Author Topic: “เอ ศุภชัย” เบรกปั้นเด็กชั่วคราว เพราะที่มีอยู่ตอนนี้ยังไม่ดีพอจะออกสู่สายตา ปชช.  (Read 1526 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai




“เอ ศุภชัย” เบรกปั้นเด็กชั่วคราว เพราะเด็กในสังกัดที่มีอยู่ตอนนี้ยังไม่ดีพอจะออกสู่สายตาประชาชน เปรียบเป็นกล้วยยังไม่แก่ ต้องรอให้สุกหอมหวานค่อยตัดกินถึงจะอร่อย
       
       ขึ้นชื่อเป็นนักปั้นดารามือทองในวงการบันเทิง ไม่ว่าจะพาดาราคนไหนเข้าวงการ “เอ-ศุภชัย
       ศรีวิจิตร” ก็สามารถดันจนโด่งดังเป็นพลุแตกได้เสมอ แต่ล่าสุดเจ้าตัวก็หยุดส่งเด็กมาแจ้งเกิด
       ชั่วคราว ด้วยเหตุผลที่ว่าเด็กที่อยู่ในสังกัดตอนนี้ยังไม่พร้อมจะออกสู่สายตาประชาชน
       
       “จริงๆ แล้วคือ การปั้นเด็กใหม่เราต้องใช้เวลาเตรียมงาน ไม่ใช่ว่า 1-2 วัน หรือแค่ 1-2 ปี บางทีเป็น 3-4 ปี
       ก็มี คือพี่เอว่าถ้าเราจะทำตอนนี้ ต้องดูจังหวะเพื่อความเหมาะสม ไม่ใช่ว่าหมากหรือณเดชน์ จะแรงคือ เรา
       ไม่ได้เอามาแบบว่าตีกัน เขาคนละสไตล์กัน สำหรับคนใหม่ที่เข้ามาเรียนแอ็กติ้งยังไม่เต็ม ยังไม่พอที่จะออกไปสู่สายตาประชาชนก็ขอเวลาหน่อย ให้กล้วยมันแก่นิดนึง ตัดออกจากเครือแล้ว พอสุกจะหอมหวานอร่อย”
       
       “ตอนนี้เซตใหม่ก็ต้องรอไปก่อน ไม่ใช่ว่ากลัวไม่ดังเท่าครับ เพราะว่าทุกวันนี้น้องๆ ณเดชน์เวลาเขียนการ์ดอวยพรขอให้พี่เอปั้นเด็กให้ดังๆ นะครับอะไรแบบนี้ ก็บอกว่าดีใจที่เขาใจกว้างรู้ว่าเป็นอาชีพของพี่เอซึ่งมันก็เป็นข้อดีของเรา จริงๆ แล้วจะพูดว่าเด็กที่พี่เอปั้นไปแล้วดังเปรี้ยงขนาดนั้นก็ไม่ได้ คือมันมีบ้าง (หัวเราะ) ขายของๆ นิดนึง บางทีเปรี้ยงเป็นนางร้ายก็มี แต่อยู่ที่ว่าเขาอยู่ในสถานะไหนในวงการบันเทิงนี้เท่านั้นเอง”
       
       นอกจากจะเบรกปั้นเด็กแล้ว พนักงานที่ทำหน้าที่ดูแลดาราให้กับ “เอ ศุภชัย” ก็สร้างปัญหาแอบฉกเงินค่า
       พรีเซ็นเตอร์ของดาราคนหนึ่งไป 5 แสนบาท จนเอต้องควักเนื้อจ่ายชดใช้ให้แทน แต่ถึงอย่างไรเอก็ยังใจดี
       ไม่ไล่ลูกน้องออก บอกผิดครั้งแรกต้องให้โอกาส
       
