Author Topic: “ไบรโอนี” เปิดตัวสามีชาวญี่ปุ่น แย้มอยากหวนทำเพลงหลังทิ้งไมค์ 8 ปี  (Read 994 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai












      “ไบรโอนี” บินกลับไทย เปิดใจหลังหันหลังให้วงการบันเทิงไป 8 ปี บอกตอนนี้เป็นครูสอนโยคะอยู่ที่อเมริกา ตื่นเต้นได้สอนดาราฮอลลีวูด เจ้าตัวควงสามีชาวญี่ปุ่นเปิดตัว เผยชีวิตครอบครัวแฮปปี้ดี ตอนนี้ลูกสาวอายุ 7 ขวบ ภูมิใจลูกเก่งหลายด้าน พร้อมแย้มอยากมีคนที่ 2 แล้ว ส่วนงานเพลงถ้ามีโอกาสก็อยากทำอีกครั้ง
       
       หันหลังให้วงการไปอยู่อเมริกานานหลายปี สำหรับอดีตนักร้องชื่อดัง “เคท ไบรโอนี่ รอดโพธิ์ทอง” แต่ที่ผ่านมา ก็มีข่าวคราวออกมาให้แฟนๆ ได้หายคิดถึงบ้างเป็นระยะ โดยก่อนหน้านี้ มีการยืนยันว่า ตอนนี้ไบรโอนีมีลูกสาวแล้ว ชื่อ “น้องเทเลอร์” จากนั้นเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ก็มีความเคลื่อนไหวจากเจ้าตัวอีกครั้ง เมื่อมีคลิปไบรโอนีกำลังเล่นโยคะ ถูกโพสต์บนเว็บไซต์ยูทิวบ์ ซึ่งเป็นการเล่นในท่ายากแสดงถึงความเป็นมืออาชีพมากๆ 
       
       ภายหลังได้รับการเปิดเผยว่า ในขณะนั้นไบรโอนีเป็นครูสอนโยคะให้กับยิม Equinox ซึ่งเป็นยิมที่มีชื่อเสียงในอเมริกา และเปิดให้บริการมาแล้วกว่า 20 ปี ซึ่งเธอได้ใช้เวลากว่า 15 ปี ในการมุ่งมั่นฝึกฝนโยคะด้วยตัวเองจนเชี่ยวชาญ ถึงขั้นแอดวานซ์ อีกทั้งยังมีโอกาสสอนดาราฮอลลีวูดอีกด้วย จากนั้นข่าวคราวของเจ้าตัวก็หายเงียบไปอีกครั้ง
                 
        กระทั่งล่าสุด ไบรโอนีได้บินกลับเมืองไทย และเดินทางมาร่วมงาน Inspiring Through Yoga by Briohny ที่ แอปโซลูทโยคะ สาขาอัมรินทร์พลาซ่า ซึ่งในครั้งนี้ นอกจากไบรโอนีจะมาอัปเดตชีวิตหลังวางไมค์แล้ว เจ้าตัวยังได้ควงสามีชาวญี่ปุ่นมาเปิดตัวให้รู้จักอีกด้วย โดยอดีตนักร้องสาวได้เผยถึงความรู้สึกของการหวนรับงานที่เมืองไทยในครั้งนี้ว่า...
       
       “ก็รู้สึกดีใจมากๆ เลยค่ะที่ได้เจอทุกคนที่นี่ ได้กลับมาบ้าน ได้กลับมาเมืองไทย และก็ได้พาสามีมาเที่ยวดูแฟนๆ ด้วย เขารู้ว่าเป็นนักร้อง แต่เขาไม่เคยเจอแบบนี้แน่นอน เขาเพิ่งเคยมาเมืองไทยเป็นครั้งแรก เขาบอกว่าสนุก แต่ไม่ได้คิดว่าจะเป็นขนาดนี้ เขาฟังภาษาไทยได้ค่ะ แต่ว่าถ้าพูดจะเขินๆ หน่อย”
       
       “จริงๆ แล้วเคทกลับมาเมืองไทยเกือบทุกปีค่ะ แต่ไม่ได้กลับมาทำงานหลายปีแล้วค่ะ ห่างหายไปจากวงการ 8 ปีแล้ว คิดถึงมากๆ เลย ตอนแรกไม่รู้ว่ามีใครคิดถึงบ้าง แต่พอเช็คในเฟชบุ๊ค ก็ยังเห็นแฟนๆ ยังคิดถึงอยู่ ก็เลยทำให้รู้เลยว่าต้องกลับมาเจอแฟนๆ ครั้งนี้มาอยู่ประมาณ 30 วันค่ะ”
       
