“ลิฟท์-ออย” เผยอยากหวงกลับมาร้องเพลงอีก แต่รู้ตัวหมดยุค ไม่อยากฝืนกระแสตลาด บอกแม้จะห่างหายไม่ได้ร่วมงานเพลงกันมาเกือบ 10 ปี แต่คนก็ยังติดภาพความเป็นศิลปินดูโอ้อยู่ ดีใจ 18 ปีที่อยู่ในวงการนี้มา ณ ตอนนี้ก็ยังมีแฟนคลับที่เหนียวแน่น และอยากรอชมผลงานเพลงอยู่ จะระเบิดความสนุกในอีกไม่กี่อึดใจนี้แล้ว สำหรับคอนเสิร์ต “ลิฟท์&ออย แฮปปี้ ปาร์ตี้ คอนเสิร์ต” ที่จะมีขึ้นในช่วงหัวค่ำของวันเสาร์ที่ 14 ก.ค.นี้ ที่อิมแพคอารีน่า เมืองทองธานี ซึ่งในส่วนของสองหนุ่มเจ้าของคอนเสิร์ตอย่าง “ลิฟท์ สุพจน์ จันทร์เจริญ” และหนุ่ม “ออย ธนา สุทธิกมล” ได้คอนเฟิร์มถึงความพร้อม และความในใจที่มีต่อแฟนคลับที่เหนียวแน่น ตลอดระยะเวลากว่า 18 ปีที่ผ่านมา
ลิฟท์ : “คอนเสิร์ตเราเป็นหนึ่งในโปรเจกต์ที่ทางอาร์เอสจะทำอยู่แล้ว คือจะเอานักร้องที่เคยอยู่ในค่ายมาก่อน แล้วคนก็ยังอยากดู ก็มาทำเป็นโปรเจกต์ ซึ่งของเราอาจจะเป็นกระแสจากคนดู ที่เขาโหวตว่าอยากดูใคร แล้วก็อาจจะเป็นผลมาจากที่พวกเราไปขึ้นคอนเสิร์ตแร็พเตอร์ด้วย กระแสมันได้ คนอยากดูคอนเสิร์ตของเรา ก็เลยเป็นที่มาที่เราจัดคอนเสิร์ตนี้ เราเองก็มีแฟนคลับเหนียวแน่นมาตลอด 18 ปี แม้ตอนนี้เราจะเลิกร้องเพลงกันไปแล้ว”
ออย : “เราเองก็ใช้เวลาในการตกลงเล่น 3 นาที ก็นานอยู่(หัวเราะ) คิดอย่างถี่ถ้วนแล้วเราก็ตอบตกลง”
ลิฟท์ : “จริงๆ โปรเจกต์ของเรามีกำหนดตั้งแต่ต้นปีแล้ว แต่เผอิญตอนนั้นมีปัญหาเรื่องน้ำท่วมก็เลยเลื่อนมาเรื่อยๆ ก็เลยโชคดีที่เราได้เตรียมตัวกันมากขึ้น ซึ่งถือว่าเลื่อนมาตอนนี้เป็นช่วงที่ดี เพราะช่วงนั้นเราทั้งคู่ติดทั้งงานและพิธีกรอยู่มากทีเดียว ก็คงไม่มีซ้อมทุ่มเทให้กับคอนเสิร์ตจริงๆ เรียกว่าถ้าเล่นในช่วงนั้นคงเป็นไปได้ยากมาก ก็เลยล่นมาเรื่อยๆ ตอนนั้นก็กังวลว่าเขาจะเปลี่ยนใจไม่เอาเราแล้วเหมือนกันนะ”
ออย : “ผมกังวลเรื่องแฟนๆ ว่าจะมีคนมาดูเรามั้ย เพราะว่าเราจะวัดจากกระแสแร็พเตอร์คงไม่ได้ เราขึ้นเวทีไปคนชอบจริงอะไรจริง แต่ว่าคนเหล่านั้นมาดูแร็พเตอร์ เขาเป็นแฟนของแร็พเตอร์ แล้วเราก็ไม่ได้โปรโมตไว้ก่อนหน้านี้ว่าเราจะขึ้นไปเล่น”
“ฉะนั้นมันก็แค่เป็นเสียงตอบรับที่เขาชอบ เขาสนุกที่เราขึ้นไป มันไม่ได้หมายความว่าถ้ามีคอนเสิร์ตของเราเกิดขึ้นเขาจะชอบ เขาจะมาซื้อบัตรดูเราเหมือนที่เขามาดูแร็พเตอร์ ก็เลยรู้สึกว่ายังกังวลอยู่ เท่าที่เช็คได้ก็คือจากคนรอบข้างกับแฟนคลับของพวกเราจริงๆ ซึ่งเขามาดูเรากันอยู่แล้ว แต่อีกที่เหลือเราก็ไม่รู้ไง คนรอบข้างที่เขาอยากดูเพราะเขารู้จักพวกเราไง”
“การเตรียมตัวสำหรับคอนเสิร์ตนี้ แน่นอนคนอาจจะคาดหวังกับเรื่องแฟชั่นเอวลอยของเรา เราก็จะพยายามดูแลในเรื่องของการแต่งตัวให้ดูสนุกสนาน ไม่ว่าจะเป็นสีสันที่เห็นแล้วต้องสนุก จะเอวลอยมากลอยน้อยต้องไปตามดูกันครับ”
