“โก้ ธีรศักดิ์” เครียด ศาลยกฟ้อง “สีดา” ในคดีฉ้อโกง ทำให้คนมองตนเป็นคนผิดทั้งที่เป็นผู้ถูกกระทำ ลั่นจะอุทธรณ์ให้ถึงที่สุด สวนกลับหลังอีกฝ่ายบอกว่าสิ่งที่ตนให้ข่าวทำให้เสียหาย เสียทั้งงานและเสียชื่อเสียง ยันใครทำอย่างไรก็ได้อย่างนั้น เพราะคนในวงการก็รู้ดี ถึงกับออกปากว่ารู้สึกเครียด สำหรับอดีตนักร้องและนักแสดงหนุ่ม “โก้ ธีรศักดิ์ พันธุจริยา” หลังศาลจังหวัดพระโขนง ได้มีคำพิพากษายกฟ้อง “สีดา พัวพิมล” ที่ตนยื่นฟ้องอีกฝ่ายในข้อหาฉ้อโกงเงินรวม 5.5 แสนบาท หลังคู่กรณีกู้เงินอ้างว่าจะเอาเงินไปทำละครเรื่อง “แม่นาคพระโขนง” ให้กับบริษัทเจเอสแอล แต่สุดท้ายพอสอบถามไปยังเจเอสแอลกลับได้คำตอบว่าโปรเจกต์ละครเรื่องนี้ถูกพับไว้ไม่มีกำหนด โดยพิพากษาว่า คดีนี้มูลเหตุเกิดจากคู่ความทั้งสองตกลงร่วมลงทุนทำละคร เรื่อง แม่นาคพระโขนงกัน แต่ไม่สำเร็จ จึงไม่เข้าข่ายเป็นการหลอกลวงโจทก์ ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ เพื่อให้ได้ทรัพย์สิน อีกทั้งจำเลยไม่มีเจตนาทุจริต จึงไม่ถือเป็นความผิดฐานฉ้อโกง พิพากษายกฟ้อง โดยโก้ได้เผยถึงเรื่องดังกล่าวแบบมีเซ็งว่า...
“ถามความรู้สึกวันนั้นที่ได้ฟังคำตัดสิน ผมก็รู้สึกเครียดมากเลย เหนื่อย เพลีย เราก็ลองคิดว่านอนทบทวนว่า ครั้งหนึ่งเราเคยไปจับครีมหน้าเด้งที่โคราช เราไปจับร้านสามี แต่ร้านภรรยาเก็บของทัน แล้วฟ้องกลับเรา ว่าเราเป็นผู้บุกรุก เราก็ผิด เราก็ยอมรับกฎกติกากฎหมายเพราะฉะนั้น เราทำอะไรต้องรอบคอบ”
“ต่อจากนี้ทางที่ดีจะไม่ให้ใครยืมเงิน และไม่ยืมเงินใคร กระบวนการต่อจากนี้ ผมยังต้องอุทธรณ์ต่อ บางคนเข้าใจผิดว่า การยกฟ้องกลายเป็นว่าผมเป็นฝ่ายผิด ผมเป็นโจท์กคดีอาญา แต่เราเคารพในดุลยพินิจของศาล ที่เชื่อว่า แม่สีดาเป็นผู้จัดละครจริงๆ เราก็ยอมรับ แต่สุดท้ายเรามีสิทธิ์อุทธรณ์ได้ครับภายใน 30 วัน แต่เราต้องใช้เวลานิดนึง 2-3 ปี ยังไงก็ให้กำลังใจกันนิดนึง ซึ่งทางคุณแม่เองก็ไม่ได้มีความประสงค์จะไกล่เกลี่ย เรามีสัญญาเงินกู้ด้วย แต้มันเป็นคดีแพ่ง แต่เราฟ้องเงินกู้เงินลงทุนที่ฉ้อโกง”
“ที่หลายคนเทคะแนนสงสารให้แม่สีดา แต่คะแนนสงสารผมก็มีเยอะนะครับ เขาก็อาจจะได้คะแนนสงสารบ้าง เพราะว่าเขาก็เสียลูกชายไป คนก็เห็นใจ สุดท้ายก็คือความจริงอยู่วันยังค่ำ ส่วนตอนนี้อีกฝ่ายสถานะความเป็นอยู่ไม่ค่อยดี ถามว่าผมทราบไหม อันนี้ก็แล้วแต่ใครทำยังไงก็ได้อย่างนั้น”
“ทุกอย่างเราสาบานต่อหน้าศาลแล้ว ว่าถ้าเราพูดความจริง ขอให้เราเจริญยิ่งๆ ขึ้นไป แต่ถ้าเราโกหกชีวิตเราก็จะตกต่ำ เราก็ต้องอุทธรณ์ต่อเพราะว่าเราเป็นผู้ถูกกระทำ ก็เตรียมกำลังจะยื่นเอกสารครับ ให้ทนายเตรียมยื่นครับ ผมไม่คาดหวังหรอกครับว่าผลจะเป็นอย่างไร ผมเองก็ไม่เคยอาฆาตมาดร้าย เรากำตัวปกติ แต่สุดท้ายก็ต้องขึ้นกับกระบวนการทางกฏหมาย”
“ส่วนที่เขาบอกว่าสิ่งที่ผมให้ข่าวแล้วทำให้เขาเสียหายทั้งหน้าที่การงานและชื่อเสียงในวงการ จริงๆ แล้วผมไม่อยากพูดมาก ดูจากการกระทำ มันมีที่มาและที่ไป ก็ลองถามคนในวงการว่าใครเป็นอย่างไร สุดท้ายผมคิดว่าเราก็ทำตัวเราให้ดีที่สุด การที่เราจะฟ้องได้ หลักฐานมันก็ต้องมี ไม่งั้นแจ้งความไม่ได้”
ที่มา: manager.co.th