กสท ระบุบอร์ดมีมติชะลอการขยายโครงข่าย 3G ภายใต้แบรนด์ My ออกไปก่อนหลังสศช.ส่งหนังสือแนะรอความชัดเจนผลตรวจสอบพ.ร.บ.ร่วมทุน จากคลัง และมาตรา 46 จาก กสทช. ด้านป.ป.ช.เตรียมพิจารณารายชื่อเพิ่มวันนี้ นายกิตติศักดิ์ ศรีประเสริฐ กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยล่าสุดว่า เมื่อวันที่ 16 พ.ค.ที่ผ่านมาได้มีการประชุมของคณะกรรมการ(บอร์ด)กสท โดยที่ประชุมได้มีมติให้ชะลอการดำเนินการเกี่ยวกับการขยายโครงข่ายของ 3G แบรนด์ My ที่เกิดขึ้นภายใต้สัญญาโครงการโทรศัพท์มือถือ 3G บนเทคโนโลยี HSPA ระหว่างบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) กับบมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่นออกไปก่อน
เนื่องจากสัญญาดังกล่าวมีหลายหน่วยงานออกมาสรุปว่าไม่ถูกต้องตามกฎหมายในหลายประเด็น และยังอยู่ในขั้นตอนการสอบสวนของหน่วยงานอื่นด้วย อาทิ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ช.ช. และสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เป็นต้น
ทั้งนี้ถือเป็นไปตามข้อแนะนำของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) ที่มีหนังสือตอบข้อหารือมายัง กสท ภายหลังกสทได้ทำหนังสือเพื่อขอหารือถึงหลักเกณฑ์ และแนวทางการปฎิบัติด้านงบประมาณในการดำเนินธุรกิจ และการให้บริการโทรศัพท์มือถือเพื่อให้บริการ 3G ด้วยเทคโนโลยี HSPA เป็นกรณีเร่งด่วนเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้หรือไม่นั้น ว่าให้ กสท รอความชัดเจน เนื่องจากสัญญาดังกล่าวเข้าข่ายพ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมการงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535 (พ.ร.บ.ร่วมทุน) หรือไม่ รวมถึงรอความชัดเจนจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ที่กำลังตรวจสอบว่าการทำสัญญานั้น เป็นไปตามมาตรา 46พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ กิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 หรือไม่
“สาเหตุที่สศช.ให้เรารอความชัดเจนของสัญญาดังกล่าวนั้นก็เพื่อความรอบคอบ และโปร่งใสในการดำเนินงาน เนื่องจากกสทยังไม่ได้รับอนุมัติงบลงทุนจากสศช.และครม.แต่อย่างใด จึงต้องปรับแผนการใช้เงินจากงบประมาณการดำเนินงานประจำปีใหม่ ว่าจะเดินหน้าอย่างไรต่อไป โดยเฉพาะการนำไปขยายโครงข่าย3G My ในโครงการดังกล่าวด้วย”
อย่างไรก็ดีการที่กสทต้องหารือกับสศช.เนื่องจากกสทมีภาระค่าใช้จ่ายที่ต้องชำระค่าเลขหมายโทรศัพท์ตามสัญญา 3G ให้กับกสทช. ซึ่งปัจจุบันได้ค้างชำระมาแล้ว 2 เดือน คิดเป็นเงินจำนวน 6 ล้านบาท
ดังนั้นหากกสทยังคงค้างชำระอย่างต่อเนื่อง กสทจะถูกปรับ และจะไม่ได้รับการจัดสรรเลขหมายไปจนกว่าจะชำระค่าเลขหมาย ซึ่งท้ายที่สุดอาจสร้างความเสียหายต่อการทำธุรกิจได้ ซึ่งกรณีดังกล่าวรวมถึงค่าเชื่อมต่อใช้โครงข่ายโทรคมนาคมหรือค่าไอซี และค่าเช่าโครงข่ายโทรคมนาคมด้วย ซึ่งนับตั้งแต่ได้ลงนามในสัญญาดังกล่าวไปเมื่อวันที่ 27 ม.ค.2554 จนถึงตอนนี้ยังไม่มีการชำระค่าใช้จ่ายหรือการจ่ายเงินระหว่างกันแต่อย่างใด
นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ปัญหาทั้งหมดเกิดจากโครงการดังกล่าวไม่ได้ผ่านการเห็นชอบจากกระทรวงไอซีที, สศช.และครม.แต่อย่างใด นอกจากนี้เดิมทีกสท ได้เสนอให้กระทรวงไอซีที ให้พิจารณาวงเงินลงทุนสำหรับโครงการ 3G คิดเป็นเงิน 12,500 ล้านบาท แต่มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลขึ้นมาก่อนทำให้ต้องส่งเรื่องกลับมายังกสทเพื่อให้ทบทวนใหม่อีกครั้ง โดยล่าสุดก็ยังไม่ได้นำเรื่องดังกล่าวเสนอกลับไปยังกระทรวงไอซีทีแต่อย่างใด ทำให้ สศช.ไม่สามารถอนุมัติให้มีการใข้งบประมาณเป็นกรณีเร่งด่วนได้
“ในส่วนของทรู ผมคิดว่ายังสามารถเดินหน้าให้บริการ 3G ต่อไปได้ แต่ในส่วนของเราเองคงต้องชะลอ และทบทวนแผนการให้บริการ 3G ใหม่ ว่าจะเดินหน้าอย่างไรต่อไป”
ปัจจุบัน My มีโครงข่าย 3G HSPA เพียง 3,000 แห่ง ขณะที่ตามแผนเดิมระบุว่าภายในเดือนก.พ. จะมีโครงข่าย 5,000 แห่ง เดือนมิ.ย.จะเพิ่มเป็น 8,000 แห่ง และภายในสิ้นปีนี้จะมีโครงข่าย 14,000 แห่ง และมีลูกค้าเพียงแค่ 1,000 - 2,000 ราย ซึ่งก่อนหน้านี้เคยตั้งเป้าว่าสิ้นปีนี้ จะมีลูกค้าถึง 6 แสนราย
ทั้งนี้ ในวันนี้ (21 พ.ค.) ทางป.ป.ช.โดยคณะอนุกรรมการไต่สวนสอบข้อเท็จจริง กรณีการทำสัญญาโครงการ 3G HSPA ระหว่าง บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด(มหาชน) กับ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่นจะมีการประชุมเพื่อพิจารณาแจ้งรายชื่อผู้ที่ถูกกล่าวหาในโครงการดังกล่าวเพิ่มเติมจากก่อนหน้านี้ที่เบื้องต้นมีการแจ้งผู้ที่ถูกกล่าวหาในกรณีดังกล่าวไว้แล้ว อาทิ คณะกรรมการ(บอร์ด)กสท ชุดที่มีนายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ เป็นประธานบอร์ด และนายจิรายุทธ รุ่งศรีทอง ซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่อยู่ในขณะนั้น
Company Relate Link :
กสท
ที่มา: manager.co.th