       “ครั้งนี้กลับมาครอบครัว อยากมาพักผ่อน อยากให้ลูกได้มาเจออะไรกับเมืองไทยบ้างค่ะ ให้เขาได้มาสัมผัสเมืองไทยบ้าง แต่จะกลับมาอยู่เมืองไทยเลยรึเปล่า ก็ไม่รู้ค่ะ ไม่แน่ใจว่าอนาคตจะเป็นยังไง แต่ว่าถ้าครอบครัวทำอะไร เราก็จะสปอยกันอยู่แล็วค่ะ ส่วนแฟนเขาอยากอยู่ญี่ปุ่นบ้าง อยู่อเมริกาบ้าง ก็ไปๆ มาๆ ค่ะ เขาบอกว่าอยากอยู่ไหนก็ได้ตามใจเราค่ะ(หัวเราะ) เขาบอกว่าผู้หญิงไทยสวย”
       
       “ส่วนลูกสาววันนี้เห็นงานเยอะเลยไม่ได้พามา อายุ 7 ขวบแล้วค่ะ ลูกสาวสนใจโยคะมากเลยค่ะ ยิมนาสติกโยคะด้วย เต้นด้วย เล่นเปียโน เล่นกีต้าร์ เป็นเด็กที่เก่งมาก เขาก็ชอบร้องเพลง เล่นนู่นเล่นนี่ แต่จะเป็นนักร้องมั้ย อันนีก็แล้วแต่เขาค่ะ เรื่องครอบครัว เคทก็ตั้งใจในด้านครอบครัวมากค่ะ เพราะตอนนี้เพิ่งซื้อบ้าน กำลังสร้างบ้านอยู่ และก็พยายามใช้เวลาให้มีชีวิตอยู่กับครอบครัว ตัวเคทเองก็อยากมีลูกอีกค่ะ พยายามอยู่ค่ะ”
       
       ยอมรับว่าถ้ามีโอกาสก็อยากกลับมาทำเพลง
       “ก็อยากมีนะคะ ตอนนี้ก็กำลังตั้งใจทำอยู่ในด้านของโยคะ ทำดีวีดีกับแอปโซลูทโยคะ แต่มีโอกาสได้ทำเพลงก็อยากทำอยู่เหมือนกัน กับแกรมมี่ก็คุยกันดีตลอดค่ะ เป็นเหมือนครอบครับ เราทำงานกันมา เพราะรู้จักกันมาเกือบ20 ปี อาจจะมี แต่ยังไม่ได้คุยกันค่ะ”
       
       “เคทก็อยากร่วมงานกับแกรมมี่ก็แน่นอนค่ะ ยินดีค่ะ เราอยากจะแชร์อะไรที่เราเคยไปเจอมากับวงการบันเทิง กับการสอนโยคะ แต่ซิงเกิลเพลงยังไม่มีแพลนค่ะ แต่อยากจะมี เพิ่งได้ยินจากเพื่อนๆ ว่า นักร้องเก่าๆ กำลังจะกลับมา ก็อยากสนใจที่อยากจะทำคอนเสิร์ต แต่ก็ยังไม่แพลน”
       
       เผยกลับมาครั้งนี้คิวแน่น มีทั้งงานอีเวนต์และถ่ายแบบคู่สามี
       
       “ก็รับค่ะ แล้วก็มีแพลนไว้แล้ว มีรายการ มีหนังสือนิตยสารหลายเล่มค่ะ แต่จะมีเซ็กซี่หรือเปล่า ไม่รู้ค่ะ ต้องคอยดู แต่มีเซ็กซี่อยู่แล้วโชว์ร่างกายนิดหน่อย เพราะว่าเราภูมิใจที่เราแข็งแรง และก็รู้สึกว่าดีที่มองร่างกายตัวเอง แล้วมันดีที่สุดตอนนี้ค่ะ เพื่อนๆ ที่เมืองไทยเคทเพิ่งกลับมาก็เลยยังไม่ได้เจอเพื่อนเลยค่ะ อย่างพี่มอสหวังว่าจะได้เจอพี่มอส เพราะว่าพี่มอสก็ไปเยี่ยมที่นู่นมา”
       
