Author Topic: โนเกีย (Nokia) เดินเกมลึก คลุกวงในร้านค้า ลุ้น 5800 ทะลุหมื่น  (Read 2992 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Webmaster

  • Nick Computer Services
  • Administrator
  • Full Member
  • *
  • Posts: 168
  • Karma: +999/-0
  • Gender: Male
  • Love Me Love My Services
    • Computer Service

"โนเกีย" เดินเกมลึกถึงช่องทางขายหลังจัดโครงสร้างการจัดจำหน่ายใหม่ทั่วประเทศ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา แบ่งเขต 3 ดิสทริบิวเตอร์ "ดับบลิวดีเอส-ยูดี-เอ็มลิ้งค์" คุมพื้นที่กระจายสินค้าลงตลาด พร้อมส่งทีมคลุกวงใน "ดีลเลอร์-เชนสโตร์-โมเดิร์นเทรด" ช่วยบริหารสินค้าและแผนการตลาดหวังทวงส่วนแบ่งตลาดคืนจากคู่แข่ง ฟากเครื่องใหม่ "5800" ฮอตลุ้นยอดทะลุหมื่นเครื่อง


ตั้งแต่ปลายปี 2551 ที่ผ่านมา "โนเกีย" ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดในตลาดปัจจุบัน ได้มีการปรับปรุงโครงสร้างการจัดจำหน่ายโทรศัพท์มือถือใหม่เพื่อแก้ปัญหาการขายสินค้าตัดราคา ทั้งนี้ในการประชุมตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศเมื่อวันที่ 30 ม.ค.2552 ที่ผ่านมา โนเกียได้มีการประกาศใช้โครงสร้างใหม่ มีผลตั้งแต่ 1 ก.พ.เป็นต้นไป

โดยมีการแบ่งพื้นที่ในการกระจายสินค้าของผู้ค้าส่ง (ดิสทริบิวเตอร์) ทั้ง 3 ราย ได้แก่ บมจ.เอ็มลิ้งค์ คอร์ปอเรชั่น ดูแลภาคใต้ กลาง และตะวันออก, บริษัท ยูไนเต็ด ดิสทริบิวชั่น บิซซิเนส จำกัด (ยูดี) ดูแลภาคเหนือ และอีสาน ส่วนบริษัท ไวร์เลส ดีไวส์ ซัพพลาย จำกัด (ดับบลิวดีเอส) ดูแลพื้นที่กรุงเทพฯ และเครือข่ายเทเลวิซทั่วประเทศ

ทั้งนี้ โนเกียได้เปิดเผยตัวเลขยอดจองซื้อเครื่องรุ่นใหม่ 5800 ที่เปิดให้จองซื้อล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์และร้านค้าต่างๆ ว่ามีถึง 6,000 เครื่องแล้ว (ณ สิ้นเดือน ม.ค.) ไม่รวมยอดขายผ่าน "ไทยแลนด์ โมบาย เอ็กซ์โป" ระหว่าง 29 ม.ค.-1 ก.พ. ที่ผ่านมา คาดว่าถึงวันที่ 20 ก.พ.ซึ่งเป็นวันรับเครื่อง ยอดขายอาจทะลุ 1 หมื่นเครื่องด้วย

นายไพโรจน์ ถาวรสภานันท์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีจีโฟน จำกัด กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า โนเกียต้องการจัดสรรสินค้าให้พอดีกับปริมาณการขายในแต่ละพื้นที่ ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้สินค้าไหลข้ามเขตจนเกิดปัญหาการขายสินค้าตัดราคาอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา และเชื่อว่าถ้าคุมราคาทั้งค้าปลีกและค้าส่งได้จะทำให้ทุกฝ่ายมีกำไรมากขึ้น ส่งผลให้ร้านค้ากระตือรือร้นที่จะขายสินค้ามากขึ้น เพราะขายแล้วมีกำไร จากเดิมตัดราคากันจนไม่เหลืออะไรจึงมีร้านค้าย่อยเป็นจำนวนมากหันไปนำสินค้าเฮาส์แบรนด์เข้ามาขาย เนื่องจากมีกำไรมากกว่า

ประกอบกับสินค้าเฮาส์แบรนด์ในปัจจุบัน มีการพัฒนาคุณภาพสินค้าและเทคโนโลยีดีขึ้นกว่าในอดีตมาก อีกทั้งยังมีฟังก์ชั่นในการใช้งานตรงใจผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นใช้ 2 ซิมหรือดูทีวีได้ ซึ่งแบรนด์ใหญ่ๆ ไม่มีฟังก์ชั่นดังกล่าว

"ผู้ค้าส่งรายหลักของโนเกียยังเป็นยูดี เอ็มลิ้งค์ และดับบลิวดีเอส เหมือนเดิมเพียงแต่จะแบ่งพื้นที่ความรับผิดชอบในการกระจายสินค้าไปยังแต่ละพื้นที่ต่างกัน เช่น ยูดีดูแลภาคเหนือ และอีสาน มีไมโครดิสทริบิวเตอร์ 10 ราย เอ็มลิ้งค์ดูภาคใต้ กลาง และตะวันออก มีไมโครดิสทริบิว เตอร์ 20 ราย ส่วน WDS ดูแล กทม. เป็นต้น โดยโนเกีย และดิสทริบิวเตอร์แต่ละรายจะเลือกไมโครดิสทริบิวเตอร์ในแต่ละพื้นที่อีกที ไม่ใช่ร้านค้าที่มีอยู่ทั้งหมดจะได้รับเลือก ทำให้ต้องปรับตัวไปขายแบรนด์อื่น"

