Author Topic: ซีเอ ปรับกลยุทธ์ ตั้งตัวแทน ประจำประเทศไทย  (Read 838 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


ซีเอ ปรับโมเดลรุกตลาดอาเซียนใหม่ ด้วยการตั้งตัวแทนธุรกิจประจำแต่ละประเทศเน้นขายเฉพาะซีเอแบรนด์เดียว คาดในไทยรู้ผลในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า พร้อมเผยผลวิจัย คลาวด์เทคโนโลยีเปลี่ยนบทบาทซีไอโอในองค์กรจากนักเทคนิคมาเป็นนักวางแผนกลยุทธ์องค์กรด้วย
       
       นายวิกเตอร์ เฉิง รองประธานบริหารฝ่ายขาย เอเชีย เซาธ์ บริษัท ซีเอ เทคโนโลยี กล่าวว่า ศักยภาพการลงทุนระบบไอซีทีในประเทศอาเซียนถือว่าสูงมากเป็นรองแค่ประเทศจีนเท่านั้น ทำให้ซีเอให้ความสำคัญกับการทำตลาดในภูมิภาคนี้ จึงได้มีการปรับโมเดลการทำตลาดสำหรับภูมิภาคนี้ใหม่ โดยเรียกว่า Country Representative Partner หรือตัวแทนธุรกิจประจำประเทศ โดยพาร์ตเนอร์แบบนี้จะรับผิดชอบตั้งแต่การลงทุนทั้งด้านบุคลากร ด้านการตลาดและด้านเทคนิค โดยจะได้สิทธิในการทำตลาดโซลูชันของซีเอทุกผลิตภัณฑ์
       
       'ซีเอนำโมเดลใหม่มาใช้ใน 3 ประเทศที่มีศักยภาพทางด้านไอซีทีสูงก่อน ประกอบไปด้วยมาเลเชีย ไทย และอินโดนีเซีย ซึ่งได้แต่งตั้งบริษัท ไมโครลิงก์ ไปเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาสำหรับทำตลาดในมาเลเชีย ส่วนไทยคาดว่าจะประกาศในอีก 2-3 เดือนข้างหน้านี้ ที่สำคัญคือ ตัวแทนธุรกิจนี้ในแต่ละประเทศจะมีเพียงแค่ 1 รายเท่านั้น'
       
       รูปแบบการทำตลาดของตัวแทนธุรกิจประจำประเทศนั้น จะแตกต่างจากรูปแบบตัวแทนจำหน่ายทั่วไป ตรงที่ตัวแทนธุรกิจประจำประเทศจะทำตลาดเฉพาะโซลูชันของซีเอเพียงอย่างเดียว โดยมีบริษัท ซีเอ เซลล์ ประเทศไทย คอยสนับสนุนด้านการตลาด เทคโนโลยีและการสนับสนุนด้านธุรกิจ
       
       นายวิกเตอร์ กล่าวว่า ซีเอ ได้มอบหมายให้บริษัท Vanson Bourne ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดอิสระที่เชี่ยวชาญในด้านตลาดเทคโนโลยีมาทำการสำรวจบทบาทในอนาคตของซีไอโอ โดยถามความเห็นของบรรดาซีไอโอในองค์กรที่มีพนักงานมากกว่า 500 คน ในธุรกิจโทรคมนาคม ค้าปลีก การเงินการธนาคารและอุตสาหกรรมการผลิต ซึ่งในภูมิภาคอาเซียนมีซีไอโอที่เข้าร่วมประมาณ 270 ราย ในจำนวนนั้นเป็นซีไอโอในประเทศไทย 30 ราย
       
       ผลการสำรวจความเห็นซีไอโอไทยในรายงานฉบับนี้ พบว่า 57% เชื่อว่า คลาวด์เทคโนโลยีมีผลในเชิงบวกในการช่วยให้ตนเองมีเวลามากขึ้นในการพัฒนายุทธศาสตร์ธุรกิจและนวัตกรรมใหม่ๆ ได้ ซึ่งทำให้บทบาทของซีไอโอไม่ได้จำกัดอยู่ที่แค่ดาต้าเซ็นเตอร์หรือระบบไอทีทางเทคนิคเหมือนในอดีตอีกต่อไป แต่จะต้องมองถึงการนำเทคโนโลยีมาช่วยสร้างกลยุทธ์ทางธุรกิจให้กับองค์กรมากขึ้น
       
       รายงานดังกล่าวยังได้ค้นพบว่า การที่จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในสภาพแวดล้อมของการใช้งานระบบคลาวด์ที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลานั้น ซีไอโอต่างเห็นว่าจำเป็นต้องมีทักษะใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าใจความเสี่ยง การเจรจาและการขาย ตลอดจนทักษะในการจัดซื้อเชิงพาณิชย์ โดยเฉพาะประเด็นเรื่องระเบียบและกฏหมายภาครัฐมีความสำคัญอย่างยิ่ง
       
       'เราต่างทราบกันดีแล้วว่า คอมพิวเตอร์ระบบคลาวด์ได้ส่งผลในเชิงปฏิวัติต่อภาคธุรกิจ แต่ที่ส่งผลนอกเหนือไปจากนั้นก็คือ ยังทำให้เกิดผู้นำเทคโนโลยีรุ่นใหม่ที่เป็นกลุ่มผู้บริหารที่เข้าใจชัดว่าการใช้งานระบบคลาวด์จะมีผลต่อการทำงานขององค์กรอย่างไรบ้าง รวมทั้งเป็นกลุ่มที่เชื่อว่า ระบบคลาวด์จะทำให้ตนก้าวขึ้นสู่ความเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีในอนาคตได้อย่างไร'
       
       ทั้งนี้ไอดีซีได้ประมาณการเติบโตด้านการลงทุนระบบไอซีทีของไทยในปีนี้ว่า จะเติบโตประมาณ 10.4% หรือประมาณ 16.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ แต่สำหรับการลงทุนทางด้านคลาวด์เทคโนโลยีนั้น คาดได้ยากกว่าจะมีมูลค่าเท่าไร แต่เชื่อว่า กลุ่มธุรกิจที่จะมีส่วนผลักดันในการใช้คลาวด์นั้น น่าจะเป็นกลุ่มธุรกิจโทรคมนาคม เนื่องจากมีความคล่องตัวมากกว่ากลุ่มธุรกิจทางด้านธนาคารที่ติดปัญหาเรื่องกฎระเบียบของแบงก์ชาติ
       
       Company Related Link :
       CA

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)