ผู้จัด “แหม่ม ธิติมา” แอ่นรับทำโฟโต้บุ๊คละคร “ธรณีฯ” ไม่บอกช่อง แจงเป็นคนสื่อสารน้อย จึงไม่ได้บอกว่าจะทำขายเพื่อนำเงินไปทำบุญ ยันไม่คิดเอาเข้าประเป๋าตัวเอง เผยตอนนี้ “สมรักษ์” รับทราบเรื่องแล้ว ส่วนเรื่องเอาชื่อ “ณเดชน์” ไปขายโฆษณา เจ้าตัวเชื่ออีกฝ่ายต้องเข้าใจว่าเป็นการกุศล มีเรื่องวุ่นรายวัน สำหรับกองละครเรื่อง “ธรณีนี่นี้ใครครอง” ก่อนหน้านี้ก็มีปัญหาแฟนคลับ “ณเดชน์ คูกิมิยะ” ป่วนกองจนทีมงานทำงานกันลำบาก จนโดนผู้กำกับอย่าง “ป้าแจ๋ว ยุทธนา ลอพันธ์ไพบูลย์” เหวี่ยงมารอบนึงแล้ว อีกทั้งยังมีเหตุให้ต้องเลื่อนออกอากาศด้วยเหตุผลทางเทคนิค
ล่าสุดก็ฉาวอีกรอบ หลังมีข่าวเม้าท์หึ่ง ว่า “แหม่ม ธิติมา สังขพิทักษ์” บอสใหญ่บริษัท ฟีลกู๊ด เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้จัดละครเรื่องนี้ อุ๊บอิ๊บทำโฟโต้บุ๊คละครเรื่องดังกล่าว ทั้งยังเอาชื่อของหนุ่มณเดชน์ ไปขายโฆษณาเอง โดยไม่ผ่านช่อง จนโดนช่อง 3 ตรวจสอบ สบโอกาสเจอ แหม่ม ธิติมา ในงานบวงสรวงละครเรื่อง “ดาวเรือง” ที่ช่อง3 หนองแขม เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าตัวก็เคลียร์เสียงเครียดว่า...
“ก็คือยอมรับว่าเราเป็นคนทำเอง มันเป็นความคิดที่แปลกใหม่จริงๆ แล้วละครเรื่องธรณีฯเป็นเรื่องที่โลเคชั่นสวยทุกที่ ณเดชน์ก็เล่นกล้อง ป้าแจ๋วก็เล่นกล้อง ก็เลยมีภาพสวยๆ ในกอง ก็เลยคิดว่าจะทำเป็นโฟโต้บุ๊ค แต่ทำกันแค่ในกอง และก็เลยคิดว่า หรือเราจะทำขายกันไปเลย”
“เราเองอาจเป็นคนที่สื่อสารน้อย ก็ไม่ได้บอกใคร คิดไว้ในใจ เราคิดว่าจะทำขายเพื่อทำบุญ แต่เราก็คิดว่ามันยังไม่ถึงเวลา ก็เลยรอทำเสร็จ พอเสร็จแล้วก็เลยมีข่าว แต่ว่าเราแจ้งช่องหมด ช่องรับทราบ และได้ประชุมกับการตลาดไปแล้ว เพิ่งสรุปกับการตลาดว่าเราจะให้มูลนิธิอะไร เราก็อยากให้เข้ากับธีมละคร เลยคิดว่าจะมอบให้กับที่ไหนดี และก็เพิ่งมาสรุปได้กับทางการตลาดของช่องว่าเป็นมูลนิธิราชประชานุเคราะห์”
ที่เกิดการสับสนว่าเงินรายได้ไม่ได้เข้าช่อง?
