Author Topic: เฟซบุ๊กมนต์เสื่อม? พบมะกันใช้น้อยลง  (Read 740 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46027
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


      การสำรวจล่าสุดพบผู้ใช้เครือข่ายสังคมยอดฮิตเฟซบุ๊ก (Facebook) ในสหรัฐฯ เริ่มเบื่อ โดย 1 ใน 3 ยอมรับว่าใช้งานเฟซบุ๊กน้อยลงจากที่เคยเป็นช่วง 6 เดือนที่แล้ว เหตุเพราะรู้สึกไม่ได้รับประโยชน์และน่าเบื่อหน่าย ด้านนักวิเคราะห์คาดเฟซบุ๊กมีโอกาสร่วงโรยในอีก 5-8 ปีข้างหน้า ตามวงจรของยักษ์ใหญ่ในวงการอินเทอร์เน็ตซึ่งเคยรุ่งเรืองมาก่อนอย่างยาฮู
       
       การสำรวจพบว่าผู้ใช้เพียง 20% ของกลุ่มตัวอย่างเท่านั้นระบุว่าใช้เวลาบนเฟซบุ๊กเพิ่มขึ้น
       
       การสำรวจครั้งนี้สุ่มตัวอย่างชาวอเมริกันมากกว่า 1,032 คนช่วงวันที่ 31 พฤษภาคม ถึง 4 มิถุนายนที่ผ่านมา โดย 21% ระบุว่าไม่มีชื่อบัญชีใช้งานเฟซบุ๊ก ทำให้เหลือกลุ่มตัวอย่างเพียง 79% เท่านั้นที่ให้ความเห็น
       
       40% ของสมาชิกเฟซบุ๊กในกลุ่มตัวอย่างระบุว่าเข้าสู่เว็บไซต์ Facebook.com ทุกวัน กลุ่มที่มีการใช้งานมากที่สุดมีอายุ 18-34 ปี ซึ่งผู้ใช้มากกว่า 60% กลุ่มนี้ใช้งานเฟซบุ๊กทุกวัน โดยกลุ่มที่มีการใช้งานน้อยที่สุดคือกลุ่มอายุ 55 ปีขึ้นไป ซึ่งเพียง 29% ของผู้ใช้กลุ่มนี้ใช้เฟซบุ๊กอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง
       
       นอกจากแนวโน้มการใช้งานน้อยลงของสมาชิกเฟซบุ๊กในสหรัฐฯ การสำรวจยังพบความน่ากังวลอีกอย่าง นั่นคือ ผู้ใช้มากกว่า 80% ยอมรับว่าไม่เคยซื้อสินค้าหรือบริการที่ลงโฆษณาหรือถูกคอมเมนต์บนเฟซบุ๊ก จุดนี้ถือเป็นผลสำรวจที่สร้างความประหลาดใจให้นักวิเคราะห์เรย์ วาลเดส (Ray Valdes) ซึ่งเคยระบุว่าความเห็นและคำแนะนำจากเพื่อนบนฟซบุ๊กนั้นมีน้ำหนักในการตัดสินใจของผู้บริโภค
       
       ผลสำรวจนี้สะท้อนความไม่มั่นคงในธุรกิจโฆษณาออนไลน์ของเฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นรายได้หลักที่ทำให้เฟซบุ๊กมีเงินอัดฉีดเข้าบริษัทมากกว่า 3.7 พันล้านเหรียญสหรัฐเมื่อปีที่ผ่านมา จุดนี้รอยเตอร์คาดว่ายอดรายรับของเฟซบุ๊กอาจจะเริ่มชะลอตัวลงในอนาคต
       
       ก่อนหน้านี้รอยเตอร์เคยรายงานว่ายักษ์ใหญ่โลกยานยนต์อย่างจีเอ็ม (General Motors : GM) บริษัทผลิตรถยนต์อันดับหนึ่งของสหรัฐฯ ตัดสินใจเลิกเทเงิน 10 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อลงโฆษณาบนเฟซบุ๊ก โดยให้เหตุผลว่าโฆษณาบนเครือข่ายสังคมเหล่านี้ไม่มีประสิทธิผลที่คุ้มค่า แต่จีเอ็มจะยังคงหน้าแบรนด์เพจหรือ Facebook Page เอาไว้สื่อสารกับลูกค้าต่อไป เพราะหน้าแบรนด์เพจของเฟซบุ๊กนั้นยังเป็นเครื่องมือที่ดีในการสื่อสารกับผู้บริโภค
       