       เจ้าตัวเผยถึงชีวิตการเป็นครูสอนโยคะที่มีโอกาสได้สอนดาราฮอลลีวูดด้วย
       
       “ดีใจมากคะที่คนไทยสนใจโยคะกันมาก เป็นสิ่งที่ดีมากๆ ต่อชีวิต (เห็นบอกว่าได้สอนถึงระดับดาราฮอลลีวูด?) ก็สนุกนะคะ ตื่นเต้นตอนเจอแรกๆ ตอนนี้ก็ยังตื่นเต้น ตอนเจอใหม่ๆ แต่มันสอนให้เรารู้ว่า ถึงจะเป็นดารา เป็นนักร้อง เขาก็ยังเป็นคนที่อยากมีสุขภาพดี อยากจะแข็งแรงเหมือนเรา (มีดาราฮอลลีวูดคนไหนมาเรียนบ้าง?) พูดไม่ได้ค่ะ แต่ก็มีบ้างค่ะ”
       
       “ที่เคทคิดอยากสอนโยคะเพราะอยากเป็นแม่ที่อยู่บ้าน เป็นคุณแม่ที่สามารถรับส่งลูกที่โรงเรียนได้ และสอนโยคะ เราสามารถทำอะไรได้ด้วยเราเอง เราเลยมีเวลา (ตอนแรกคิดไหมว่าพอสอนแล้วจะมาไกลขนาดนี้?) ไม่ค่ะ ไม่เคยคิดเลยค่ะ มันไปเรื่อยๆ ท่าโกลด์โยคะมันก็เป็นแบบนี้ แต่ถ้าเราตั้งโกลด์มันก็ดีนะคะ แต่ว่าส่วนมาก มันก็จะไปเรื่อยๆ แต่พอมาถึงขนาดนี้ก็ดีใจ”
       
       “มาครั้งนี้ก็มาสอนโยคะกับคนที่มาจากอเมริกา 30 คน พาไปเที่ยวเชียงใหม่กับสมุยค่ะ แล้วก็พามาสอนโยคะ เหมือนเป็นทริปค่ะ เป็นเหมือนกับมาพักผ่อนกับครูโยคะ แล้วก็เล่นโยคะกัน จริงๆ คิดอยากจะทำอีกสิ้นปีนี้กับแอปโซลูทโยคะ”
       
       “เรื่องแบ่งเวลาให้ครอบครัว ตอนนี้ดูเหมือนไม่ค่อยมีเวลาใช่มั้ยคะ ทำงานอยู่ ก็คือว่าตอนนี้อยากทำงานให้มากที่สุด ก็พาลูกมาพักผ่อนนิดหน่อย อยากพาทั้งสองคนไปที่วัดไทย เพราะทั้งสองคนนับถือศาสนาพุทธค่ะอยู่อเมริกาก็ไปวัดไทยบ้าง แต่ว่ามันก็มีไม่เหมือนที่นี่นะคะ วัดไทยที่นี่สวย แล้วก็ที่นี่มีศิลปะที่วัดไทย ที่อเมริกาไม่มี ก็เลยอยากจะพาเขาไป”
       
       “ความสุขกับครอบครัว ถ้าเปรียบกับการสอนโยคะ มันอาจจะไม่แตกต่างกันเท่าไหร่นะคะ เพียงแต่ว่าตอนนี้เราอาจจะโตขึ้น เพราะตอนเด็กๆ อาจจะยังไม่รู้จักการดูแลตัวเองเท่าไหร่ ถ้ามีข่าวอะไรที่ไม่ดีออกมา เราก็จะเศร้าๆ ไม่มีความสุขหรือจะโกรธ แต่พอเราโตขึ้น เราสามารถดูแลตัวเองได้มากกว่า”
       
       “ไม่แตกต่างกันเท่าไหร่นะคะ แต่ถ้าพูดถึงสิ่งที่คนมองเห็นชัดๆ ก็คือการที่เราดูแลตัวเอง เพราะโยคะคือการดูแลร่างกายอันดับหนึ่ง บางทีผู้หญิงมันไม่ง่าย การเป็นคนมันไม่ง่าย ความคิดของเราบางทีมันอาจจะทำให้เราคิดไม่ดีต่อตัวเอง แต่โยคะจะช่วยให้เราคิดดีต่อตัวเอง”

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)