เคยตามติดเป็นเงาตามตัวแต่พักหลังๆ ดูเหมือนจะไม่ค่อยเห็นคู่ของหม้ายสาวคนสวย “บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” กับแฟนหนุ่มรุ่นน้องนักขับรถ “ติ๊งโน้ต ฐิติพงศ์” ออกงานพร้อมกันสักเท่าไหร่ กระทั่งเริ่มมีเสียงข่าวลือออกมาว่าความรักของคู่นี้ไม่หวานเหมือนแต่ก่อนเสียแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไม่นานมานี้ ที่ฝ่ายหญิงได้ไปโพสต์ขึ้นหัวไลน์ อินสตาแกรมทำนองว่า...ไปภูฏานคนเดียว นั่นเองที่ทำให้มีข่าวฟันธงออกมาว่าทั้งสองคงจะเลิกกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
กับเรื่องดังกล่าว เมื่อสอบถามไปยังฝ่ายหญิง หม้ายสาวลูกหนึ่งเปิดเผยว่าช่วงนี้ตนยอมรับว่า ค่อนข้างจะห่างกับแฟนหนุ่มจริงๆ เนื่องจากทั้งตนเอง และอีกฝ่ายต่างก็มีธุระที่ต้องทำ ทำให้ไม่ค่อยจะมีเวลาได้มาเจอกัน แต่ทั้งนี้ก็ยืนยันว่ายังคงคบกันอยู่ ไม่ได้เลิกกันแต่อย่างไร
“ก็ยอมรับว่าห่างกัน ก่อนหน้านี้ ก็ไม่ได้เจอ ช่วงสงกรานต์ก็ไม่ได้เจอ ส่วนข่าวที่ออกมาน่าจะเป็นเพราะเรื่องที่บุ๋มไปภูฏานคนเดียว ซึ่งที่ไปคนเดียวก็เพราะต้องการจะไปไหว้พระ ไปแสวงบุญ แล้วก็เป็นประเทศที่บุ๋มอยากไปมานานแล้ว”
“ก็เลยขอเบรกงานเพราะบุ๋มทำงานหนักมาตลอดทั้งปี ก็เลยคิดว่าไม่หยุดแล้วไปต่างประเทศก็คงจะไม่ได้พักสักที ส่วนทางโน้ตเขาก็ติดเรื่องแข่งรถที่ต่างประเทศด้วย...”
หม้ายสาวยังบอกต่อไปด้วยว่า นอกจากจะยังไม่เลิกแล้ว ถึงตอนนี้ตนกับแฟนหนุ่มยังคุยกันเข้าใจกันมากขึ้นกว่าเดิม งอนกันน้อยลง เวลาที่ทะเลาะกันก็สามารถเคลียร์กันได้เร็ว ส่วนเรื่องอนาคตนั้นคงต้องรอไปก่อน เนื่องจากบิดายังไม่ไฟเขียวเพราะยังไม่มั่นใจว่าอีกฝ่ายจะดูแลตนได้นั่นเอง
“แต่ก็เข้าใจแกนะ เพราะที่ผ่านมา เราโดนข่าวหนักมามากแล้วไง แล้วหลายคนก็พูดกันแรงมากด้วย เราก็พยายามจะให้โน้ตเข้าไปหาเรื่องคุยกับคุณพ่อ หาเรื่องชวนคุย แต่พอเจอพ่อ เขาก็ครับ คำเดียว แล้วก็จบ”
“บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” เคยคว้ามงกุฎนางสาวไทยมาครองในปี พ.ศ.2543 จากนั้นเจ้าตัวได้พบรักกับ “วีรพงศ์ พิพิธสุขสันต์” ระหว่างอบรมหลักสูตร พสบ.ที่กองทัพเรือ ก่อนจะเข้าพิธีสมรสในวันที่ 2 เมษายน 2548 และมีบุตรด้วยกัน 1 คน
ในช่วงเดือนตุลาคม 2550 ทั้งสองก็ได้ประกาศแยกทางกันเดิน ก่อนที่ ฝ่ายหญิงจะมาพบกับ “ติ๊งโน้ต ฐิติพงศ์ วโรกร” นักบิดมอเตอร์ไซค์เจ้าของร้านติ๊งโน้ตชอป นักแข่งสังกัดทีมโรงงาน Petronas Yamaha Racing Team และเป็นลูกเจ้าของโรงพยาบาลโสธราเวชในช่วงเดือนมกราคมปีที่แล้ว ก่อนจะคบหาดูใจกันมาจนถึงทุกวันนี้ โดยมีเสียงวิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมกันของทั้งสองออกมาค่อนข้างจะหนาหู
ที่มา: manager.co.th