"บ๊วย" เปิดใจเคลียร์เรื่องเตียงหักในงานเปิดร้าน "ไก่ทอดเดชา" ที่เจ้าตัวลงทุนทำร่วมกับนักแสดงหนุ่ม “เวียร์ ศุกลวัฒน์” ที่ถนนเกษตร-นวมินทร์ “บ๊วย” รูดซิปปากเตรียมหย่า “ตุ๊ก” 1 มิ.ย.นี้ ตีมึนไม่รู้ข่าวมาได้ยังไง บอกถ้าหย่ากันจริงไม่ตนก็ตุ๊กต้องออกมาพูดอยู่แล้ว เจ้าตัวไม่เคลียร์สถานะยังเป็นสามี-ภรรยากันอยู่ไหม ก่อนลั่นจะเป็นพ่อที่ดีไปตลอดชีวิต ถ้าทำไม่ได้ไม่ต้องเรียกตนเป็นคน พร้อมโต้ย้ายไปอยู่คอนโดกับ “โม” รับไปไหนมาไหนด้วยกัน แต่สัมพันธ์ยังไม่ล้ำเส้นเพื่อน ทำเอามึนตึบ! กับกรณีข่าวคราวเตียงหักรักคุดของ พิธีกรชื่อดัง “บ๊วย เชษฐวุฒิ วัชรคุณ” กับภรรยา “ตุ๊ก ชนกวนันท์ วัชรคุณ” หลังจากเมื่อสองวันก่อน ทางฝ่ายของบ๊วยได้ออกมาเปิดเผยผ่านรายการหนึ่งว่า ตอนนี้ได้ตัดสินใจแยกทางกับตุ๊กเป็นที่แน่ชัดแล้ว เพียงแต่รอตกลงกันเรื่องจดทะเบียนหย่า เนื่องจากอยากให้มีผลกระทบกับลูกน้อยที่สุด พร้อมกับบอกว่าเร็วๆ นี้จะควงตุ๊กออกมาแถลงพร้อมกัน
อีกทั้งแหล่งข่าวใกล้ชิดของทั้งสองคนยังได้ปิดเผยว่า ทั้งบ๊วยและตุ๊กได้ตัดสินใจที่จะหย่ากันแล้วจริงๆ โดยทั้งสองจะเดินทางไปเซ็นใบหย่ากันในวันที่ 1 มิถุนายน ที่จะถึงนี้ ก่อนจะแถลงอย่างเป็นทางการให้สื่อมวลชนรับทราบอย่างเป็นทางการ กลายเป็นข่าวคึกโครมกระฉ่อนวงการ
แต่ทว่า เมื่อวันที่ 22 พ.ค. ที่ผ่านมา ทางฟากของ “ตุ๊ก ชนกวนันท์” กลับให้สัมภาษณ์สวนทางกันอย่างสิ้นเชิง โดยเจ้าตัวบอกว่า ตอนนี้ทุกอย่างยังคงเป็นปกติดี ตนกับสามียังคงใช้ชีวิตอยู่ในบ้านเดียวกันเหมือนกับช่วงเวลาที่ผ่านมา และยังทำหน้าที่คุณพ่อที่ดีอยู่ ส่วนที่สามีบอกว่าจะมีการหย่ากันนั้น ตอนนี้ตนยังไม่สามารถสรุปอะไรได้ เพราะทุกอย่างยังไม่ชัวร์ จึงไม่อยากพูดอะไรมาก
