ไมโครซอฟท์รุกตลาดอีอาร์พีไทย ส่ง AX2012 เวอร์ชันใหม่สุดขยายตลาดอุตสาหกรรมเป็นหลัก ระบุเป็นโซลูชันเดียวที่องค์กรไทยไม่ลดการลงทุน เชื่อปีนี้โตมากกว่า 20% นายสิทธิชัย ตันติแสงอรุณ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ ไมโครซอฟท์ ไดนามิกส์ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จากสภาพการแข่งขันทางธุรกิจที่นับวันจะรุนแรงมากขึ้น ทำให้องค์กรไทยจำเป็นที่จะต้องมองหาโซลูชันทางด้านบริหารจัดการทรัพยากรหรือที่เรียกว่าระบบอีอาร์พี เข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้องค์กรเพื่อยกระดับความสามารถในการปฏิบัติงานและนำทรัพยากรที่มีอยู่มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
นั่นหมายถึงการพัฒนาแผนขับเคลื่อนทางธุรกิจ หรือ Business Acceleration Plan ขององค์กร โดยเฉพาะอีกไม่นานนี้ประเทศไทยก็จะก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเชียน (เออีซี) ทำให้องค์กรจำเป็นต้องรับมือความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น จากการแข่งขันขององค์กรจากต่างประเทศที่จะเข้ามา รวมไปถึงการก้าวไปสู่ตลาดต่างประเทศ
“ไมโครซอฟท์มีความเชื่อมั่นว่า ด้วยโซลูชันอีอาร์พีเวอร์ชันใหม่ AX 2012 ซึ่งเป็นหนึ่งในโซลูชันของไมโครซอฟท์ภายใต้แบรนด์ ไดนามิกส์ ที่มีโครงสร้างที่ยืดหยุ่น เรียบง่ายแต่คงไว้ซึ่งประสิทธิภาพ จะเป็นหนึ่งในตัวเลือกโซลูชันอีอาร์พีขององค์กรในประเทศไทยที่มีขนาดตั้งแต่ 200 คนขึ้นไป”
นายสิทธิชัยกล่าวอีกว่า อัตราการเติบโตของตลาดอีอาร์พีในประเทศไทยโดยรวมปีนี้อยู่ที่ 9-10% โดยในช่วง 2-3 ปีที่ไมโครซอฟท์ ประเทศไทยนำโซลูชันอีอาร์พีเข้ามาทำตลาดมีอัตราการเติบโตประมาณ 20% มีองค์กรในประเทศไทยที่ใช้ AX2009 อยู่หลายร้อยบริษัทแล้ว แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่ามีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นเท่าไร
หากดูจากส่วนแบ่งตลาดในระดับโลกแล้วไมโครซอฟท์มีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 3 แต่สำหรับเป้าหมายของไมโครซอฟท์ในตลาดอีอาร์พีนั้น ปีนี้คาดว่ามีแนวโน้มที่จะเติบโตได้มากกว่า 20% ซึ่งเป็นผลจากที่องค์กรไทยเริ่มที่จะปรับปรุงระบบอีอาร์พีเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงขององค์กร
“ถึงแม้ช่วงปลายปีที่แล้วองค์กรธุรกิจหลายแห่งชะลอการลงทุนระบบไอทีไปบ้าง แต่สำหรับระบบอีอาร์พีแล้วกลับไม่ได้ลดลงไปแต่ประการใด”
ตลาดหลักๆ ของโซลูชันอีอาร์พีของไมโครซอฟท์ กว่า 70% เป็นตลาดโรงงานอุตสาหกรรม ตามมาด้วยตลาดค้าปลีก และเซอร์วิสต่างๆ โดยจะขายผ่านพาร์ตเนอร์ที่เน้นทำตลาดอีอาร์พี ซึ่งเวลานี้มีอยู่ 6 ราย ปีนี้คาดว่าจะไม่มีการเพิ่มพาร์ตเนอร์ทำตลาดในส่วนนี้ เพราะทางไมโครซอฟท์เน้นในเรื่องคุณภาพของพาร์ตเนอร์มากกว่าปริมาณ
“AX2012 เวอร์ชันนี้เป็นเวอร์ชันแรกที่พัฒนารองรับกฎระเบียบหน่วยงานภาครัฐในแต่ละประเทศภายในตัวซอฟต์แวร์เรียบร้อยแล้ว ซึ่งในส่วนของประเทศไทยก็เช่นกัน สามารถเปิดใช้งานได้ทันที เพราะผ่านการรับรองจากกรมสรรพากรของไทยเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องพัฒนาเพิ่มเหมือนเวอร์ชันก่อนหน้านี้”
นายพสุ ผลประเสริฐ ผู้จัดการไอที เทคโนโลยีสารสนเทศ ฝ่ายพัฒนาองค์กร บริษัท นวอินเตอร์เทค จำกัด หนึ่งในบริษัทในเครือของเอสซีจี กล่าวว่า ทางบริษัทได้ตัดสินใจนำโซลูชัน AX2012 นี้มาใช้ เพราะประสิทธิภาพในการทำงานและรูปแบบการใช้งานง่าย พร้อมอินเตอร์เฟซที่ผู้ใช้คุ้นเคยดีอยู่แล้ว สามารถทำงานร่วมกับเทคโนโลยีอื่นๆ ที่มีใช้งานอยู่แล้วได้เป็นอย่างดี และยังพัฒนาต่อยอดได้ง่าย โดยทางบริษัทฯ ใช้งบลงทุนในส่วนนี้ไปทั้งหมดประมาณ 4 ล้านบาท
Company Related Link :
Microsoft
ที่มา: manager.co.th