องทำอยู่แล้ว ใช้ชีวิตปกติ แค่พาร์ทเนอร์ของเราหายไป ก็อาจจะเหงาบ้างเพราะบางอย่างเคยทำ 2 คน ก็อาจจะเหนื่อยไปบ้าง แต่ทุกอย่างต้องทำอยู่แล้ว เราต้องมีความสุขกัน”
ตอนนี้เห็นว่าประหยัดสุดเพื่อเก็บเงินไว้เพื่ออนาคตลูก?
“ยังไงก็ต้องประหยัดเหมือนเดิม จากตอนนั้นเป็นครอบครัว เราเองก็ประหยัดกันอยู่แล้ว เป็นนิสัยของแม่บ้านและคุณแม่ที่ดี เราก็ใช้กันแต่พอสมควร”
“ตุ๊กต้องขอโทษจริงๆ ที่เรื่องราวมันยืดเยื้อมานาน หลายๆ คนก็ลุ้น ก็ขอบคุณคนที่ลุ้นคอยช่วยเหลือเป็นกำลังใจให้ ครั้งนี้สอนให้รู้ว่า ความรักของคน 2 คนไม่ประสบความสำเร็จ แต่ก็ได้ความรักในมุมมองใหม่ๆ เพิ่มขึ้นเยอะเลย ทั้งเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ส่งกำลังใจมาให้ หรือคนที่เจอกันอยู่แล้ว เราก็รู้ว่าเขารักเราจริงๆ กับเพื่อนที่เราไม่รู้จักเลย รวมถึงโลกไอทีด้วย ต้องขอขอบพระคุณที่เป็นกำลังใจให้ เอ็นดูลูกของตุ๊กทั้ง 2 และเอาใจช่วยครอบครัวของเรา ขอบพระคุณจริงๆ ประทับใจและซึ้งใจสุดๆ จริงๆ”
ที่มา: manager.co.th