ซึ่งในวันนี้(23 พ.ค.) ทางฝ่ายของหนุ่มบ๊วยนั้นได้จัดงานเปิดร้าน “ไก่ทอดเดชา” ที่เจ้าตัวลงทุนทำร่วมกับพระเอก “เวียร์ ศุกลวัฒน์” ที่ถนนเกษตร-นวมินทร์ ท่ามกลางกองทัพสื่อมวลชนที่ติดตามไปทำข่าว ซึ่งก็ทำเอางงไปตามๆ กัน เพราะมาวันนี้ทางฟากของหนุ่มบ๊วยเองก็กลับเปลี่ยนท่าที โดยยืนยันว่ายังไม่มีบทสรุปใดๆ ทั้งยังตีมึนไม่รู้ข่าวมาได้อย่างไร ส่วนข่าวลือซื้อคอนโดและย้ายไปอยู่กับ “โม นภัสนันท์ พสวงศ์” ทายาทร้านทองฮั่วเซ่งเฮง ผู้ตกเป็นข่าวมือที่3 เลื่อยขาเตียงตุ๊ก ก็ไม่เป็นความจริง แต่ยอมรับว่าไปไหนมาไหนด้วยกัน แต่ในฐานะเพื่อน
“ข่าวที่ออกมาผมไม่ทราบว่าได้ข่าวมาได้อย่างไรครับ แต่เรื่องตอนนี้ยังไม่เกิดขึ้นเลย ผมไม่รู้จะพูดอะไร และถ้าเรื่องเกิดขึ้นจริง ไม่ผมก็ตุ๊กก็ต้องออกมาพูด เพราะผมกับตุ๊กคุยกันตลอดเวลาอยู่แล้วครับ (มีข่าวว่ากำหนดวันหย่าคือ 1 มิ.ย.นี้?) ก็เป็นแค่ข่าวเนอะ ตอนนี้ยังไม่เกิดขึ้น ก็ยังไม่อยากพูดไป มันก็กระทบกับหลายฝ่าย ก็ขออนุญาตไม่พูดดีกว่าครับ แล้วที่บอกว่าจะออกมาแถลงข่าวหย่าพร้อมกัน ก็ไม่มีหรอกครับ บ้าใครจะมาแถลง ผมไม่ทำแบบนั้นหรอกครับ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็คงเป็นการมานั่งคุยกัน ไม่แถลงครับ ”
“สถานะตอนนี้ตั้งแต่วินาทีนี้จนตลอดชีวิต ผมกับตุ๊กเป็นพ่อและแม่ตลอดชีวิตอยู่แล้วครับ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ส่วนเรื่องสามีภรรยา มันยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นครับ ไม่พูดดีกว่า (หลายคนมองว่าเรื่องบานปลายจนถึงขั้นหย่าแล้ว กลัวกระทบกับลูกๆ ไหม?) การที่เราเป็นพ่อและแม่ เราดูแลลูกให้ดีที่สุด ผมคิดว่าความเป็นพ่อแม่ของเราก็ยังรักลูกอยู่แล้วครับ กับตุ๊กก็ยังคุยกันอยู่ครับ ทุกวันนี้ยังอยู่บ้านเดียวกันครับ (ยังมีแผนว่าจะไม่หย่าไหม?) ก็ตอนนี้ยังคุยกันอยู่ครับ ตอนนี้เราก็คุยกันอยู่ ก็อยากให้มันดีที่สุดกับลูกอยู่แล้วครับ ผมกับตุ๊กเราก้าวพ้นมาแล้ว เราไม่ได้โกรธกัน คุยกันค่อนข้างดีมากๆ อยู่แล้วครับ”
โดยนัยแล้วเราพูดเหมือนมีแนวโน้มว่าจะแยกทางกัน?
