นายเปรมกมลย์ ทินกร ณ อยุธยา กรรมการ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ในฐานะรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)
อสมท ผุด “คลุกวงข่าว” แทน “ข่าวข้นฯ” ดึง “จอม เพชรประดับ” ดำเนินรายการ และมอบหมายให้เทรนพิธีกรในช่องให้มีคุณภาพมากขึ้น พร้อมเสริมทัพด้วย “หมอลักษณ์” มั่นใจการปรับโฉมใหม่จะมีรายได้เพิ่ม 50 ล้าน ยันกับเนชั่นจากกันด้วยมิตรไมตรีที่ดี อนาคตร่วมงานกันได้ หลังจากมีการเปิดเผยออกมาพักใหญ่แล้วว่า อสมท สั่งถอดรายการ “ข่าวข้นคนข่าว” และรายการ “เช้าข่าวข้น” ของบริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) พ้นผังปี 2555 ยกแผง ซึ่งเป็นจริงตามที่มีข่าวลือออกมาก่อนหน้านี้ โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม นี้เป็นต้นไป ท่ามกลางข่าวลือว่า มีเรื่องของการเมืองเข้ามาแทรกแซง เนื่องจากก่อนหน้านี้ทางด้านของ “กนก รัตน์วงศ์สกุล” หนึ่งในผู้ดำเนินรายการข่าวข้นฯ เคยโดนผู้ใหญ่ใน อสมท เรียกไปตักเตือน หลังเจ้าตัววิจารณ์การทำงานของรัฐบาลอย่างตรงไปตรงมา และยังมีเหตุการณ์ที่ทางสถานีปล่อยเสื้อแดงเข้ามาข่มขู่กนกถึงสถานี จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ร้อนถึงผู้บริหาร อสมท ต้องออกมาเคลียร์กระแสข่าวดังกล่าวว่าไม่เป็นความจริง
ล่าสุด เมื่อบ่ายวันนี้(13 มิ.ย.) นายเปรมกมลย์ ทินกร ณ อยุธยา กรรมการ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ในฐานะรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ได้เปิดแถลงข่าวเปิดตัวรายการ “คลุกวงข่าว” ที่จะมาแทน “ข่าวข้นคนข่าว” และรายการ “คุยโขมงข่าวเช้า” มาแทน “เช้าข่าวข้น” อย่างเป็นทางการ ขึ้นที่ห้องส่ง 1 อาคารสถานีโทรทัศน์ บมจ. อสมท โดยชี้แจงว่า การปรับผังรายการเป็นไปตามมติของคณะกรรมการฯ ที่ อสมท ต้องผลิตรายการเองมากขึ้น โดยเฉพาะรายการข่าว อสมท จะต้องผลิตเองทั้งหมดร้อยเปอร์เซ็นต์
พร้อมกันนี้ อสมท ยังได้ดึง “จอม เพชรประดับ” ซึ่งเคยเป็นผู้ดำเนินรายการ Intelligence ทาง Voice TV ของ “โอ๊ค พานทองแท้ ชินวัตร” มาเป็นผู้ดำเนินรายการ “คลุกวงข่าว” อีกทั้งยังมีคนดังอย่าง “หมอลักษณ์ เรขานิเทศ” มาเป็นหนึ่งในพิธีกรรายการ “คุยโขมงข่าวเช้า” ซึ่งการดึงสองคนดังจากสองวงการมาร่วมงานครั้งนี้ ได้สร้างความฮือฮาไม่น้อย เกี่ยวกับรายละเอียดต่างๆ นายเปรมกมลย์ ได้เปิดเผยว่า….
