มีการแสดงความเห็นออกมามากมายเกี่ยวกับกระแสเค-ป็อปของเกาหลีใต้ที่ตอนนี้ระบาดไปทั่วทั้งในเอเชียและยุโรป ส่งให้มีการคาดการณ์ถึงอนาคตของกระแสดังกล่าวว่าจะไปในทิศทางใด โดยทางโคเรียไทมส์ออกมาแสดงทรรศนะเชื่อว่ากระแสเกาหลีนี้จะอยู่ได้อีกไม่นาน ไม่ยืนยาวอย่างที่หลายๆ คนคาดการณ์ไว้
การเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วของกระแสเกาหลีในบ้านเรา ในเอเชีย และในอีกหลายๆ ประเทศทั่วโลก นับเป็นความสำเร็จอย่างมากที่สร้างเม็ดเงินและรายได้อันมหาศาลเข้าประเทศเกาหลีใต้ แต่จากกระแสดังกล่าวได้มีนักลงทุนและนักวิเคราะห์ออกมาเผยถึงมุมมองที่มีต่อกระแสนี้ว่าจะเป็นไปในทิศทางใด โดยหลายประเทศเชื่อว่าจะสามารถคงอยู่ไปได้อีกนานในขณะที่อีกหลายๆ ประเทศคาดการณ์ว่าไม่นานอย่างที่คิด
“ต่างชาติ 6 ใน 10 ประเทศเชื่อว่ากระแสนิยมในวัฒนธรรมเกาหลีทั้ง เค-ป็อป, ภาพยนตร์และละครทีวี จะลดความนิยมลงในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า” โคเรียไทมส์รายงานถึงตัวเลขผลการสำรวจของกระทรวงวัฒนธรรมการกีฬาและการท่องเที่ยวของเกาหลีที่ร่วมมือกับองค์กรเกาหลีสำหรับการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมนานาชาติ ที่เผยตัวเลขออกมาว่า 60% จาก 3,600 คนใน 9 ประเทศแสดงความไม่แน่ใจว่ากระแสเกาหลีจะประสบความสำเร็จคงความนิยมไปได้อีกนาน
“เหตุผลหลักที่ต่างชาติไม่แน่ใจว่าเกาหลีจะประสบความสำเร็จได้อีกต่อไปเป็นเพราะ ประเทศเกาหลีใต้มี “มาตรฐานของเนื้อหาที่ไม่น่าสนใจ” โดยผู้ตอบแบบสำรวจถึง 20.5% โหวตให้กับประเด็นนี้เป็นเหตุผลหลัก”
“การยั่วยวนแสดงออกทางเพศทั้งการเต้น, เนื้อเพลง และเสื้อผ้า กลายเป็นเรื่องธรรมดาที่พบเห็นได้ทั่วไปในไอดอลเค-ป็อป และนักร้องวัยรุ่น ละครซีรีส์เกาหลีส่วนมากยังวนเวียนกับเนื้อหาเดิมๆ ทั้งเรื่อง รักสามเส้า, การแก้แค้น และความลับเรื่องชาติกำเนิดของตัวละคร ซึ่งนับเป็นเรื่องยากที่จะเพิ่มความสนใจจากบรรดาผู้ชม”
ทางผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าเกาหลีต้องขายตัวตนเรื่องราวความเป็นเอกลักษณ์ เพื่อที่จะเอาชนะเหนือคู่แข่งประเทศอื่นๆ โดยผสมผสานประเพณีวัฒนธรรมของชาติเข้าไปในวัฒนธรรมป็อปของเกาหลี
โดยตัวแทนจากกระทรวงวัฒนธรรมของเกาหลีแสดงความเห็นว่า “เนื้อหาที่ไม่ใช่เป็นต้นฉบับและมีความหลากหลายเกินไปจะไม่สามารถอยู่รอดในตลาดได้ มันจำเป็นที่ต้องผลิตเรื่องราวในรูปแบบต่างๆ ออกไปในสื่อ...เรายังคงต้องให้กำลังใจนักลงทุนด้านสื่อ เพราะว่าพวกเขายังไม่สามารถสร้างสรรค์ผลงานชิ้นเอกที่มีเรื่องราวและไอเดียชั้นยอดได้เลย”