นอกจากนี้ นโยบายการตลาดของ โนเกียในปีนี้ยังจะเข้ามาทำงานใกล้ชิดกับตัวแทนจำหน่ายและช่องทางขายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไมโครดิสทริบิวเตอร์ เชนสโตร์ และโมเดิร์นเทรดมากขึ้น โดยจะมีการเข้าร่วมประชุมวางแผนการทำตลาด การคาดการณ์สินค้า เพื่อปรับโมเดลสินค้าร่วมกันทั้งแบบรายเดือนและรายไตรมาส จากเดิมเน้นทำงานใกล้ชิดกับดิสทริบิวเตอร์เป็นหลัก ไม่ได้เจรจากับระดับเชนสโตร์ และไมโครดิสทริบิวเตอร์โดยตรง

"ต้นปีที่แล้วโนเกียเริ่มเข้ามาคุยกับเชนสโตร์บ้าง แต่ก็ยังไม่มากเท่าขณะนี้ที่มีการวางแผนการทำงานร่วมกัน ซึ่งเป็นประโยชน์กับดีลเลอร์มากเพราะมีข้อมูลช่วยในการตัดสินใจ จากเดิมที่เราตัดสินใจร่วมกับดิสทริบิวเตอร์เท่านั้น ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะโมเดลการขายตรงของคู่แข่งที่เข้าถึงดีลเลอร์โดยตรงทำให้โนเกียต้องลงมาปรับบทบาทให้เข้ามาใกล้ชิดกับช่องทางมากขึ้น รวมทั้งส่วนแบ่งการตลาดที่ตกลงจากที่เคยสูงถึง 60%"

อย่างไรก็ตาม แม้โนเกียจะปรับช่องทางจำหน่ายใหม่ และลงมาใกล้ชิดร้านค้ามากขึ้น แต่ไม่ถึงขั้นลงไปดูในระดับหน้าร้านหรือมีการปรับโครงสร้างมาร์จิ้น และให้เงินสนับสนุนการทำตลาดไปยังช่องทางขายแต่อย่างใด ขณะที่คู่แข่งบางรายลงมาขนาดนั้น

นายไพโรจน์กล่าวว่า ซัมซุงเป็นแบรนด์ที่ให้การสนับสนุนกิจกรรมทางการตลาดมากที่สุด และอัดฉีดงบฯการตลาดทุกรูปแบบหากเทียบคู่แข่งรายอื่นทั้งโมเดลการขายตรงไปยังช่องทางการจำหน่ายทำให้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคู่ค้า ตั้งแต่มาสเตอร์ดีลเลอร์ และดีลเลอร์ รวมถึงการนำรุ่น โลว์เอนด์เข้าโมเดิร์นเทรด ทำให้ส่วนแบ่งตลาดตีตื้นขึ้นมาจนปัจจุบันน่าจะถึง 20% แล้ว ทั้งปีนี้ตั้งเป้าที่จะเพิ่มเป็นกว่า 30% ด้วย

สำหรับภาพรวมตลาดในปีนี้น่าจะใกล้เคียงปีที่ผ่านมาที่ 8-9 ล้านเครื่อง โดย ยอดขายเดือน ม.ค.ถือว่าไม่แรงมากแม้จะ มีการอั้นกำลังซื้อตั้งแต่ปลายปี จากสถานการณ์ต่างๆ ที่เริ่มดีขึ้นทำให้มู้ดการจับจ่ายเริ่มกลับมา เชื่อว่าปีนี้จะยังพอไปได้โดยปัจจุบันราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 3 พัน-3.5 พันบาท และในปีที่ผ่านมาโนเกียมีส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุดกว่า 40% รองลงมาคือ ซัมซุง ไอ-โมบาย แอลจี และอื่นๆ

ที่มา: http://www.matichon.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)


Related Topics

  Subject / Started by Replies Last post
0 Replies
1836 Views
Last post March 08, 2009, 10:01:34 AM
by Reporter
0 Replies
1886 Views
Last post July 20, 2010, 03:16:27 PM
by Nick
0 Replies
2423 Views
Last post August 14, 2010, 01:17:55 AM
by Nick
0 Replies
1628 Views
Last post September 02, 2010, 04:50:01 PM
by Nick
0 Replies
1664 Views
Last post September 07, 2010, 01:35:00 PM
by Nick
0 Replies
2479 Views
Last post September 29, 2010, 03:11:41 PM
by Nick
0 Replies
2360 Views
Last post October 01, 2010, 02:47:43 PM
by Nick
0 Replies
2139 Views
Last post October 12, 2010, 02:20:36 PM
by Nick
0 Replies
4281 Views
Last post November 25, 2010, 11:49:34 PM
by Nick
0 Replies
2128 Views
Last post October 13, 2011, 02:22:36 PM
by Nick