นายรักเกียรติ หงษ์กาญจนพงษ์ 'ทีอี คอนเน็คทิวิตี้' เดินหน้ารักษาผู้นำตลาดอุปกรณ์เครือข่าย หวังกลุ่มสถาบันการเงิน และการศึกษา ลงทุนด้านดาต้าเซ็นเตอร์ช่วยกระตุ้นยอดขาย พร้อมเน้นขยายไปยังตลาดต่างจังหวัดตามหัวเมืองใหญ่ นายรักเกียรติ หงษ์กาญจนพงษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย ประจำภาคพื้นเอเชียเหนือ บริษัท ทีอี คอนเน็คทิวิตี้ ให้ข้อมูลว่า ตลาดอุปกรณ์เครือข่ายในประเทศไทยมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องราว 15% ทุกๆปี ซึ่งในส่วนของทีอีเองมีอัตราการเติบโตมากกว่าตลาด
"ในส่วนของตลาดอุปกรณ์เครือข่ายนั้น จะมีการสำรวจตลาดทุกๆ 2 ปี โดยในปี 2009 ทีอี มีส่วนแบ่งตลาดในประเทศไทยที่ 53% ขณะที่ในปี 2011 คาดว่าจะอยู่ราว 60% ซึ่งผลสำรวจจะออกในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า ทำให้มั่นใจจะสามารถรักษาความเป็นผู้นำตลาดอุปกรณ์เครือข่ายได้"
โดยอุปกรณ์เครือข่ายที่ ทีอี คอนเน็คทิวิตี้ จำหน่ายนั้นจะประกอบไปด้วยผลิตภัณฑ์สายสัญญาณ และอุปกรณ์เชื่อมต่อในแบรนด์ AMP Netconnect และ ADC Krone ซึ่งการทำตลาดในปีนี้จะเน้นให้ความสำคัญแก่ลูกค้าในกลุ่มสถาบันการเงิน การศึกษา และโรงแรม ที่ต้องมีการสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ เพื่อรองรับปริมาณข้อมูลที่ทยอยเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
"ปลายปีที่ผ่านมา ทีอี ได้เข้าร่วมในโครงการสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ เทียร์ 4 ของ ธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งถือว่าเป็นโปรเจกต์ขนาดใหญ่ มีมูลค่าโครงการมากกว่า 5 พันล้านบาท และเชื่อว่าในปีนี้จะมีอีกหลายธนาคารเดินหน้าสร้างดาต้าเซ็นเตอร์เพิ่มตาม ส่งผลให้ทีอี สามารถเติบโตจากตลาดในประเทศได้อีกมาก"
นอกจากนี้ ยังวางแผนที่จะสร้างโชว์รูม เพื่อแสดงเทคโนโลยี ให้แก่ลูกค้า ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างดำเนินการณ์คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงต้นปีหน้า ขณะเดียวกันก็ให้ความสำคัญกับตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น เนื่องจากเดิมสัดส่วนรายได้จะมาจากในกรุงเทพฯราว 80% โดยจะเน้นไปที่หัวเมืองหลักอย่าง เชียงใหม่ ขอนแก่น อุดรธานี อุบลราชธานี และหาดใหญ่
นายรักเกียรติ กล่าวต่อว่า ในช่วง 6 เดือนข้างหน้า ทีอี จะมีโปรดักส์ใหม่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ซึ่งเป็นเทคโนโลยีในการระบุตัวตนของจุดในการเชื่อมต่อที่ชื่อ Quareo ที่จะเข้ามาช่วยเพิ่มขึดความสามารถ ประสิทธิภาพของเน็ตเวิร์กให้สูงขึ้น ซึ่งจะช่วยให้สามารถรักษาอันดับในประเทศไทยได้ต่อไป
ทั้งนี้ ปีที่ผ่านมา ทีอี คอนเน็คทิวิตี้ มีรายได้รวมทั่วโลกอยู่ที่ 4.2 แสนล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้หลักมาจากกลุ่มประเทศในแถบยุโรป 35% สหรัฐอเมริกา 32% เอเชีย 18% และจีน 15% โดยใช้งบในการวิจัยและพัฒนาในปีที่ผ่านมากว่า 2.19 หมื่นล้านบาท
สำหรับช่องทางการจำหน่ายผ่านตัวแทนจำหน่าย 4 รายหลัก บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) , บริษัท จีเน็ต เน็ตเวิร์ค โซลูชั่น จำกัด และ บริษัท เอดับบลิวเอส. ไวร์ เวิร์คส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งจะทำการขายทั้งในรูปแบบขายปลีก และการนำเสนอโครงการต่างๆ ให้แก่ลูกค้า
Company Relate Link :
TE
ที่มา: manager.co.th