“เราปรับข่าวทั้งหมดเพื่อต้องการใช้บุคลากรของ อสมท ทำเองทั้งหมด แต่เราเอาทีมพิธีกรข่าวผู้มีความสามารถอย่างคุณ จอม เพชรประดับ เข้ามาเพื่อช่วยเสริมในเรื่องของข่าวด้านการวิเคราะห์เจาะลึก แล้วเขาก็จะสอนน้องๆ ของเรา ที่เป็นพิธีกรที่มีอยู่พัฒนาคุณภาพมากยิ่งขึ้น โดยคุณจอมคุยกับผมว่า เมื่อพิธีกรเราได้คุณภาพ มีความสามารถ ประสิทธิภาพสูงสุดแล้ว คุณจอมแกก็จะถอนตัว แกเข้ามาอยู่ในระยะเวลาหนึ่งเท่านั้นเอง”
“ผู้ที่มาร่วมงานทุกคนทราบว่าเป็นเพียงช่วงเวลานึง เขาแค่เข้ามาเป็นต้นแบบให้กับน้องๆ ก็จะต้องอาศัยประสบการณ์พัฒนาฝีมือตรงนี้ หลายท่านเราเชิญมาเพื่อเป็นครูต้นแบบเป็นหลัก เดี๋ยวท่านก็ต้องไปทำอย่างอื่นของเขาเอง เขาแค่พร้อมจะมาช่วยงานเบื้องต้นเท่านั้น ถ้าจะทำเองทั้งหมดจริงๆ แล้วในส่วนที่มาทำงานร่วมกับเราก็มีไม่กี่คน ส่วนใหญ่เราใช้บุคลากรของเราเองทั้งหมด เราเอามือมาชีพจริงๆ มาร่วมงานกับเราแค่ช่วงเวลานึงเท่านั้น”
“กับโฉมใหม่เรามั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ ว่าเราจะมีประสิทธิภาพในการนำเสนอข่าวมากขึ้น และจะเพิ่มรายได้ให้กับ อสมท มากยิ่งขั้น การปรับครั้งนี้เป็นการพลิกโฉม อสมท ซึ่งเราต้องคำนึงถึงรายได้ตามเกณฑ์ เพราะเราอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อให้ผู้ถือหุ้นสบายใจ”
“ส่วนรายการคลุกวงข่าว(จอม เพชรประดับ เป็นผู้ดำเนินรายการ)ที่มาแทนข่าวข้นคนข่าว เรามั่นใจครับว่าจะได้เนื้อหาสาระยิ่งขึ้นกว่าเดิม จะมีการเปลี่ยนโฉมหน้าข่าวในลักษณะการสัมภาษณ์ในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้ประชาชนทราบข้อเท็จจริง ด้วยความเป็นกลาง”
กระแสที่เกิดจากการถอดรายการ “ข่าวข้นคนข่าว” มีผลกระทบกับ อสมท ยังไงบ้าง?
“ตอนนี้ในส่วน อสมท เอง พนักงานทั้งหมดยินดี และพร้อมใจให้มีการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ เรามีศักยภาพที่ควรจะทำข่าวทั้งหมดได้เอง ทั้งพนักงานและผู้บริหาร อสมท ก็เห็นด้วยที่จะให้มีการทำข่าวเอง เท่าที่ผ่านมาทางเนชั่นได้ร่วมงานกับเรามาพอสมควร เราก็ขอขอบคุณทางเนชั่น”
“เดี๋ยวเราก็จะมีการพบปะกันอยู่แล้วครับ ในฐานะที่เราเป็นมิตรกัน เหมือนวันนึงเราอาจจะกลับมาร่วมงานในด้านใดด้านนึงกันอีกก็ได้ ผมว่าเราจากกันครั้งนี้ เราจากกันด้วยมิตรไมตรีที่ดี มันก็เป็นเป้าหมายในวันข้างหน้าที่เราจะร่วมงานกันอีกได้ ช่องเอ็มคอทวัน(MCOT 1) เอ็มคอททู(MCOT 2) ถ้ายังสนใจ เราก็ยังมีโอกาสร่วมงานกันได้”
แล้วกระแสของคนดูที่อาจจะเป็นแฟนฐานพิธีกรกลุ่มเดิมเขาว่าไงบ้าง?