       “ก็เรียกว่าเป็นการทำงานที่บางทีเอาเงินไปแล้วก็ไม่บอก เอาไปหมุนก่อนอย่างงี้ คือใช้คำว่าโกงก็ไม่ได้ ตอนนี้ก็เลยบอกว่าถ้าไม่มีก็ให้บอก เดี๋ยวจะให้ยืม แต่อย่าเอาไปแล้วไม่บอก เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่พี่เอเป็นผู้จัดการดารา เดี๋ยวดารานักแสดงเขารับไม่ได้แล้วใครจะเป็นคนรับผิดชอบ พี่เอก็จะเสีย พี่เอก็เลยบอกเขาว่านอกจากเอาไป 5 แสนแล้ว พี่เอต้องควักเงินตัวเองนี่แหละ หลังจากเวลาหักคอมมิชชั่นเรียบร้อยแล้วเอาไปให้นักแสดงก่อน แสดงว่างานนี้พี่เอนอกจากโดนลูกน้องเอาไปใช้ก่อน แล้วก็ยังโดนปล้น เพราะว่าต้องเอาไปใช้ให้กับดาราแทนส่วนที่เขาเอาไป”
       
       “ถามว่าแล้วพี่เอจัดการกับเขายังไง ตอนนี้ก็คือจะไม่ให้จับเงิน ก็ให้นั่งเฉยๆ ไม่ได้ให้ไปไหน ก็อยู่เหมือนเดิม
       โอเคในเมื่อเขาสารภาพว่าเขาเอาไปแล้วจริงๆ เขาไม่ได้โกงขนาดที่ว่าไม่ยอมรับ พี่เอเองก็บอกว่านี่เป็นครั้งแรกที่พี่เอรู้ เพราะฉะนั้นก็ให้นั่งเฉยๆ ไปก่อน ไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น และเดี๋ยวให้คนอื่นทำหน้าที่เธอไป เดี๋ยวเงินเดือนพี่จัดการจ่ายให้เอง พี่เอก็ให้เงินเดือนครบ ให้เขานั่งสบาย แต่ไม่เหมาะกับการจับเงินจับทอง ตอนนี้ก็มีกฎเหล็กคือว่าถ้ามีอีกครั้งหนึ่งก็ต้องเข้าใจแล้วว่า ไม่ได้แล้ว ก็จะถึงขั้นเด็ดขาด”
       
       “เขาไม่ได้ตั้งใจกระทำแต่เขาไม่กล้าบอกเรา เขาอาจจะลำบากช่วงนี้ ซึ่งเราก็ต้องมานั่งจับเข่าคุยว่า บางครั้งอยู่ครอบครัวเดียวกันมีอะไรต้องบอกให้หมด ตอนนี้เราก็เคลียร์กันเรียบร้อยแล้วแต่ยังไม่ได้เงินคืน ก็คงจ่ายเรื่อยๆ ทยอยจ่าย แต่พี่เอก็หักเงินเดือนไปถ้าเขาไม่จ่าย”
       
       “ถามว่าเจ็บใจไหม ก็ไม่หรอก แต่เป็นห่วงไม่อยากให้ทำแบบนี้กับใคร โอเคเราให้อภัย คนอื่นเขาไม่ให้อภัยนะ คนอื่นเขาไล่ออกเลยนะ แต่พี่เอยังมีครั้งที่หนึ่ง ครั้งที่สอง แต่ไม่มีครั้งที่สามดีกว่านะครับ
       ประมาณนี้ ก็ให้โอกาสเขาอีกครั้งนึงครับ เขาอาจจะจำเป็นจริงๆ เรื่องอะไรก็ไม่รู้ จะติดผู้ชายหรือเปล่า พี่เองก็ถาม ก็บอกว่าหนูไม่ได้ติดค่ะ เราก็บอกว่าอ้าวไม่ได้ติดแล้วเอาไปไหน เอาไปไหนหมด โทร.ไปหาคุณแม่คุณพ่อเขาก็บอกไม่รู้ ไม่เคยได้รับเงินจากหนูเลย หนูไม่รู้ค่ะ หนูไม่ตอบ”

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)