หลายคนที่ได้ติดตามข่าวสาร สเปคมือถือ ไม่ว่าจะตามแบบจริงจัง หรือฟังเค้ามาบ้าง หัวข้อหนึ่งที่มักถูกยกมาถกเถียงกันว่า มือถือเครื่องนี้ดีหรือไม่ดี นั้นคือหน่วยประมวลผล หรือที่เรียกกันว่า CPU นั้นเอง ในช่วงที่ผ่านมา เรื่องของ CPU รุ่นหนึ่ง กลายเป็นประเด็นถกเถียงกัน โดยมีโทรศัพท์มือถือรุ่นหนึ่งมาโยงด้วย
เรื่องที่ว่านั้นคือ HTC One S กับ CPU Snapdragon เพราะสเปคเครื่องจริงๆ ที่เราต้องได้ใช้จาก One S นั้นคือ Snapdragon S4 แต่ด้วยเหตุขัดข้องบางอย่าง ทำให้สเปคในหลายประเทศ ได้ใช้เป็น Snapdragon S3 ที่ปรับความเร็วเป็น 1.7 MHz คนที่ติดตามข่าว หรือชอบเรื่องโทรศัพท์มือถืออยู่แล้ว คงจะเข้าใจ แต่กับหลายคน อาจยังไม่เข้าใจตัวตนของ CPU ปัญหาตัวนี้ ว่ามันสร้างความแตกต่างอย่างไรบ้าง
ทำความรู้จัก CPU Qualcomm Snapdragon S4หลังจากที่ Qualcomm ได้เปิดตัว Snapdragon S4 ออกมา Qualcomm ได้ส่งรุ่นย่อยในรหัส MSM8960 และ MSM8260A ให้ผู้ผลิตโทรศัพท์ไปก่อนหน้านี้ หลังจากนั้นจึงแนะนำ Snapdragon S4 อย่างเป็นทางการด้วยการแบ่งเป็น 4 รุ่นย่อย ได้แก่ Snapdragon S4 Play, Snapdragon S4 Plus, Snapdragon S4 Pro และ Snapdragon S4 Prime รายละเอียดแต่ล่ะรุ่นมีดังนี้
Snapdragon S4 Playถือเป็นรุ่นต่อยอดของ Snapdragon S1 ที่ใช้กระบวนการผลิตที่เล็กลง มีชุดประมวลผลกราฟฟิค (GPU) ที่ดีขึ้น สำหรับกลุ่มตลาดของ S4 Play นั้นจะมุ่งเน้นไปยังมือถือรุ่นเล็กราคาย่อมเยา (Entry-level market) ให้ประสิทธิภาพพอเพียงต่อการใช้งานเบื้องต้น ตัวเลือกนี้จะเหมาะกับผู้เลือกซื้อมือถือด้วยงบที่จำกัด หรือไม่ต้องการจ่ายแพง แต่ยังได้ประสิทธิภาพที่สามารถรองรับการใช้งานพื้นฐานได้เป็นอย่างดี
คุณสมบัติพื้นฐานทั่วไปของ Snapdragon S4 Play สถาปัตยกรรมแบบ Cortex A5 รูปแบบ dual-core
ความเร็ว 1 GHz
ชุดประมวลผลกราฟฟิค Qualcomm Adreno 203
ผลิตที่เทคโนโลยี 40 นาโนเมตร
ชุดประมวลผลกราฟฟิค (GPU) Qualcomm Adreno 203
ใช้กระบวนการผลิตที่ 40 นาโนเมตร
Snapdragon S4 Plusในตระกูล Snapdragon S4 นั้น รุ่นนี้ทำออกมาเพื่อใช้กับ Smartphone รุ่นกลางถึงรุ่นบน มาพร้อมกับเทคโนโลยีต่างๆ ที่เป็นในแบบปี 2012 นี้ และรองรับการใช้งาน 3G และ 4G ในชุดเดียวกัน และ Snapdragon S4 Plus จะแบ่งรุ่นย่อยเป็น 2 รุ่น
คุณสมบัติพื้นฐานทั่วไปของ Snapdragon S4 Plus สถาปัตยกรรมแบบ Krait / Cortex A9 (ดัดแปลง) Dual Core
