ริม (RIM) ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนบีบีสุดเซ็งรับเคราะห์หุ้นดิ่งโลก ปฏิเสธข่าวลือเตรียมแยกธุรกิจไม่เป็นความจริง ข่าวดังกล่าวส่งผลให้มูลค่าหุ้นของริมลดลงต่อเนื่องกระทั่งถูก Morgan Stanley ลดระดับความน่าเชื่อถือลง ส่งผลให้มูลค่าหุ้นริมมีราคาต่ำที่สุดในรอบ 9 ปี กระแสข่าวลือเรื่อง RIM เตรียมแยกธุรกิจของบริษัทออกเป็น 2 ส่วนนั้นถูกเผยแพร่ต่อสาธารณชนอย่างจริงจังช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา
สื่ออเมริกันนั้นตีข่าวว่าผู้ผลิตแบล็กเบอรี่ "Research in Motion" กำลังวางแผนแยกธุรกิจของตัวเองออกเป็น 2 ส่วน คาดธุรกิจผลิตบีบีจะถูกแยกออกต่างหากจากธุรกิจบริการเครือข่ายรับส่งข้อความ ทำให้หลายฝ่ายจับตาความเคลื่อนไหวนี้ว่าการแยกธุรกิจจะนำไปสู่การขายธุรกิจบีบีอย่างที่มีข่าวลือหนาหูหรือไม่อย่างไร
หลังจากเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ริม (RIM) ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนแบล็กเบอรี่ มีข่าวว่าได้จ้างบริษัทวิเคราะห์ด้านการเงินอย่างเจพีมอร์แกนและอาร์บีซีแคปิตอล ให้ศึกษาว่าริมมีโอกาสดำเนินกลยุทธ์ใดบ้างในการปรับโครงสร้าง ล่าสุดสำนักข่าวซันเดย์ไทมส์ (The Sunday Times) รายงานโดยไม่ระบุชื่อแหล่งข่าวว่า ริมได้รับคำตอบเบื้องต้นแล้วในการแยกธุรกิจบีบีออกจากบริษัทหลัก โดยยังไม่มีการฟันธงว่ารูปแบบการแยกจะจบลงที่การตั้งเป็นบริษัทใหม่ หรือการขายธุรกิจผลิตสมาร์ทโฟนให้กับผู้เล่นรายอื่น
สื่ออเมริกันยังระบุว่าผู้ที่มีโอกาสเสนอตัวซื้อหน่วยธุรกิจผลิตบีบีมีทั้งยักษ์ใหญ่อย่างอเมซอนและเฟซบุ๊ก ที่น่าสนใจคือ ธุรกิจเครือข่ายข้อความของริมนั้นมีโอกาสถูกจำหน่ายแก่บริษัทอื่นเช่นกัน ไม่เช่นนั้นก็อาจถูกเปิดเสรีเป็นพันธมิตรกับคู่แข่งในตลาดสมาร์ทโฟนเช่นแอปเปิล และกูเกิล เพื่อสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอีกทาง
ซันเดย์ไทมส์ยังระบุว่า ทางเลือกอีกทางของริมคือการเก็บทั้ง 2 หน่วยธุรกิจนี้ไว้แต่จำหน่ายหุ้นให้บริษัทไอทีรายใหญ่อย่างไมโครซอฟท์ ก็เป็นได้ แต่ทั้งหมดนี้ยังไม่มีความแน่ชัดจากริมว่าจะตัดสินใจทางใด โดยก่อนหน้านี้ ริมออกแถลงการณ์ว่าจะเดินในแนวทางที่เป็นประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหุ้นและแผนการฟื้นฟูกำไรให้บริษัท
ริมนั้นเป็นบริษัทที่ชูแนวคิดอีเมลทันใจจนทำให้สมาร์ทโฟนบีบีเครื่องแรกประสบความสำเร็จและได้รับความนิยมจากนักธุรกิจทั่วโลกแบบถล่มทลาย แต่เพราะการเปลี่ยนแปลงและปรับตัวของผู้ค้าสมาร์ทโฟนในตลาดโลก ทำให้บีบีขาดจุดขายและตกเป็นรองในสมรภูมิอย่างชัดเจนช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา
สำหรับอเมซอนและไมโครซอฟท์ซึ่งซันเดย์ไทมส์รายงานว่าอาจเป็นผู้ซื้อธุรกิจผลิตบีบีจากริม ทั้งคู่ถูกมองว่าจะสามารถขยายกิจการจากที่จำกัดเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้คอมพิวเตอร์มาสู่กลุ่มผู้ใช้สมาร์ทโฟนได้หากซื้อกิจการสมาร์ทโฟน โดยทั้ง 2 มีรายชื่อในรายงานตั้งแต่ปีที่แล้วว่าริมกำลังเปิดเจรจาเพื่อจำหน่ายธุรกิจผลิตบีบีไป เช่นเดียวกับกลุ่มทุนอิสระ ซึ่งมีรายงานว่าได้ร่วมการเจรจากับริมเช่นกัน แต่การเจรจาไม่เคยบรรลุผลภายใต้การนำของอดีตซีอีโอร่วมทั้งไมค์ ลาซาริดิส (Mike Lazaridis) และจิม บาลซิลี (Jim Balsillie)
นอกจากอเมซอนและไมโครซอฟท์ เฟซบุ๊กก็เป็นอีกรายที่ถูกลุ้นว่าจะควักเงินซื้อกิจการสมาร์ทโฟนเพื่อขยายธุรกิจเช่นกัน โดยริมนั้นเป็นธุรกิจสมาร์ทโฟนที่มีภาษีดีเรื่องความคุ้มค่าในการซื้อกิจการมากที่สุด เพราะนักวิเคราะห์เชื่อว่าการซื้อริมจะใช้เงินน้อยกว่าการเจรจากับโนเกียซึ่งเป็นแบรนด์ที่เริ่มเสื่อมความนิยมจนมีข่าวลือเรื่องการเจรจาซื้อขายกิจการเช่นกัน
ความเคลื่อนไหวล่าสุดของริมคือการออกมาปฏิเสธข่าวลือว่าริมกำลังเตรียมปลดพนักงานออกราว 6,000 คนเพื่อลดค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการปฏิเสธอย่างชัดเจนช่วงปลายเดือนพ.ค. 2555 แต่นักวิเคราะห์หลายรายมีการอ้างแหล่งข่าววงในว่าริมทยอยปลดพนักงานในแคนาดาจริง โดยประเมินว่าพนักงานฝ่ายผลิตได้รับผลกระทบหนักที่สุด
ขณะเดียวกัน ต้นเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ประชาสัมพันธ์ของริมยืนยันว่าบริษัทได้เลิกจำหน่ายแท็บเล็ต BlackBerry PlayBook รุ่น 16GB โดยจำหน่ายเฉพาะรุ่น 32GB และ 64GB เท่านั้นบนเหตุผลว่ารุ่นที่มีความจุสูงกว่าจะให้คุณค่ากับผู้ใช้ได้มากกว่า อย่างไรก็ตาม นักสังเกตการณ์ไม่เห็นด้วยและคาดว่ารุ่น 16GB นั้นสร้างกำไรให้ริมได้ไม่เท่ารุ่นความจุสูง ทำให้ริมตัดสินใจยกเลิกการผลิตรุ่น 16GB ไปเพื่อลดค่าใช้จ่ายของบริษัทในทางอ้อม
Company Related Link :
RIM
ที่มา: manager.co.th