“โอ้โห...พูดจริงๆ ผมไม่สบายใจที่สื่อมวลชนเยอะขนาดนี้ คือมันยังไม่เกิดขึ้น ขออนุญาตไม่พูดแล้วกันครับ ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือสถานะเป็นอย่างไรก็คงได้บอกกล่าวอยู่แล้ว ส่วนจะพูดได้ชัดเจนเมื่อไหร่ ไม่ทราบเหมือนกันครับ ให้มันเกิดขึ้นก่อนดีกว่าเนอะ (เราพูดว่ามันยังไม่เกิดขึ้น คนก็อาจตีความว่ามันจะเกิดขึ้นแน่นอน?) ผมก็บอกว่ายังคุยกันอยู่ มันยังไม่เกิดขึ้น ผมไม่อยากพูดอะไรมากครับ”
“ส่วนจะคุยกันเรื่องอะไรบ้างขอให้เป็นธุระของผมกับตุ๊กได้มั้ยครับ ส่วนใหญ่วันๆ เราคุยกันว่าไปรับลูก ลูกเป็นยังไงอย่างนี้มากกว่า เราพุ่งประเด็นไปที่ลูก คุยอะไรต่างๆ เรื่องต่างๆ ที่ยังไม่เกิดขึ้นขออนุญาตไม่พูดละกัน (พูดแบบนี้เหมือนสถานะความเป็นสามี-ภรรยาไม่มีแล้ว?) โอ๊ย ยังไม่ได้หย่า ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยครับ ให้เกิดขึ้นก่อนครับ ตอนนี้ผมก็ทำหน้าที่พ่อครับ ว่างก็ไปรับไปส่ง ไปกินข้าวกันพ่อแม่ลูกครับ”
พร้อมโต้พาสาวคนใหม่มารู้จักกับลูก วอนอย่าเอามาเกี่ยวกัน
“ไม่เกี่ยวกับใครเลยครับ อย่าเอามาเกี่ยวกันเลยครับ เรื่องเราไปไหนมาไหนด้วยกัน คือเราเป็นเพื่อนฝูงกัน เจอกันก็ธรรมดาเนอะ ถึงเราจะไปไหนมาไหนด้วยกัน ผมไม่กลัวคนเข้าใจผิด ไม่ครับ ผมก็ไปไหนมาไหนกับคนอื่นด้วย ผมเองก็มีเพื่อนเยอะแยะมากมาย โอกาสพัฒนาความสัมพันธ์ ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยนะ”
“แล้วเรื่องซื้อคอนโดด้วยกัน ก็ตกใจเหมือนกัน แต่ข่าวก็เป็นข่าวจริงๆ ไปดูเรือนหอโน่นนี่ผมคงทำหรอก ผมไม่ได้คุยกับเขาเรื่องข่าวเลยครับ ไม่เกี่ยวกับเขา คนที่ผมควรจะคุยมากที่สุดไม่ใช่ใครเลย ควรจะเป็นตุ๊กครับ ผมควรจะแคร์ความรู้สึกแม่ของลูกครับ”
ยันกรณีถูกเม้าท์ทะเลาะกันที่บ้านแล้วลูกเห็น ลูกรู้เรื่องแล้วและร้องไห้เลยเป็นสาเหตุให้ตัดสินใจกำหนดวันหย่ากันขึ้น เป็นแค่ข่าวไม่ใช่เรื่องจริง
“มันเป็นเรื่องของข่าว ข่าวก็คือข่าว เสพข่าวก็มีวิจารณญาณแล้วกัน ขอบคุณที่ติดตาม ขอบคุณที่ให้กำลังใจตุ๊ก หลายๆ คนให้กำลังใจก็รู้สึกดีครับ ลูกไม่รู้เรื่องหรอกครับ น้องเพิ่ง 4 ขวบเอง ปกติลูกไปโรงเรียนก็จะไปด้วยกัน ก็จะส่งลูกไปโรงเรียน วันแรกของลูกสำคัญเสมอ อะไรสำหรับลูกมันสำคัญครับ ตลอดชีวิตของผมกับตุ๊กจะเป็นพ่อแม่ที่ดีที่สุดตลอดชีวิต ไม่ว่ายังไงก็แล้วแต่ ผมจะทำหน้าที่ของพ่อและจะทำหน้าที่ของพ่ออย่างดีที่สุด ถ้าผมทำไม่ดีจงเรียกผมว่าไม่ใช่มนุษย์เถอะครับ”
ที่มา: manager.co.th