ลิฟท์ : “เหมือนได้มาดูแฟชั่นโชว์ครับ จะมีเสื้อผ้าของพวกเราที่เน้นไปในลักษณะที่คนอื่นก็คงจะไม่กล้าใส่กันเท่าไหร่ สีสันก็ต้องจัดจ้านหน่อย เรื่องฟิตหุ่นนี่เราทำกันมาสักพักนึงแล้ว ซ้อมร้องซ้อมเต้นอีกทุกอย่างก็เข้าที่ ก็ลงมาเยอะเลยครับ”
บอกแม้จะแยกย้ายกันไปทำงานของแต่ละคนแล้ว แต่แฟนๆ หรือคนส่วนใหญ่ก็ยังติดภาพความเป็นนักร้องดูโอ้อยู่
ลิฟท์ : “อย่างแฟนคลับเราเอง ถึงแม้เราจะแยกย้ายไปทำงานของแต่ละคน เวลาเจอกันอย่างผมคนก็จะยังถามถึงออย คือคนยังติดภาพเราในความเป็นนักร้องคู่ลิฟท์-ออยอยู่ แม้มันจะนานมากแล้ว เพราะเราหมดสัญญาการเป็นนักร้องมา 9 ปีแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาเรามีชีวิตที่มุ่งเน้นไปในเรื่องของการแสดง ก็คิดเหมือนกันนะ ว่าอยากจะกลับมาร้องเพลง”
“แต่หลังจากที่เราดูกระแสภายนอก ดูแนวเพลงหลายๆ อย่าง ช่วงเวลาที่ผ่านมามันเปลี่ยนไปเยอะ ระบบวงการเพลง แนวเพลง การทำเพลง การขายเพลงทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมด ซึ่งผมมองว่าอะไรที่มันไม่ใช่ยุคเราแล้ว ถ้าเราไปฝืนกระแส คงไม่ดี ผมว่าให้เขาจำเก็บภาพที่ดีๆ ของเราในความรู้สึกเขาไว้ดีกว่า”
เผยอยากหวนกลับมาร้องเพลงเพราะเป็นสิ่งที่ชอบที่สุด แต่ยังมองไม่เห็นลู่ทางที่จะเป็นได้
ออย : “โดยส่วนตัวผมเองชอบการร้องเพลงที่สุดนะ เพราะการร้องเพลงมันเป็นตัวของตัวเอง แต่เล่นละครมันเป็นตัวละคร ถึงแม้ว่าบริษัทอาจจะมีภาพลักษณ์ให้เราในการโปรโมตก็จริง แต่มันเป็นแค่ภาพลักษณ์ บนเวทีทุกอย่างมันคือตัวเรา เราได้พูดในสิ่งที่มันเป็นตัวเราออกมา นั่นอาจจะเป็นความคิดของเรา ที่ว่าเขาชอบจากตัวเรา แต่ในส่วนของละคร เขาชอบจากบทบาทที่เราเป็นตัวละคร”
ลิฟท์ : “ตั้งแต่เรามาแสดงละคร เราก็ไม่ได้ร้องเพลงเลย อย่างเพลงประกอบละครเองก็ยังไม่มีเคย ล่าสุดมานี่ก็เกือบ 6-7 ปีแล้วนะที่ได้ร้อง”
ออย : “ก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจบคอนเสิร์ตนี่ไปแล้ว เราจะมีงานร้องเพลงเข้ามาบ้างรึเปล่า เพราะยังไม่มีใครติดต่อเข้ามา”
ลิฟท์ : “ถามว่าพวกเราอยากมั้ย ก็อยากนะครับ เราชอบร้องเพลง แต่ก็นะ ยกตัวอย่างถ้าเป็นกับทางอาร์เอสเอง กลุ่มแฟนๆ ส่วนใหญ่ก็จะเน้นไปที่เด็กๆ พวกเราก็คงจะลำบาก มันสวนกระแสกับกลุ่มเขา”
ออย : “ตอนนี้เรายังไม่เห็นภาพว่าเราจะทำได้ แต่ถ้ามีแนวเพลงมีงานที่สนุกแล้วเรามองว่ามันพอจะเป็นไปได้เรายินดีทำแน่นอน แต่ตอนนี้เรายังไม่เห็นว่ามันจะมีแบบนั้น ก็เลยยังไม่คิดในส่วนนั้น ซึ่งเราหวังว่าคอนเสิร์ตครั้งนี้จะมีคนมาดูเราเยอะๆ”
ที่มา: manager.co.th