“ปิงปอง สะแกวัลย์” เผย สภาพร่างกายยังไม่ดีขึ้น ยังมีอาการเป็นไข้อยู่ทุกวัน บอกมีความกังวลในเรื่องปอดและแขนที่มักจะเจ็บและบวม ส่วนคดียังอยู่ระหว่างดำเนินการ พ้อกำลังใจแย่ แต่ก็พยายามปลอบใจตัวเอง เพราะตั้งแต่ออก รพ.มาต้องใช้ชีวิตตามลำพัง หลังจากออกมาสารภาพยอมรับผิดจากอุบัติเหตุขับรถจนทำให้มีคนเสียชีวิต ล่าสุด สาว “ปิงปอง สะแกวัลย์ ยงใจยุทธ” ก็ปรากฏตัวร่วมงานบวชพระ “เจสัน ยัง” เป็นครั้งแรก สอบถามอาการล่าสุด เจ้าตัวก็เผยว่า แม้ภายนอกจะมองว่าเริ่มจะปกติแล้ว แต่จริงๆ ร่างกายยังไม่เข้าที่ปกติเหมือนภายนอกที่เห็น
“ปองเองไม่ออกงานเลยช่วงนี้ ด้วยสภาพสังขารร่างกาย รวมไปถึงการที่จะตอบถามเยอะแยะมากมาย และรูปคดี อาการตอนนี้ภายนอกเหมือนจะดีเป็นปกติ แต่จริงๆ แล้วก็ขึ้นๆ ลงๆ ดูแล้วเหมือนจะดี แต่มันเป็นไข้ขึ้นๆ ลงๆ ทุกวันเลย ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน มันจะเป็นวันละ 2 ชั่วโมง จะเป็นช่วงตอนตื่น หรือก่อนนอน ช่วงที่หลับอยู่ แขนที่เจ็บอยู่ก็จะบวมมากอยู่ทุกวัน”
“เรียกว่า ร่างกายตอนนี้ยังต้องเข้าไปให้หมอเช็กทุกอาทิตย์ แต่ด้วยความขี้เกียจของปอง แล้วเราก็ลองเปลี่ยนโรงพยาบาล ที่เปลี่ยนเพื่อความสะดวกของเรา ไม่ใช่ว่าหมอไม่ดีอะไร แต่ละที่ที่ไปก็ให้ผลออกมาไม่เหมือนกัน ก็เลยไม่รู้จะเชื่อหมอไหนแล้วตอนนี้ บางคนบอกอย่าพยายามออกกำลังกายเยอะ อย่าไปเร่งใช้ร่างกายเยอะ บางหมอก็บอกว่าให้ทำกายภาพเยอะๆ พอทำกลายเป็นว่ามันบวม บางทีแขนเราบวมเท่าน่องขาเลยนะ”
เผยยังกังวลเรื่องของร่างกายที่มักจะเจ็บปอดและแขนอยู่ตลอด บอกตอนนี้ใช้ชีวิตอยู่คนเดียว กำลังใจแย่แต่พยายามปลอบใจตนเอง
“ก็จะเป็นกังวลในเรื่องของแขนกับปอดอยู่ เพราะจะยังเจ็บปอดอยู่บ่อยมาก บางวันก็เจ็บแบบไม่มีเหตุผล ก็จะปวดมาก ส่วนแขนด้วยความที่เราชอบนอนตะแคงมันก็จะไปทับ แล้วก็จะปวดมาก นี่ก็รักษาตัวมาเข้าเดือนที่ 4 แล้ว อาการมันก็น่าจะคงที่ดีขึ้นได้แล้ว แต่มันก็ยังบวมๆ ช้ำๆ อยู่เหมือนเดิม”
“ในส่วนของรูปคดีก็กำลังอยู่ในส่วนของขั้นตอน ไม่ใช่ว่าเราจะปิด แต่เราไม่รู้จริงๆ ว่า มันไปถึงไหนแล้ว ก็มีการไปไหว้ที่เกิดเหตุมา ก็ยังขนลุกเพราะยังมีรอยไหม้อยู่เลย เขาก็เล่าเรื่องวิญญาณให้ฟังก็เป็นการเล่าสู่กันฟังมากกว่า ไปถึงรู้สึกเลยว่าเรารอดมาได้ยังไง ก็ให้เพื่อนลองขับรถบริเวณตรงนั้นดู เขาก็ขับไม่ได้เหมือนกันเพราะบริเวณนั้นก็เป็นหลุมเป็นบ่อไปหมด ทางตำรวจเองก็น่ารักกับปองมาก ตอนไปพิมพ์ลายมือเป็นผู้ต้องหา เราก็คิดมากบ่นไปว่าในชีวิตนี้เราต้องมาเป็นผู้ต้องหาจริงๆ แล้ว ท่านก็บอกว่าไม่เป็นไรไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องตกใจ คนที่เป็นข้าราชการเขาก็ต้องทำแบบนี้เหมือนกัน ท่านก็ปลอบใจ”
“ก็อยากให้เรื่องมันจบๆ ไป อยากจะให้ร่างกายหายเป็นปกติ เพราะอยากจะเดินได้เหมือนปกติ ไม่อยากจะเป็นภาระของใคร กำลังใจตอนนี้ก็แย่นะ แต่กำลังใจเรายังดีอยู่ คือ มันก็รอดมาขนาดนี้แล้วนะ มันก็ต้องรอดต่อไป ก็ไม่รู้จะเศร้ามากไปกว่านี้ทำไมเพราะมันก็เศร้าอยู่แล้ว ตอนนี้ปองอยู่คนเดียวมา 1 เดือนแล้วเต็มๆ ไม่มีใครดูแลเราเลย ไม่กี่วันที่แล้วทำมาม่ากิน มือหยิบไม่ได้ เราก็ร้องไห้ ก็ให้กำลังใจตัวเองไปว่ายังมีคนที่แย่กว่าเรา แต่ก็ยังแอบคิดว่าทำไมต้องเป็นกูวะ มันเป็นเรื่องไม่น่าจะเกิดกับเราเลย แต่ก็อย่างที่บอกก็ยังมีคนที่แย่กว่าเรา”
ที่มา: manager.co.th