นายสุธี อัศวสุนทรางกูร ซอร์สไฟร์ ตั้งเป้าเบอร์หนึ่งตลาดไอพีเอสไทย มั่นใจช่องทางขายและผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นโดยเฉพาะเน็กซ์เจนไอพีเอสตัวใหม่ที่ครอบคลุมตั้งแต่เน็ตเวิร์กจนถึงแอปพลิเคชันที่ถือว่า คุ้มค่าที่สุดในตลาดเวลานี้ นายสุธี อัศวสุนทรางกูร ผู้จัดการประจำภูมิภาคอินโดจีนและอินเดีย บริษัท ซอร์สไฟร์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ถึงแม้ตลาดไอพีเอสหรือระบบต่อต้านการบุกรุกบนอินเทอร์เน็ตในประเทศไทยจะมีผู้เล่นหลักไม่มากนัก โดยมีผู้นำตลาดคือเอชพีที่มีส่วนแบ่งประมาณ 40% ตามมาด้วยแมคอาฟี ซึ่งคาดว่า ตลาดนี้น่าจะมีมูลค่าประมาณ 5-6 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่จากการที่บริษัทแม่ที่สหรัฐอเมริกาต้องการขยายตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเพิ่มขึ้น ซึ่งไทยมีศักยภาพทางการตลาดพอๆ กับสิงคโปร์และมาเลเซีย ในปีนี้ซอร์สไฟร์จึงตั้งเป้าที่จะขึ้นเป็นผู้นำในตลาดไอพีเอส
'คาดว่าจะเห็นภาพที่ชัดเจนได้ช่วงกลางปีนี้ เพราะเอชพีในช่วง 1-2 ปีนี้ เริ่มมีปัญหาในเรื่องทิศทางการทำตลาด ทำให้เราเชื่อว่าจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดนี้ได้ไม่ยากนัก'
สิ่งที่ทำให้ซอร์สไฟร์มั่นใจทั้งๆ ที่เพิ่งเข้ามาทำตลาดอย่างจริงจังเมื่อปลายปีที่ผ่านมานั้น มีด้วยกัน 2 ส่วนคือ 1. ประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ของซอร์สไฟร์ โดยเฉพาะเรื่องของระบบ Next-Generation Intrusion Prevention System หรือเน็กซ์เจนไอพีเอส ที่เวลานี้ ซอร์สไฟร์เป็นบริษัทเดียวที่มีความครบเครื่องในเรื่องนี้มากที่สุดในตลาด และยิ่งบริษัทได้เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของเน็กซ์เจนไอพีเอส ในส่วนของแอปพลิเคชันคอนโทรลเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ที่กำลังคิดจะลงทุนไอพีเอสจะมีความคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น เนื่องจากเน็กซ์เจนไอพีเอสของซอร์ฟไฟร์นั้นสามารถตรวจสอบข้อมูลได้ตั้งแต่ในระดับเน็ตเวิร์กไปจนถึงระดับแอปพลิเคชัน พร้อมกับระบบรักษาความปลอดภัยแบบอัตโนมัติ
'เน็กซ์เจนไอพีเอส น่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาด และคาดว่าจะมีสัดส่วนถึง 95% ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ทำตลาดในไทยปีนี้ของซอร์สไฟร์'
2. เป็นเรื่องช่องทางจำหน่าย ถึงแม้มีตัวแทนจำหน่ายแค่รายเดียว คือ บริษัท เอ็นฟอร์ซ ซีเคียวริตี้ ซิสเต็มส์ แต่เชื่อว่าครอบคลุมตลาดได้ดี จึงยังไม่มีแผนที่จะขยายช่องทางในส่วนนี้ เพราะยังมีพาร์ทเนอร์ที่เป็นบริษัทผู้ให้คำปรึกษาทางระบบหรือเอสไออีกประมาณ 100 ราย
'ด้วยปัจจัยความคุ้มค่าในตัวผลิตภัณฑ์ที่เหนือกว่าคู่แข่งในราคาที่ใกล้เคียงกัน รวมกับพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจที่ช่วยในการทำตลาด ทำให้เชื่อว่า เราจะเป็นผู้นำในตลาดไอพีเอสเมืองไทยได้อย่างแน่นอน'
ทั้งนี้กลุ่มลูกค้าหลักของซอร์สไฟร์มี 3 กลุ่มคือ 1. ด้านการเงินการธนาคาร 2. ภาครัฐและ 3. มหาวิทยาลัย โดยช่วงนี้ อยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทในเมืองไทยที่จะจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมระบบรักษาความปลอดภัยขึ้น แต่คาดว่า น่าจะเรียบร้อยประมาณปีหน้า ที่ผ่านมาบริษัทใช้วิธีฝึกอบรมในรูปแบบเชิญวิทยากรจากต่างประเทศเข้ามาอบรมให้ 3-4 เดือนครั้ง ซึ่งปัญหาที่พบก็คือเรื่องภาษา
Company Related Link :
SOURCEFIRE
ที่มา: manager.co.th