“ไม่มีเลยครับ ผมไม่เคยได้รับหนังสือจากผู้ชมที่อยากจะติดต่อกับผู้บริหารโดยตรง หรือแม้แต่พนักงาน อาจจะเป็นเพราะว่าผู้ชมกำลังจับตาดูการเปลี่ยนแปลงของเราในครั้งนี้อยู่ ถ้าเราทำได้ดีก็อาจจะได้รับคำชมเชยกลับมา ก็ว่ากันอีกที ยังไงเราก็คงต้องปรับปรุงกับเรื่อยๆ ในเมื่อเราตัดสินใจทำแล้ว ผมเชื่อว่าทีมสำนักข่าวไทย และพนักงาน อสมท ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคนตั้งใจทำให้เกิดปรากฏการณ์ใหม่ของ อสมท ให้เจริญยิ่งๆ ขึ้นไป”
“สำหรับการวัดผลเราก็คงวัดกันเรื่อยๆ ทุกๆ เดือนเราคงต้องคุยกัน เราคงต้องปรับเปลี่ยนตลอด ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารหรือสำนักข่าวไทย เราคงต้องคุยกันตลอดเวลา เราต้องดูแล แก้ไข ปรับปรุง ผมว่าช่วง 1 เดือนแรก เราจะต้องประเมินผลแล้วว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มันมีผลประการใด เราเองมั่นใจว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้สามารถเพิ่มรายได้ อสมท 5-8 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 50 ล้านบาท”
ทั้งนี้การเอา “หมอลักษณ์” มาเสริมทัพนับเป็นมิติใหม่ของรายการข่าว ทำให้บอส อสมท มั่นใจว่าจะสามารถดึงผู้ชมจากช่องอื่นๆ ได้ และช่วยในเรื่องการเพิ่มสีสันแน่นอน แต่คงวัดเป็นตัวเลขไม่ได้
“เราคงจะพูดเป็นตัวเลขไม่ได้ แต่หมอลักษณ์เอง เขาก็มีแฟนของเขาส่วนนึง ผมมองว่าตอนเช้าตอนเราตื่นมาก็อยากที่จะทำอะไรให้มันเกิดความสบายใจ เห็นการเปลี่ยนแปลงอะไรใหม่ๆ หมอลักษณ์จะมาเสริมเรื่องที่ทำให้การรับชมรับฟังข่าวตอนเช้าไม่เครียดจนเกินไป และน่าจะเป็นจุดน่าสนใจในการรับชมข่าวอีกจุดนึง”
“หมอลักษณ์จะเข้ามาสร้างสีสันให้กับรายการคุยโขมงยามเช้าได้ เป็นการเพิ่มสีสันให้กับคนดูมากยิ่งขึ้น หมอลักษณ์เขาก็มีแฟนๆ ที่ติดตามเขาอยู่กลุ่มนึง ในรายการที่เขาเข้าไปมีส่วนร่วม”
ตอนนี้ อสมท เพิ่มการผลิตรายการเองขึ้น 10 เปอร์เซ็นต์ ต่อไปจะปรับขึ้นอีกมั้ย?
“ทุกครั้งเราเองก็ประเมินการทำงานของเราตลอด โดยดูรายได้ของเราเป็นหลัก ถ้าเมื่อไหร่ที่เราต้องการพัฒนารายได้ เราก็ควรที่จะปรับปรุงเกณฑ์รายได้ เนื้อข่าวก็ดี รายการก็ดี เราก็ยังต้องคงคอนเซ็ปต์สังคมอุดมปัญญาไว้ เนื่องจากเรามีรัฐเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และมีประชาชนส่วนนึงถือหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ฉะนั้นเราต้องทำให้ 2 อย่างนี้กลมกลืนกันไป”
ที่มา: manager.co.th