นับได้ว่าสังคมปัจจุบันเนื้อหาที่มีเอกลักษณ์จะช่วยให้ละคร, ภาพยนตร์, เกม หรือ แอนิเมชัน ต่างๆ ประสบความสำเร็จในโลกของสื่อได้ไม่ยาก โดยโคเรียไทมส์ยังยก แฮร์รี พอตเตอร์ ขึ้นมาเป็นตัวอย่างกรณีศึกษาครั้งนี้ โดยระบุว่า แฮร์รี พอตเตอร์ ได้แสดงให้เห็นศักยภาพและพลังอำนาจของเรื่องราวใหม่ๆ ได้เป็นอย่างดี โดยผลงานเขียนชิ้นเอก 7 ตอนของ เจ.เค. โรว์ลิง เรื่องนี้สามารถสร้างเงินไปได้มากกว่า 1.5 หมื่นล้านเหรียญในช่วงสิบปีที่ผ่านมา และสร้างกำไรมหาศาลให้กับนักเขียนถึง 1 พันล้านเหรียญ เรื่องราวในหนังสือ 7 เล่ม และภาพยนตร์ 8 ตอน รวมถึงเกม และการเดินทางไป ธีมปาร์ก ที่เปิดให้เข้าชมโรงถ่ายแฮร์รี พอตเตอร์ในฟลอริดา เมื่อปี 2010 มีส่วนช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของอังกฤษประมาณ 6 ล้านล้านเหรียญ ซึ่งเทียบเท่ากับผลกำไรที่บริษัท ซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์ ธุรกิจยักษ์ใหญ่ในเกาหลีสามารถทำได้ในช่วงไตรมาสแรกของปีเลยทีเดียว
ถ้าหากยกตัวอย่างจากเกาหลีใต้ที่สามารถทำได้แต่เป็นแค่เศษเสี้ยวเล็กๆ ของแฮร์รี พอตเตอร์นั้น คงเป็นเรื่องของการที่ผู้คนแห่ไปเที่ยวที่เกาะนามิ เกาะเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำฮันในเมืองชุนชอน ซึ่งปีที่แล้วมีผู้มาเยี่ยมเยือนมากถึง 2.3 ล้านคน โดย 18% หรือประมาณ 400,000 คนในนั้นคือชาวต่างชาติ โดยทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากความสำเร็จของซีรีส์เรื่อง Winter Sonata หรือ เพลงรักในสายลมหนาว ละครซีรีส์สุดฮิตที่นำแสดงโดย ชอยจีวู และ แบยองจุน ซึ่งออกอากาศไปเมื่อเดือน ม.ค.-มี.ค. ปี 2002 ที่ใช้เกาะนามิแห่งนี้เป็นสถานที่ถ่ายทำ
เกาะแห่งนี้กลายมาเป็นกระแสเกาหลีช่วงแรกที่สาววัยกลางคนชาวญี่ปุ่นที่ชื่นชอบละครเรื่องนี้ต้องการเดินทางมายังเกาะนามิเพื่อได้ยลสถานที่ถ่ายทำกับตาตนเอง ทำให้มีการสร้างเรื่องราวขึ้นมาในทุกๆ ส่วนของเกาะนามิที่เคยเป็นสถานที่ถ่ายทำในเรื่อง นำมาจัดฉากเพื่อใช้เป็นสถานที่ให้นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบซีรีส์เรื่องนี้ได้เดินทางมาเยี่ยมชมและสร้างรายได้มหาศาลจากการทัวร์เกาะดังกล่าวด้วย และจากความสำเร็จนี้ก็ก่อให้เกิดการทัวร์สถานที่ถ่ายทำของซีรีส์อีกหลายๆ เรื่องตามมาทั้งเรื่อง ฟูลเฮาส์, คอฟฟี่ปรินซ์, จูมง และแดจังกึม เป็นต้น แต่ก็ไม่มีสถานที่ใดที่สามารถอยู่ได้นานเช่นที่เกาะนามิ ซึ่งเรียกได้ว่าการเที่ยวเกาะดังกล่าวถูกบรรจุอยู่ในโปรแกรมท่องเที่ยวเกาหลีของทุกๆ บริษัทนำเที่ยวในเอเชียเลยทีเดียว
ที่มา: manager.co.th