       ด้านนักวิเคราะห์ อีริก แจ็กสัน (Eric Jackson) ผู้ก่อตั้งสถาบัน Ironfire Capital ได้กล่าวแสดงความเห็นในสถานี CNBC ถึงโอกาสในการถดถอยทางธุรกิจของเฟซบุ๊กในช่วง 5-8 ปีข้างหน้า โดยยกตัวอย่างยาฮู (Yahoo) เว็บไซต์ที่เคยยิ่งใหญ่สุดขีดเมื่อช่วงปี 2000 ว่าเฟซบุ๊กอาจจะเสื่อมความนิยมตามรอยยาฮูในอนาคต
       
       “ยาฮูยังสามารถทำรายได้ ยังคงมีกำไรและมีพนักงานมากกว่า 13,000 คน แต่ทั้งหมดนี้เทียบเท่ากับมูลค่าตลาดเพียง 10% จากที่ยาฮูเคยรุ่งเรืองสูงสุดในปี 2000”
       
       เขาเชื่อว่าความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วขึ้นของโลกดิจิตอลทำให้เกิดการแข่งขันตลอดเวลา ซึ่งผู้ที่ครองแชมป์ในตลาดยุคนี้อาจไม่สามารถประสบความสำเร็จในยุคหน้า เรื่องนี้เป็นสิ่งที่สรุปได้จากการล้มลุกคลุกคลานของบริษัทยักษ์ใหญ่ในอดีตที่ต้องเหน็ดเหนื่อยกับการพาตัวเองเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ด้วยความยากลำบาก
       
       แจ็กสันเชื่อว่าโลกกำลังเข้าสู่ยุคของโมบายล์เว็บ ทำให้เฟซบุ๊กซึ่งยังเป็นเว็บไซต์ขนาดใหญ่และมีข้อมูลมหาศาลนั้นไม่สามารถปรับตัวได้กับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้ดีเท่าที่ควร จุดนี้อาจเป็นความเสี่ยงที่ทำให้เฟซบุ๊กไม่สามารถมีอิทธิพลในตลาดยุคหน้าซึ่งอุปกรณ์พกพาจะเป็นพื้นที่ใหญ่ที่สุด
       
       เฟซบุ๊กไม่ให้ความเห็นต่อผลการสำรวจและบทวิเคราะห์ที่เกิดขึ้น โดยความคืบหน้าล่าสุดคือสำนักข่าววอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานว่าเฟซบุ๊กกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาเทคโนโลยีที่จะทำให้เด็กอายุต่ำกว่า 13 ปีสามารถใช้งานเฟซบุ๊กได้ภายใต้การแนะนำของผู้ปกครอง ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่ถูกวิจารณ์ว่าเป็นความพยายามของเฟซบุ๊กในการหาช่องทางเติบโตทางธุรกิจเส้นใหม่ เพราะหากสามารถเปิดให้เด็กใช้งานเฟซบุ๊กอย่างเป็นทางการ ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กก็จะหันมาโฆษณาบนเฟซบุ๊กมากขึ้น
       
       ปัจจุบันผู้ใช้เฟซบุ๊กมีสถิติรวมราว 900 ล้านคน (ข้อมูลเดือน พ.ค.) ราว 14.22 ล้านคนใช้งานในประเทศไทย โดยมากกว่า 8.4 ล้านคนใช้งานในกรุงเทพมหานคร ทำให้กรุงเทพฯ กลายเป็นเมืองที่ถูกยกตำแหน่ง “เมืองที่มีการใช้งานเฟซบุ๊กมากที่สุดในโลก” อย่างไม่เป็นทางการ
       
       Company Related Link :
       Facebook

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)