ใช้กระบวนการผลิตที่ 28 นาโนเมตร
รองรับ Bluetooth 4.0 / Wi-Fi (a/b/g/n) ที่ความถี่ 2.4 / 5GHz
คุณสมบัติปลีกย่อยของ Snapdragon S4 Plus แบบที่ 1 (สำหรับ Smartphone ระดับกลาง) ความเร็ว CPU ที่ 1.2 GHz
ชุดประมวลผลกราฟฟิค (GPU) Adreno 305
เทคโนโลยีการส่งผ่านข้อมูลแบบ Single-channel LPDDR2 @533Mhz
คุณสมบัติปลีกย่อยของ Snapdragon S4 Plus แบบที่ 2 (สำหรับ Smartphone ระดับบน) ความเร็ว CPU ที่ 1.5-1.7 GHz
ชุดประมวลผลกราฟฟิค (GPU) Aderno 225
เทคโนโลยีการส่งผ่านข้อมูลแบบ Dual-channel LPDDR2 @500Mhz
Snapdragon S4 Proเรียกว่าเป็นรุ่นแรงสุดของตระกูล Snapdragon S4 ออกแบบมาเพื่อ Smartphone หรือ Tablet ที่เน้นประสิทธิภาพสูงกว่า Snapdragon S4 Plus ไม่ว่าจะเรื่องการรองรับหน้าจอความละเอียดสูง / การแสดงผลกราฟฟิคที่ยอดเยี่ยมที่สุดตั้งแต่ทำมา / การประมวลผลที่ว่องไวมากกว่า Snapdragon S4 Plus ในขณะที่การใช้พลังงาน ก็ทำได้ยอดเยี่ยมที่สุดในตระกูลเช่นกัน
คุณสมบัติพื้นฐานของ Snapdragon S4 Pro สถาปัตยกรรมแบบ Krait / Cortex A9 (ดัดแปลง)
ใช้กระบวนการผลิตที่ 28 นาโนเมตร
ความเร็ว CPU ที่ 1.5-1.7 GHz (มีทั้งรุ่น Dual-Core และ Quad-Core)
รองรับการใช้งาน Bluetooth 4.0 WiFi (a/b/g/n) รองรับคลื่นความถี่ 2.4 / 5GHz
เทคโนโลยีการส่งผ่านข้อมูลแบบ Dual-channel LPDDR2 @500Mhz
นอกจากนี้ ยังมี Snapdragon S4 Prime อีกรุ่น แต่ CPU ตัวนี้ ใช้กับใน TV ตระกูล Internet TV ทั้งหลาย ซึ่งคงไม่พูดถึงในบทความนี้ เช่นนั้นแล้ว เมื่อเห็นสเปคของ Snapdragon S4 ในภาพรวมแล้ว ทีนี้ มาดูสเปคของ Snapdragon S3 บ้างดีกว่า
คุณสมบัติพื้นฐานทั่วไปของ Snapdragon S3 สถาปัตยกรรมแบบ Scorpion / Cortex A8 (ดัดแปลง) รูปแบบ dual-core
ใช้กระบวนการผลิตที่ 45 นาโนเมตร
ความเร็ว CPU 1.2-1.5 GHz
ชุดประมวลผลกราฟฟิค Qualcomm Adreno 220
เทคโนโลยีการส่งผ่านข้อมูลแบบ Dual-channel LPDDR2 @300Mhz
สำหรับ Smartphone ที่ใช้งาน Snapdragon S3 ที่ทุกคนคุ้นเคยกัน ได้แก่ Sony Xperia S / HTC One S (Asia Market) / Oppo Find 3 / HTC Sensation Sensation XE
