จากการศึกษาของ ComScore อันใหม่ เปิดเผยว่า ผู้ใช้ไอโฟนในสหรัฐฯและสหราชอาณาจักร มีแนวโน้มที่จะใช้งานไว-ไฟมากกว่าผู้ใช้แพลตฟอร์มแอนดรอยด์โดยผลการศึกษาใหม่ถึงความแตกต่างหลักบางอย่างในวิธีการใช้ไอโฟนและแอนดรอยด์ของผู้ใช้สมาร์ทโฟนในการเข้าถึงข้อมูล พบว่า ผู้ใช้ไอโฟนทั้งในสหรัฐฯและสหราชอาณาจักร บริโภคข้อมูลจำนวนมากผ่านทางไว-ไฟมากกว่า และผู้ให้บริการเครือข่ายไร้สายส่งสัญญาณให้กับผู้ใช้สมาร์ทโฟนบนแพลตฟอร์มแอนดรอยด์มากกว่าตลอดเดือนกุมภาพันธ์ โดย ComScore ยังได้กล่าวอีกว่า ร้อยละ 71 ของผู้ใช้ไอโฟนในสหรัฐฯ ใช้งานทั้งเครือข่ายมือถือและไว-ไฟ เทียบกับ 32 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้แอนดรอยด์ที่ใช้การเชื่อมต่อทั้งสองอย่าง นอกจากนี้ กว่า 29 และ 68 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้ไอโฟนและแอนดรอยด์ตามลำดับ มีการใช้การเชื่อมต่อผ่านทางเครือข่ายมือถืออย่างเดียวเท่านั้น ทางฝั่งสหราชอาณาจักร ComScore พบความอิ่มตัวของไว-ไฟมากขึ้นในหมู่ผู้ใช้ โดยประมาณ 87 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้ไอโฟน มีการใช้งานทั้งเครือข่ายมือถือและไว-ไฟ ในขณะที่ 57 เปอร์เซ็นต์ เป็นของผู้ใช้แอนดรอยด์ และประมาณร้อยละ 13 และ 43 ตามลำดับ เป็นของผู้ใช้ไอโฟนและแอนดรอย์ที่มีการเชื่อมต่อผ่านทางเครือข่ายมือถืออย่างเดียว โดยในคำอธิบายบางส่วนถึงสาเหตุที่ว่าทำไมข้อมูลมีความแตกต่างกันระหว่างทั้งสองประเทศ Serge Matta ประธานฝ่ายปฏิบัติการและโมบายโซลูชั่นของ ComScore ได้กล่าวเอาไว้ว่า "ในสหราชอาณาจักร มีความขาดแคลนในส่วนของแผนบริการข้อมูลแบบไม่จำกัด ประกอบกับอัตราการเกิดของสมาร์ทโฟนประเภทที่ทำสัญญาชำระเงินแบบ ใช้เท่าไรจ่ายเท่านั้น ทำให้ผู้ใช้งานต้องการที่จะประหยัดการใช้งานผ่านทางเครือข่ายมือถือ" นอกจากนี้ เขายังได้กล่าวว่า การขาดซึ่งเครือข่ายความเร็วสูง 4G เหมือนอย่างในสหรัฐฯ อาจเป็นแรงบังคับให้ผู้ใช้ในสหราชอาณาจักรเปลี่ยนมาใช้วิธีการเชื่อมต่อไว-ไฟมากขึ้นอีกด้วย
Source : CNET
ที่มา: pantip.com