ไม่น่าแปลกใจสำหรับการสำรวจที่พบว่าซัมซุงและคู่แข่งอย่างแอปเปิล คือค่ายสมาร์ทโฟนที่ครองส่วนแบ่งตลาดเกิน 50% ของตลาดโลกในช่วงไตรมาสแรกปี 2012 แต่สิ่งที่น่าทึ่งคือ ABI Research พบว่า 2 ยักษ์ใหญ่นี้ครองส่วนแบ่งกำไรในตลาดสมาร์ทโฟนรวมกันมากกว่า 90% ถือเป็นความจริงที่เจ็บปวดของผู้เล่นรายอื่นในตลาดสมาร์ทโฟนทั้งโนเกีย ริม (RIM : Research In Motion) โซนี่ หัวเว่ย และแซททีอี ซึ่งเหลือกำไรแบ่งกันไม่ถึง 10% เอบีไอรีเสิร์ช (ABI Research) บริษัทวิจัยตลาดเทคโนโลยีเปิดเผยว่า จำนวนยอดการจัดส่งสมาร์ทโฟนในตลาดโลกช่วงไตรมาสแรกของปี (ม.ค.-มี.ค. 2012) นั้นมีราว 145 ล้านเครื่อง คิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้น 41% เมื่อเทียบจากช่วงปีที่ผ่านมา โดยผู้ที่จัดส่งสมาร์ทโฟนมากที่สุดในช่วง 3 เดือนแรกของปีคือซัมซุงที่มียอดจัดส่งสูงถึง 43 ล้านเครื่อง
ส่วนแอปเปิลเป็นอันดับ 2 ด้วยยอดจัดส่งสมาร์ทโฟน iPhone4S ทั้งสิ้น 35 ล้านเครื่อง ผลจากการไม่ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ในช่วงเวลาดังกล่าว ทำให้ยอดจัดส่งไอโฟนลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบจาก 37 ล้านเครื่องในไตรมาส 4 ปี 2011
เมื่อรวมยอดจัดส่งสมาร์ทโฟนของซัมซุงและแอปเปิล ทั้ง 2 ค่ายครองสัดส่วนตลาดสมาร์ทโฟนรวมกัน 55% อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่ไม่ได้ครองส่วนแบ่งกำไรในตลาดสมาร์ทโฟน 55% ตามสัดส่วนจำนวนเครื่องที่จัดส่ง เพราะการศึกษาพบว่าเงินกำไรจากตลาดมากกว่า 90% นั้นตกเป็นของ 2 ยักษ์ใหญ่นี้ ตามข้อสังเกตของนักวิจัยของเอบีไอ
โนเกียซึ่งเคยเป็นแชมป์ในตลาดโทรศัพท์มือถือระบบ 2G การสำรวจของเอบีไอพบว่าโนเกียสามารถจัดส่งสมาร์ทโฟนราว 12 ล้านเครื่องในช่วง 3 เดือนแรกของปี ส่งให้เป็นผู้เล่นอันดับ 3 ในตลาดสมาร์ทโฟนโลกในช่วงเวลาดังกล่าว
ขณะที่ริม เจ้าของสมาร์ทโฟนแบล็กเบอร์รี (Blackberry) ขวัญใจนักธุรกิจนั้นจัดส่งสมาร์ทโฟนราว 11 ล้านเครื่อง ถูกจัดให้อยู่ในอันดับ 4 เบื้องต้นเอบีไอคาดว่าริมมีโอกาสตีตื้นในตลาดสมาร์ทโฟนจนชนะโนเกียอีกไม่นาน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะทิศทางที่เหนือกว่าโนเกียในช่วงไตรมาสแรกของปีที่ผ่านมา
สำหรับโนเกียและสมาร์ทโฟนวินโดวส์โฟน (Windows Phone) ไมเคิล มอร์แกน นักวิเคราะห์อาวุโสธุรกิจอุปกรณ์ แอปพลิเคชัน และคอนเทนต์ของเอบีไอ ประเมินว่าโนเกียจะสามารถผลักดันตลาดวินโดวส์โฟนให้เติบโตถึง 5,000% (50 เท่า) ในช่วงปี 2012 นี้ แต่ก็จะเป็นการทดแทนภาวะถดถอยของตลาดระบบปฏิบัติการซิมเบียน (Symbian) เท่านั้น เท่ากับไม่ได้ทำให้ธุรกิจของโนเกียเติบโตขึ้นแต่อย่างใด
แอลจี กลายเป็นผู้ค้าอันดับ 5 ในตลาดสมาร์ทโฟน แม้ธุรกิจโทรศัพท์มือถือของแอลจีจะสามารถพลิกสถานการณ์จากขาดทุน 1 แสนล้านวอนในไตรมาสแรกปีที่แล้ว มาเป็นกำไร 3.9 หมื่นล้านวอนในไตรมาสแรกของปี 2012 ซึ่งหากแอลจีสามารถสร้างนวัตกรรมได้เพิ่มขึ้น อันดับสมาร์ทโฟนโลกอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ซัมซุงนั้นกำลังประสบปัญหาสายการผลิตบกพร่อง โดยล่าสุดเพิ่งประกาศเลื่อนการจอง Galaxy S3 ในประเทศแคนาดาเพราะความต้องการล้นตลาด ซึ่งก่อนหน้านี้ซัมซุงเปิดเผยว่ายอดสั่งจองสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดที่ซัมซุงเปิดตัวช่วงเดือน พ.ค.ที่ผ่านมานั้นทะลุหลัก 9 ล้านเครื่อง ถือเป็นยอดสั่งจองที่สูงเป็นประวัติการณ์ของซัมซุง
ไม่เพียงแคนาดา ซัมซุงยังเลื่อนการวางจำหน่าย Galaxy S3 ในภูมิภาคออกจากวันที่ 20 มิ.ย.เป็น 27 มิ.ย.นี้ โดยหลังจากเริ่มเปิดตัวใน 28 ประเทศทั่วยุโรปและตะวันออกกลางช่วงเดือน พ.ค. Galaxy S3 จะมีคิววางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในอีก 145 ประเทศช่วงเดือน ก.ค. ซึ่งเกาหลีใต้บ้านเกิดของซัมซุงจะเป็น 1 ใน 145 ประเทศนั้นด้วย
การสำรวจพบว่า ผู้ผลิตอย่างโซนี่สามารถจัดส่งสมาร์ทโฟนได้ราว 7 ล้านเครื่องในช่วง 3 เดือนแรกของปี สูงกว่าหัวเว่ยที่จัดส่งราว 6.8 ล้านเครื่อง ตามมาด้วยแซททีอีที่มียอดจัดส่ง 4.9 ล้านเครื่อง
อีกข้อมูลที่น่าสนใจจากการสำรวจครั้งนี้คือ ตลาดอเมริกาเหนือและยุโรปนั้นเริ่มถึงจุดอิ่มตัวด้วยสัดส่วนผู้ใช้โทรศัพท์มือถือที่มีมากกว่า 50% ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจึงพร้อมใจเบนเข็มความสนใจมาที่ตลาดจีนมากขึ้น พร้อมกับการพยายามสร้างความแตกต่างและระบบรับจ้างผลิตที่เอื้อต่อการแข่งขันและการทำกำไรที่มากขึ้นอย่างดุเดือด
Company Related Link :
ABI Research
ที่มา: manager.co.th