อะไรที่ทำให้ Snapdragon S4 เหนือกว่า S3?เมื่อได้ทราบถึงรายละเอียดของทั้งตัว S3 และ S4 แล้ว จะเห็นได้ว่า S4 มีความเหนือกว่า S3 เมื่อเทียบเทคโนโลยีกันแบบตัวต่อตัว เพราะใน S4 ใช้เทคโนโลยีการผลิตที่เล็กกว่า การผลิตให้ตัววงจรมีขนาดเล็กลงได้ ส่งผลให้ความร้อนน้อยลง การใช้พลังงานก็น้อยลง เพราะขนาดตัวที่เล็กลงนั้นเอง เมื่อร้อนน้อย กินไฟน้อย นั้นทำให้ประสิทธิภาพที่ได้ ดึงศักยภาพได้มากกว่าวงจรที่มีขนาดใหญ่กว่า
อย่างต่อมา การประมวลผลกราฟฟิค ที่ถือเป็นจุดอ่อนของ Snapdragon ในอดีต ใน S4 ได้ปรับปรุงคุณภาพของหน่วยประมวลผลกราฟฟิค ให้ทำงานได้ดีกว่า S3 ถึง 2 เท่า และถึงหน่วยประมวลผลกราฟฟิค อาจไม่ใช่ที่สุดของตลาด แต่ด้วยปัจจัยความแรง+เบาของ CPU แล้ว การดึงประสิทธิภาพในด้านกราฟฟิค ก็เลยลงตัวโดยปริยายเช่นกัน
ในแง่การใช้งานทั่วไป ไม่ว่าจะ S3 หรือ S4 อาจไม่แตกต่างจนรู้สึกได้ชัดเจน แต่หากใช้งานกับ App หรือ Game ที่ใช้ความสามารถเครื่องมากๆ แน่นอนว่าจะเห็นผลที่แตกต่างทันที ไม่ว่าจะความเร็ว การตอบสนอง ความร้อนที่เกิดขึ้น รวมถึงประสิทธิภาพแบตเตอรี่ ซึ่ง S4 จะให้ประสิทธิภาพที่ดีกว่า
บทสรุปของเรื่องนี้?กรณีของ HTC One S ที่ขายในประเทศไทยด้วย CPU Snapdragon S3 นั้น หากมองว่าเป็นการได้โทรศัพท์รุ่นใหม่ที่ไม่สมบูรณ์ด้านประสิทธิภาพก็ถูก แต่หากมองถึงการแก้ไขปัญหา S4 ผลิตไม่ทัน ก็ถือว่าเป็นการแก้ไขปัญหาของ HTC ที่ทำได้ลงตัวในระดับที่ดีที่สุดเช่นกัน
แน่นอนว่า สำหรับผู้ใช้งานทั่วไปแล้ว หากไม่ได้ติดตามข่าวสารมาก ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องเก็บไปคิดมากจนเกินไป แต่กับผู้ใช้ที่ต้องการประสิทธิภาพ หรือผู้ใช้ที่ติดตามข่าวสาร และมีความเข้าใจในด้านสเปคระดับหนึ่งนั้น HTC ถือว่าได้เสียโอกาสกับลูกค้าไปพอสมควร ยิ่งได้รู้ว่า One S ที่ใช้ S4 มีขายในบางประเทศ ก็กลายเป็นคำถามที่ชวนคิดว่า ทำไมถึงไม่ได้ทั้งโลกอย่างเท่าเทียมสเปคที่ควรจะเป็น
การสร้างโทรศัพท์มือถือนั้น สเปคเครื่องเป็นเรื่องสำคัญ แต่การปรับแต่งเองก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน บางทีแล้ว สุดท้ายที่สุด การได้ลองใช้งาน อาจเป็นคำตอบสุดท้ายของการบอกได้ว่า เทคโนโลยีที่ใช้นั้น ดีพอกับเราหรือไม่ ระดับความพอใจในการตอบสนองของทุกคนก็ไม่เท่ากันอีกเช่นกัน
สุดท้ายนี้ ขอให้การเลือก Smartphone ใช้งาน เกิดจากความพอใจที่ได้สัมผัสจากการทดลองของเราเอง เพราะสเปคในกระดาษ บางทีก็อาจไม่เท่ากับการถามตัวเองว่า “พอใจ” “ลงตัว” หรือไม่มากกว่า
ที่มา MXPhone