“มันมีคนพูดประมาณว่า เราจะทำโฟโต้บุ๊คกับพี่สมรักษ์ พี่สมรักษ์ก็บอกว่าใช่ เดี๋ยวจะให้เรื่องนั้นเรื่องนี้ทำด้วย แล้วก็ดันไปถามว่ารายได้จะเข้าช่องหรือเข้าใคร พี่สมรักษ์คงบอกไปว่า ไม่ได้เข้าช่อง คนเลยตีความกันไป เราก็คงผิดเองที่ไม่ได้สื่อสารว่าอยากจะทำบุญ เราไม่ได้ตัดสินใจว่าจะทำบุญที่ไหน เราเองก็ไม่ได้แจ้ง แต่ยืนยันว่าเราสรุปกันทางช่องแล้ว”
“ส่วนเรื่องจะจัดงานสามวันสามคืน อันนี้จะเป็นงานของช่อง เพราะคิดว่ารูปสวย เราอยากโชว์ภาพกัน เราทำเพื่อส่งเสริมละครธรณีฯ (เหมือนกับขุนศึกที่ทำเสื้อยืดขาย?) ใช่ค่ะ แต่ทำไมไม่เป็นปัญหา เราทำทุกอย่างที่ส่งเสริมละคร เราไม่ได้คิดเพื่อตัวเราเอง เรามีความสุขกับการทำละคร เราไม่คิดจะเบี่ยงแบนไปทำอาชีพอื่น เราทำเพื่อรองรับละครให้มีกระแส ทีแรกจะทำหมอนด้วย แต่เราเสียใจ เลยคิดว่าจะไม่ทำแล้ว”
“เราเสียใจที่ไม่มีใครเข้าใจเรา แต่หนังสือหยุดไม่ได้ เพราะสั่งพิมพ์ไปแล้ว ด้วยใจเพราะอยากทำเพื่อละครทั้งหมด เราอาจคิดเร็วไปเลยไม่ได้แจ้งช่อง อย่างงานอีเว้นท์ก็เหมือนกัน ป้าแจ๋วก็ไม่ได้แจ้งช่อง คุยกับเซ็นทรัลว่ามีวันว่างไหม ซึ่งพอแจ้งเสร็จเราก็จะคุยกับการตลาด ว่าเราจะทำอะไรบางอย่างเพื่อละครเรื่องนี้”
“ส่วนเรื่องรูปในโฟโต้บุ๊คนั้น พอดีมีน้องคนนึงเป็นช่างภาพแล้วถ่ายรูปสวยมาก เราก็เลยเห็นว่าสวยเลยเอามาทำ จัดนิทรรศการด้วย มีทั้งฝีมือป้าแจ๋วและณเดชน์ เรื่องสปอนเซอร์อะไรก็ไม่มีเลย โฟโต้บุ๊คถ้าเหลือแล้วอาจมีจำหน่าย หลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้วมอบให้ในหลวงหมดค่ะ”
“แล้วมันก็มีข่าวว่าเราไม่ให้นักข่าวเข้ากอง จะบอกว่าละครเรื่องนี้อยู่แต่ต่างจังหวัดทั้งเรื่อง แล้วสถานที่ที่ไปมันลำบากมาก เดินทางด้วยเครื่องบิน แล้วช่วงที่ไปถ่ายมันเป็นช่วงพีคของการท่องเที่ยว โรงแรมหรือเครื่องบินเราเสียราคาเต็ม และแพงมาก เราไม่มีสปอนเซอร์เลย เราต้องไปแย่งกับคนไปเที่ยว”
“เราก็บอกว่าเรื่องนี้เราคงไม่มีงบให้นักข่าวไปทำข่าวที่ต่างจังหวัด แต่ข่าวมันออกไปว่าเราไม่ให้นักข่าวเข้ากอง มันอาจเป็นเพราะการสื่อสารทุกสิ่งทุกอย่าง เราต้องโทษตัวเองที่พูดไม่เคลียร์ ไม่พูดให้นักข่าวเข้าใจ เราเสียใจที่นักข่าวไม่ถาม เราทำงานมา 30 ปีไม่เคยมีปัญหากับใคร ไม่ชอบทะเลาะกับใคร ใครอยากมากองก็รับแขกอยู่แล้ว อาจเป็นเพราะสื่อสารผิด”
“ส่วนทีมงานก็มีเปลี่ยนอยู่แล้ว เขาก็มีการแจกรูป แต่ไม่รู้ว่าเขาแจกรูปอะไรกันไปบ้าง เราก็ให้แบ่งรูปให้นักข่าวอย่างยุติธรรม แต่บางครั้งรูปที่ถ่ายให้ มันไม่สามารถไปลงข่าวได้นะ บางทีเป็นรูปดาราถ่ายเล่นๆ กัน แต่ก็ไปตีความหมายกันว่าไม่ให้เข้ากอง ไม่ให้รูปนักข่าว เราเองก็ต้องพึ่งพาหากินกัน”
“ยิ่งกระแสแฟนคลับด้วย วันนี้เราเลยได้ธรรมะสอนใจตัวเอง เม้าท์คนอื่นสนุก แต่ถูกคนอื่นเม้าท์มันไม่สนุก สังคมโซเชียลมีเดียมันเป็นแบบนี้ โปรดใช้วิจารณญาณกันบ้าง อย่างที่ผ่านมาเราก็พานักข่าวไปภูทับเบิก แต่ต้องนั่งรถตู้ เราเองก็เกรงใจ มีงบให้แค่นี้ เพราะเราคิดถึงความปลอดภัย นักข่าวมีเป็นร้อย ถ้าเราให้คนขึ้นบินไปสักหนึ่งคน คนอื่นก็คงน้อยใจ ก็เลยให้เท่าเทียมกัน”
บอกกระแสต่างๆ ที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบต่อจิตใจ ลุกลามเหมือนไฟลามทุ่ง
“ดูหน้าสิแก่ไปในวันเดียว (หัวเราะ) มันเหมือนไฟลามทุ่ง เราไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เราฟังข่าวลือแล้วตกใจมาก เหตุมันนิดเดียวแต่ทำไม่เรื่องบานปลาย เราก็คิดเสียว่าเป็นเพราะกระแสละครดัง ทุกคนใส่ใจ คราวนี้คนคงต่อดูแล้วว่าละครเรื่องนี้มันมีอะไรกระแสในอินเตอร์เน็ตมันแรง คนชอบก็มี ไม่ชอบก็มี เลยมีการเถียงกันระหว่างแฟนคลับ”
“ทั้งนี้ทั้งนั้นเรื่องทั้งหมดเราผิดเองเราขอโทษๆ จริงๆ ช่วยขีดเส้นตายคำว่าขอโทษด้วยนะ เรื่องโฟโต้บุ๊คต่อไปคงไม่ทำแล้ว เข็ด(หัวเราะ) เราก็ไม่ได้เจตนาทำอะไรให้กระทบใคร เรื่องทั้งหมดพี่สมรักษ์ก็ทราบนะ เราเอาก็อบปี้ยังไปอวดเขาเลย แต่เขาแค่ไม่ทราบว่าเราจะทำให้กุศล งานเลยเข้า แต่ก็เป็นเรื่องที่ทดสอบจิตใจ”
เรื่องเอาชื่อ “ณเดชน์” ไปขายโฆษณา?
