กสทช.วางแผนพิจารณาอัตราขั้นสูงฯ ทั้งเสียง และข้อมูลแก่ผู้ที่ได้รับใบอนุญาต 3G ที่ได้จากการประมูลในอนาคต พร้อมทบทวนลดค่า IC ให้สอดคล้องกับอัตราขั้นสูง 0.99 บาท ที่ประกาศใช้ และพิจารณาเกณฑ์ผู้มีอำนาจเหนือตลาด นพ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม ให้ความเห็นว่า หลังจากมีการประกาศ กสทช.เรื่องอัตราขั้นสูงของค่าบริการโทรคมนาคมสำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ประเภทเสียงภายในประเทศ พ.ศ.2555 ซึ่งครอบคลุมเฉพาะผู้ให้บริการบนเครือข่ายสัมปทานในปัจจุบัน
ทำให้ทางสำนักงาน กสทช.เล็งพิจารณาในการวางแผนอัตราขั้นสูงสำหรับผู้ให้บริการ 3G ที่ได้รับใบอนุญาตที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
“การกำหนดอัตราขั้นสูงของผู้ให้บริการ 3G จำเป็นต้องรอให้โครงข่ายอยู่ตัวก่อน เพื่อคำนวณต้นทุน หลังจากนั้น จึงนำมาทบทวนเพื่อออกประกาศต่อไป เนื่องจากประกาศในปัจจุบันครอบคลุมเฉพาะผู้ให้บริการบนสัมปทานเดิมที่ใกล้จะหมดอายุลง”
นอกจากนี้ ทาง กสทช.พร้อมทบทวนลดค่าเชื่อมต่อโครงข่าย (IC) ที่ปัจจุบันจัดเก็บในอัตรา 1.07 บาท ให้ปรับลดลง ซึ่งเป็นราคากลางที่ทาง กทช.เคยกำหนดไว้เมื่อตอนดีแทค ทำสัญญาเชื่อมต่อกับ กสท ที่ 50 สตางค์ เช่นเดียวกับเอไอเอส ขณะที่การเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการรายอื่นยังเก็บที่ราคาเดิม
“ตอนนี้ต้องกลับไปดูข้อกฎหมายว่ามีกำหนดเรื่องการความเป็นธรรมในการเชื่อมต่อให้อยู่ในมาตรฐานเดียวกันไม่เลือกปฏิบัติ เนื่องจากปัจจุบันค่า IC เป็นสัญญาที่ผู้ให้บริการตกลงกัน ถ้ามีก็สามารถสามารถบังคับผู้ให้บริการให้ลดค่าเชื่อมต่อโครงข่าย และจะช่วยให้ผู้บริการสามารถเก็บค่าบริการได้ต่ำลงสอดคล้องกับประกาศอัตราขั้นสูง”
ในส่วนของการกำหนดหลักเกณฑ์ผู้มีอำนาจเหนือตลาดอย่างมีนัยสำคัญ ตามประกาศ กสทช.เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณากำหนดผู้มีอำนาจเหนือตลาดในกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2552 ในตลาดค้าปลีกบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ภายในประเทศ อาจมีการทบทวน และเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน
“จากเดิมที่กำหนดว่าผู้รับใบอนุญาตรายใดที่มีส่วนแบ่งตลาดตั้งแต่ 25% ขึ้นไปถือว่าเป็นผู้มีอำนาจเหนือตลาด แต่จะรวมไปถึงความสัมพันธ์ของผู้รับใบอนุญาตในตลาดด้วย ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 6 เดือน”
ล่าสุด ทาง กสทช.ได้เชิญผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือมาสร้างความเข้าใจเพิ่มเติม 19 เมษายน 2555 โดยประเด็นหลักที่ได้แลกเปลี่ยนกัน คือ เรื่องของ ประกาศที่ออกมาจะครอบคลุมถึงอัตราค่าบริการรายเดือนขั้นสูงที่เคยประกาศไว้หรือไม่ รวมถึงการที่กำหนดราคาขั้นสูงไว้ที่ 0.99 บาท ต่อนาที จะส่งผลให้ผู้บริการรายเล็กไม่สามารถแข่งขันในตลาดได้ซึ่งทางสำนักงานจะรับเรื่องกลับไปพิจารณา
นพ.ประวิทย์ กล่าวว่า ประกาศดังกล่าวถือเป็นการกำหนดให้ผู้ให้บริการที่มีอำนาจเหนือตลาด ในปัจจุบัน คือ เอไอเอส และ ดีแทค ส่วนผู้ให้บริการรายย่อยเมื่อผู้ให้บริการรายหลักกำหนดราคาไว้ต่ำกว่า 0.99 บาท รายเล็กก็ต้องกำหนดราคาในอัตราใกล้เคียงกัน เป็นไปตามกลไกการแข่งขันในตลาด ไม่เช่นนั้นก็จะไม่มีผู้ใช้บริการ โดยอัตราค่าบริการ 0.99 บาทต่อนาที ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม
“กำหนด 0.99 บาท ถือเป็นอัตราเฉลี่ยที่คำนวนแล้วว่าผู้ให้บริการจะมีรายได้จากการให้บริการ ซึ่งปัจจุบันผู้ให้บริการแต่ละรายให้บริการต่อนาทีเฉลี่ยที่ 0.6 − 0.7 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่า 0.99 บาทอยู่แล้ว ดังนั้น เชื่อว่า จะไม่เกิดปัญหาใดๆ ตามมา”
ทั้งนี้ จากประกาศดังกล่าวผู้ให้บริการที่มีอำนาจเหนือตลาดจะสามารถให้บริการโปรโมชันเดิม ที่เกินอัตราที่กำหนดได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2555 ส่วนโปรโมชันใหม่สามารถเริ่มให้บริการได้ตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน ที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันทาง กสทช.ได้รับรายละเอียดใหม่เข้ามาค่ายละ 1 โปรโมชันแล้ว
“จากการสำรวจของ กสทช.พบว่า โปรโมชันที่ให้บริการในปัจจุบัน 80-90% จะหมดอายุภายในปี 2555 อยู่แล้ว ส่วนที่เหลือผู้ให้บริการสามารถนำเสนอเครือข่ายที่ใกล้เคียงเดิมได้ เพียงแต่ต้องปรับให้สอดคล้องกับประกาศดังกล่าว”
ส่วนในเรื่องของการกำหนดอัตราขั้นสูงของบริการประเภทข้อมูล (Data) ซึ่งรวมถึงการให้บริการข้อความสั้น (SMS) และข้อความมัลติมีเดีย (MMS) กำลังอยู่ในช่วงดำเนินการ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในช่วงกลางปีหน้า พร้อมๆ กัน
Company Relate Link :
กสทช.
ที่มา: manager.co.th
