การศึกษาครั้งล่าสุดจาก AAA Foundation เพื่อความปลอดภัยทางจราจรพบว่า วัยรุ่นหญิงมีแนวโน้มที่จะใช้สมาร์ทโฟนขณะขับรถมากกว่าผู้ชายถึงสองเท่า แถมยังมีผู้หญิงอีก 10% ที่เผลอละสายตาไม่มองถนนเลย
การศึกษาครั้งนี้เก็บข้อมูลโดยใช้กล้องบันทึกนิสัยการขับรถของครอบครัวจำนวน 50 ครอบครัวใน North Carolina ที่เด็กวัยรุ่นในบ้านได้รับอนุญาตให้ขับรถได้โดยไม่ต้องมีผู้ปกครองคอยคุม แต่การเลือกและขนาดของกลุ่มตัวอย่างในการวิจัยครั้งนี้อาจจะน้อยเกินไปจนทำให้ผลลัพธ์ที่ได้อาจจะยังยืนยันอะไรได้ไม่ชัดเจนนัก แต่ก็พอที่จะแสดงให้เห็นภาพอะไรบางอย่าง
ไม่น่าแปลกใจเลยที่การใช้อุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์เป็นต้นเหตุหลักที่ทำให้ละสายตาไปจากท้องถนน ตามมาด้วย การแต่งหน้า, การกินอาหารหรือขนม, การดื่มน้ำ, การเอื้อมไปหยิบของบางอย่างในรถ,การสนทนาในรถและการเล่นที่คึกคะนอง ซึ่งการละสายตาจนไม่มองถนนคิดเป็นระยะเวลา 15 % ของความยาวคลิปทั้งหมดที่ถูกบันทึกในการศึกษาครั้งนี้
มีวัยรุ่นหญิงจำนวน 10 % ที่เผลอละสายตาจนไม่มองถนนเลยขณะขับรถเลยซึ่งสาเหตุหลักก็มาจากการใช้สมาร์ทโฟน ตามมาด้วยการหาของในรถ และการทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มในรถ ในทางตรงกันข้ามวัยรุ่นชายจะละสายตาโดยหันไปคุยกับคนที่นั่งข้างๆหรือคนที่อยู่นอกรถซะมากกว่า การเผลอละสายตาไปจากท้องถนนจะมีอัตราลดลงเมื่อมีผู้ปกครองนั่งไปด้วยในรถ ในขณะที่อัตราการสนทนาเสียงดังและการเล่นคึกคะนองจะเพิ่มขึ้นเมื่อจำนวนวัยรุ่นในรถเพิ่มขึ้น คนที่ขับรถที่มีการสนทนาเสียงดังภายในรถจะมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุถึง 6 เท่า ส่วนคนที่อยู่ในรถที่มีการเล่นคึกคะนองจะมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุถึง 2 เท่า
นี่อาจจะไม่ใช่การศึกษาที่ถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์เป๊ะๆ แต่ก็เป็นหลักฐานอีกชิ้นที่ช่วยเตือนให้ทุกคนไม่ว่าเด็กวัยรุ่นหรือผู้ใหญ่ให้มีสมาธิจับจ้องไปที่ท้องถนนขณะขับรถอยู่ตลอดเวลาเพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุตามมาภายหลังได้ค่ะ
ที่มา Dailygizmo