“มันก็มีกระแสมาด้วย แต่เราคิดว่าน้องเข้าใจเรา ทำงานมาด้วยกันหลายเรื่อง คิดว่าเขาเข้าใจเจตนาเราว่าจะทำการกุศล หรือถ้าหากจะทำเข้ากระเป๋าตัวเอง ค่าตัวเราก็ต้องแบ่งให้น้อง น้องเขาได้ยินตลอดแหละ เพราะเราก็รู้เรื่องปัญหาลิขสิทธิ์”
มีข่าวว่าถูกช่องเรียกไปสอบสวน?
“เราก็งง ถูกไปสอบสวนโฆษณาอะไร ขายอะไร เรามีสิทธิ์ขายโฆษณาของช่องไหม ขายโฆษณาในโฟโต้บุ๊คก็ไม่มี มีแต่โลโก้ช่อง3 เราเลยไม่รู้ว่าเอาน้องไปขายอะไร เท่าที่ทราบเราไม่มีสปอนเซอร์เลย หรือถ้ามีก็น้อยมาก เราใช้การตลาดของช่อง ซึ่งเราไม่มีการถูกสอบสวนอะไรเลยค่ะ ไม่โดนใครเรียกเลย เราก็โทร.ไปหาพี่สมรักษ์ว่ามีอะไรหรือเปล่าค่ะ พี่เขาก็บอกว่าไม่มี ดูสิละครดีๆ ก็ทำให้มันมีมลทิน”
แม้จะสนิทกับ “ไก่ วรายุฑ มิลินทจินดา” แต่เจ้าตัวบอกไม่ได้ปรึกษาพูดคุยกับเรื่องนี้
“ไม่ค่ะ พี่ไก่เองก็งานเยอะอยู่แล้ว ไม่อยากเอาเรื่องกลุ้มใจไปให้ เราอยากแก้ไขเอง ถ้าแก้ไขปัญหาไม่ได้จริงๆ ค่อยยกหูโทร.หาพี่ไก่กับพี่สมรักษ์ อะไรไม่ดีเราแก้ไขได้ก็ทำ ไม่หนักหนาสาหัสก็ไม่ไปปรึกษา”
มันเลยมีข่าวว่าทะเลาะกับ “ไก่ วรายุฑ” จนต้องออกจากบริษัทโนพรอบเล็ม มาเปิดบริษัทเอง?
“บริษัทฟีลกู๊ดฯ คือเราได้รับมอบหมายให้ทำละครหลายเรื่อง มีเรื่อง ดาวเรือง ต่อ เราเลยต้องมีทีมเพิ่ม พอเปิดเพิ่ม เราก็ต้องทำในรูปแบบบริษัทมันก็เลยมีข่าว ทำไมผู้จัดคนอื่นเปิดสองทีมไม่มีข่าว เราเปิดสองทีมทำไมมีข่าว ทุกวันนี้เรายังนั่งอยู่บริษัทพี่ไก่ เราก็ยังใช้ชื่อเราแหละ อย่าไปคิดว่าเป็นฟีลกู๊ดฯหรือบริษัทโนพรอบเล็มเลย แค่ขอเป็นละครของเราอย่ามองแค่บริษัท”
“ซึ่งเรื่องกระแสเราก็คุยกับพี่ไก่นะ ว่ามีข่าวมา เราก็ถามว่าพี่มีอะไรกับหนูหรือเปล่า เขาก็บอกว่าไม่มี เพราะเพิ่งไปเที่ยวด้วยกันมา เขาบอกว่าน้องได้ดี ทำไมพี่จะไม่มีความสุข ฉันส่งถึงฝั่งหมด พี่ไก่เขาเหมือนแม่เหมือนพี่ เราไม่เคยลืมบุญคุณเขา”
“เราเป็นผู้เป็นคนได้เพราะเขา ต้องขอบคุณเขา เราพร้อมที่จะตอบแทนเขาได้ทุกอย่าง เราเป็นคนแข็งนอกอ่อนใน หลายคนอาจมองว่าเราเป็นตัวร้ายมาก่อน (หัวเราะ) กลัวเป็นข่าวมากตอนนี้ ส่วนการแยกบริษัทกันไม่เกี่ยวว่าใครจะได้ฟอร์มเล็กหรือใหญ่ ใครว่างเป็นเสียบค่ะ”
ที่มา: manager.co.th